ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 453 ไทเฮาเสด็จกลับวัง
เกรงว่าองค์หญิงไท่อันเพิ่งจะรู้ตัวกระมัง ว่าพบอะไรในวังของนาง ใบหน้าของนางพลันซีดเผือด พร้อมรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “เสด็จพี่ได้โปรดให้อภัยด้วย ฉีมามามิเคยอ่านตำรามาก่อน และยังมิเคยเห็นโลกใบนี้อีก จึงมิรู้ว่าตุ๊กตาธรรมดาและตุ๊กตาคุณไสยแตกต่างกันอย่างไร”
สีหน้าของฉีมามาพลันชะงักไปชั่วครู่ สายตาจับจ้องไปยังร่างขององค์หญิงไท่อัน พลางกวาดสายตาไปมองรอบๆ ภายในตำหนัก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยหวนอวี่ที่ถือตุ๊กตาคุณไสยอยู่สองตัวนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไป พลางครุ่นคิดอยูชั่วครู่จึงพูดออกมาว่า “นั้นเป็นตุ๊กตาที่ฝ่าบาทประทานให้หรอกหรือ ? ” เมื่อตกตะลึงไปชั่วครู่ จึงรีบร้อนก้มลงคำนับเซี่ยหวนอวี่ “เป็นความผิดของทาสผู้นี้เองเพคะ ทาสเพียงเห็นว่าตุ๊กตาตัวนี้แลดูเก่าแล้ว จึงคิดว่าองค์หญิงคงจะไม่ชื่นชอบตุ๊กตาที่เก่าเช่นนี้ จึงได้ตัดขาดออกเป็นชิ้น ๆ ทว่ามิทันได้คิดว่าเป็นสิ่งของที่ฝ่าบาทประทานให้ ”
“มามา. หุบปากเสีย”ไท่อันรีบร้อนพูดห้าม พลางกำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างกังวล พร้อมเงยหน้าลอบมองใบหน้าของเซี่ยหวนอวี่อยู่เงียบ ๆ
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แม้ว่าองค์หญิงไท่อันจะมิใช่ผู้ที่ฉลาดแต่อย่างใด. การตอบสนองมิได้ช้ามาก แต่ว่า มามาที่อยู่ข้างกายของนางฉลาดเป็นอย่างยิ่ง การตอบสนองรวดเร็ว ไม่เอาแต่ใจ อีกทั้งยังไม่ถือตัวอีก เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้พบเจอตุ๊กตาคุณไสยที่อยู่ใต้เตียงขององค์หญิงไท่อัน ภายในใจรับรู้ได้ว่าหากถูกผู้อื่นพบเข้าจักเป็นเรื่องใหญ่แน่ จึงรีบร้อนตัดตุ๊กตาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน เพื่อมิให้ใครค้นพบ
ทว่าเมื่อถูกคนจับได้ ก็มิได้ทำตัวตื่นตระหนกแต่อย่างใด ยังคงมีการหยุดพักเพื่อจัดองค์ทรงเครื่องของตนอยู่ แม้ว่าข้อแก้ตัวจะดูคลุมเครืออยู่บ้าง ทว่าก็สอดคล้องกับตัวตนของนางเอง อีกทั้งเมื่อนางเห็นบรรยากาศในตำหนักมิชอบมาพากลแล้ว จึงหันไปเห็นตุ๊กตาคุณไสยที่อยู่ในมือเซี่ยหวนอวี่นั้น ถึงรีบร้อนแก้ตัวอีกครั้ง พร้อมกับแสดงให้ดูมีความวิตกกังวลและดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ประกอบกับว่านางกังวลถึงสิ่งที่นางตัดตุ๊กตาว่าเป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้
เซี่ยหวนอวี่จ้องมองฉีมามาอยู่นาน จึงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาว่า “นำตัวนางออกไปเสีย”
หลิวเหวินอันพลางรับคำสั่ง พร้อมโบกมือเรียกทหารยามด้านนอกให้มาลากตัวฉีมามาออกไป
ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือของฮองเฮามีร่อยรอยการยับยู่ยี่อยู่เล็กน้อย เพียงชั่วครู่ จึงเปิดปากออกมาว่า “หากแม้แต่วังไท่อันยังพบเจอตุ๊กตาคุณไสยแล้วละก็. นี่คนเป็นครั้งที่สามแล้วกระมัง หม่อมฉันเกรงว่า คงต้องทำการค้นหาเสียแล้ว ทั้งวังอ๋องทั้งหลาย วังขององค์หญิง รวมทั้งทั่วพระราชวัง ออกคำสั่งให้คนค้นหาให้ดี มิรู้ว่าตอนนี้มีปลากี่ตัวที่หลุดออกไปได้แล้ว หากจับตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้แล้วนั้น จักต้องจับมาสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น กรรมวิธีที่ชั่วช้าเช่นนี้ ราวกลับกำลังสาบแช่งฝ่าบาทเลยทีเดียว”
หยุนชางกลับพบว่า เมื่อครู่สายตาของฮองเฮาจับจ้องไปยังตุ๊กตาคุณไสยที่อยู่ในมือของเซี่ยหวนอวี่อยู่ครู่หนึ่ง
เซี่ยหวนอวี่พลันนำตุ๊กตาคุณไสยทั้งสองตัววางไว้บนโต๊ะ “คาถาคุณไสยพวกนี้เป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขาน. ตอนนี้ เวลานี้เ จิ้นมิใช่ยังอยู่ดีหรอกหรือ? ”
“การเชื่อว่ามี. ดีกว่าไม่เชื่อว่าไม่มี คนทำคงวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว. แสดงว่ามันจักต้องทำได้อย่างแน่นอน มิสู้ฝ่าบาทตามหาผู้ที่มีวิชาอาคมสูงส่งมาดูให้ว่าสิ่งของชิ้นนี้มีความลึกลับเช่นไรมิดีกว่าหรือ ” ลั่วชิงเหยียนเปิดปากพูดขึ้นมาด้วยความไม่รีบไม่ร้อน
เซี่ยหวนอวี่พลันชะงักไปชั่วครู่ มิคิดว่าลั่วชิงเหยียนจะเป็นผู้พูดประโยคนี้ออกมา พลางเงียบครุ่นคิดกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมหันหน้าไปถามอ๋องเจ็ด “เจ้าเล่า ? ภายในวังของเจ้าก็พบเจอของสิ่งนี้ เจ้าจักทำเช่นไร?”
อ๋องเจ็ดรีบร้อนยกมือขึ้นคำนับ “กระหม่อมเห็นว่าพี่ใหญ่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา. เป็นเพราะว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของเสด็จพ่อ ดังนั้นเราจึงควรคิดให้รอบคอบขึ้นพะยะค่ะ บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเซี่ยคือเลี่ยวคงไต้ซือแล้ว มิสู้เสด็จพ่อไปอัญเชิญเลี่ยวคงไต้ซือมาตรวจสอบหน่อยดีหรือไม่พะยะค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ไปอัญเชิญมาเสีย” เซี่ยหวนอวี่พูดอย่างเฉยเมย เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาอีกว่า “หากแต่ ข้ากลับคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้จงใจทำให้เกิดขึ้นแน่ ถ้าเช่นนั้นให้รองเจ้ากรมอาญามาตรวจสอบด้วยเห็นเป็นเช่นไร ” เซี่ยหวนอวี่จึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายเสียก่อนพลางเรียกให้คนออกพระราชโองการว่า. ให้ทุกคนในรั้วพระราชวังตรวจสอบภายในวังของตนให้ดีว่าพบเจอตุ๊กตาคุณไสยหรือไม่
ลั่วชิงเหยียนพลางตามเซี่ยหวนอวี่และอ๋องเจ็ดออกไปประชุมที่ท้องพระโรง หยุนชางจึงถูกทิ้งไว้กับฮองเฮาที่ตำหนักเว่ยยาง
“ได้ยินมาว่า วังของพวกเจ้าเป็นผู้พบเจอตุ๊กตาคุณไสยก่อนงั้นหรือ ตกใจหรือไม่ ? ” รอยยิ้มของฮองเฮา เต็มไปด้วยความใจดี
