ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 441 มือสังหารตัวจริง (แผนการของฮองเฮาแคว้นเซี่ย)
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
- ตอนที่ 441 มือสังหารตัวจริง (แผนการของฮองเฮาแคว้นเซี่ย)
ฮองเฮารับคำและยืนขึ้นกล่าวว่า “หมอหลวงบอกว่าเชียนหลิงได้กินของที่มีพิษเข้าไปและองครักษ์เงารายงานว่าเมื่อวานองค์หญิงกินของที่ตำหนักชิงหย่าและที่จวนรุ่ยอ๋อง เพียงแต่ที่ตำหนักชิงหย่านั้นเป็นราวๆ ยามอู่ หมอหลวงบอกว่าช่วงเวลาที่ยาพิษออกฤทธิ์นั้นอยู