หยุนชางพลันรีบร้อนตอบกลับว่า “ไม่เลยเพคะ เมื่อวานหม่อมฉันมิได้อยู่ในวัง หากแต่เป็นข้ารับใช้ที่เป็นคนพบเข้า อีกทั้งยังเป็นคนเก่าแก่ของวังองค์รัชทายาทอีกด้วย เขายังมิทันจะได้รายงานถึงพ่อบ้าน กลับเอ้อระเหยลอยชาย เมื่อพ่อบ้านรู้เรื่องเข้า กลับพบว่าข้ารับใช้ชราได้ตายแล้ว อีกทั้งยังมิพบเจอตุ๊กตาคุณไสยตัวนั้นอีกด้วย หม่อมฉันจึงรีบกลับไปยังวังของท่านอ๋อง เกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น สิ่งของเช่นนั้นได้ทำร้ายคน หากปล่อยไปคงมิเป็นการดีเป็นแน่ ” พูดจบ พลันถอนหายใจออกมาพลาง ๆ หม่อมฉันมิเคยคิดมาก่อนเลย หม่อมฉันกับท่านอ๋องเพิ่งจะมาถึงแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน ยังมิทันได้คุ้นเคยแต่อย่างใด ข้ารับใช้ชราในวังก็ดีช่วยเตือนอะไรหม่อมฉันหลายอย่าง ทว่ามิคาดคิดเลยว่า ข้ารับใช้ชราผู้นั้นจักมิฟังคำสั่งสอนของพ่อบ้าน ถึงได้ชักนำภัยอันตรายมาเข้าตัวเองเช่นนี้”
ใบหน้าของฮองเฮาพลันซีดลงหลายส่วน พร้อมทั้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลูกชายของเปิ่นกงถือว่าเป็นพรจากพระเจ้าแล้ว. เมื่อครั้งที่เขายังเด็กอยู่นั้น. หากรู้เร็วกว่านี้ เปิ่นกงคงจะมิให้เขาไปที่แคว้นหนิงแล้ว ผู้คนที่อยู่ในวังของเขานั้น ล้วนแต่เคารพกฏเป็นอย่างดี เกรงว่าคงเป็นเพราะเปลี่ยนเจ้านายใหม่กระมัง พวกเขาจึงมิค่อยพอใจเล็กน้อย”
หยุนชางพลันยิ้มออกมาอย่างเย็นชา หากมิใช่องค์รัชทายาทรู้ถึงตัวตนของท่านอ๋องที่แคว้นหนิงนั้น คงตั้งใจลอบสังหารท่านอ๋องและนางเป็นแน่ เขาถูกขังอยู่ในคุกแล้วอย่างไร เพื่อที่จะให้อ๋องเจ็ดแคล้วคลาดปลอดภัยนั้น คิดไปคิดมาก็ต้องค้นหาเอาเองมิใช่หรือ ทว่าเมื่อฟังน้ำเสียงของฮองเฮาแล้ว กลับโทษว่าเป็นความผิดของนางที่ไม่สามารถต้านทานความไม่เชื่อฟังของข้ารับใช้ได้
“เพคะ เมื่อครั้งตอนอยู่ที่แคว้นหนิงนั้น ท่านอ๋องมักจะออกไปสู้รบเป็นประจำ ผู้คนในวังล้วนแต่เชื่อฟัง อีกทั้งยังสั่งสอนไม่ยากอีกด้วย หม่อมฉันยังไม่มีประสบการณ์มากนักในการควบคุมข้ารับใช้ หม่อมฉันอายุยังน้อย เกรงว่าหลาย ๆ เรื่องอาจไม่ชำนาญเท่าพระชายาขององค์รัชาทายาทองค์ก่อน หม่อมฉันกลับคิดว่า พระชายาขององค์รัชาทายาทองค์ก่อนหากนางสนิทชิดเชื้อกับข้ารับใช้ชรามากนัก หม่อมฉันก็จะส่งข้ารับใช้ชราพวกนี้ให้นาง เมื่อถึงเวลาเฝ้าสุสานเมื่อใด เกรงว่าพวกเขาคงจะใช้งานได้. หม่อมฉันคงจะรอเลือกข้ารับใช้ใหม่ ๆ มาเข้าวังเสียดีกว่า คนใหม่นั้นถึงแม้ว่าจักต้องใช้เวลาในการสั่งสอน ทว่าก็ควบคุมได้ง่ายกว่ามาก ” หยุนชางจึงยิ้มด้วยความอ่อนหวาน
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น ภายในรอยยิ้มแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยต้องนางอยู่บ้าง จึงส่งรอยยิ้มที่เย็นชากลับไปว่า “วังนี้ถูกมอบให้รุ่ยอ๋อง จักต้องเป็นเจ้าที่เป็นเจ้านายแล้ว เจ้าก็ไปวางแผนเถอะว่าเจ้าจะจัดการเช่นไร ” เมื่อเงียบไปสักพัก พลางเปลี่ยนหัวข้อเรื่องว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อคืนเจ้าพักอยู่ที่ตำหนักเซียงจู๋หรือ ? เปิ่นกงเห็นว่าวันนี้เจ้าและเซียงกุ้ยผินเดินเข้ามาพร้อมกัน เช่นนั้นก็ดี เจ้าและนางอายุยี่สิบเท่ากัน จึงสามารถพูดคุยกันได้”
หยุนชางมิได้ปฏิเสธแต่อย่างใด พร้อมยิ้มตอบว่า “เซียงกุ้ยผินรูปโฉมงดงาม ฉิณหมากกลอนภาพวาดล้วนแต่ชำนาญ หม่อมฉันรู้สึกชื่มชมนางเป็นอย่างมาก เมื่อครั้งยังอยู่ที่แคว้นหนิงนั้น แม่นางสนมของหม่อมฉันเคยสอนไว้ว่า ให้คบหากับคนเก่ง และพูดคุยกับคนมีศีลธรรม ผู้คนจะชื่นชอบคนที่ถ่อมตนและมีเมตตา”
“แม่นางสนม ?” ฮองเฮาพลันชะงักไปครู่หนึ่ง “เปิ่นกงได้ยินมาว่า เจ้าถูกฮองเฮาชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่มิใช่หรือ ? ”
หยุนชางยังมิทันได้ตอบ ฮองเฮากลับพูดขึ้นมาอีกว่า “โอ้ เปิ่นกงลืมไป เจ้าเป็นบุตรที่จิ่นเฟยคลอดออกมาใช่หรือไม่ ? ได้ยินมาว่าสิบปีก่อนหน้านั้นจิ่นเฟยอยู่ในตำหนักเย็นมิใช่หรือ ”
หยุนชางกำแขนเสื้อแน่นขึ้นเล้กน้อย เพียงชั่วครู่จึงหัวเราะออกมาแห้ง ๆ ว่า “มิได้เติบโตมาจากฮองเฮาหรอกเพคะ หม่อมฉันยามแปดหนาวด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรง จึงถูกส่งมายังวิหารแคว้นหนิงเพื่อรักษาตัว จนถึงอายุสิบห้า ก่อนหน้าที่จะทำการปักปิ่นนั้น ก็ได้กลับมายังเมื่องหลวง หลังจากกลับวังมาได้ไม่นาน แม่นางสนมก็ได้ตำแหน่งกลับคืนมาเหมือนเดิม ” ยิ้มเล็กน้อย พร้อมพูดอีกว่า “ตอนนี้ น้องชายก็ใกล้จะครบขวบเต็มแล้วเพคะ ในหวังหลังนั้น ตำแหน่งมิได้สลักสำคัญอันใด บางครั้งตำแหน่งที่ได้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตนเองและภูมิหลังของครอบครัว เมื่อมีทั้งบุตรสาวและบุตรชายอยู่ข้างกายแล้ว นับว่าเป็นพรที่มีค่าที่สุด”
เมือ่ได้ยินดังนั้น ฮองเฮากลับหัวเราะไม่ออก นางมีเพียงบุตรชายคนเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านั้นนางรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก ทว่าตอนนี้นางไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นอีกแล้ว
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง เซียงกุ้ยผินเหนียงเหนียงและเสิ่นซู่เฟยเหนียงเหนียงภายในตำหนักก็พบตุ๊กตาคุณไสยอยู่เช่นกันเพคะ ” สองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พลางมีข้ารับใช้เดินเข้ามา คุกเข่าอยู่ตรงหน้ารายงาน
ฮองเฮานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ค่อยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา พลางเช็ดไปที่มุมปาก ” เซียงกุ้ยผิน ? เสิ่นซู่เฟย?”
เพียงชั่วครู่ จึงถามขึ้นมาว่า “ของชิ้นนั้นนำมาแล้วหรือ ? ”
ข้ารับใช้ผู้นั้น พลันรีบร้อนตอบกลับมาอีกว่า “นำมาแล้วเพคะ นู๋ปี๋เห็นมากับตา ก่อนหน้านั้นที่พบเจอในวังของท่านอ๋องทั้งสอง เนื้อผ้าและด้านไหมล้วนแต่เหมือนกัน หากแต่ฝีปักมิใช่คนเดียวกันปักเป็นแน่ ”
“ทั้งหมดมิใช่คนเดียวกันปักงั้นหรือ ? เช่นนั้นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก หากมิใช่คนเดียวกันปักแล้ว มิใช่ว่า เรื่องนี้มิได้มีคนเดียวที่กระทำขึ้นมางั้นหรือ ? “ฮองเฮาพลันขมวดคิ้วแน่น พลางลูบคลำหน้าผากตนเองไปมา “ถ้าเช่นนั้น ในพระราชวังแห่งนี้สาวใช้ที่ปักผ้าล้วนแต่รู้จักกันมิใช่หรือ ? เช่นนั้นคงจะบอกได้ว่าเป็นฝีปักของใครใช่หรือไม่ ?”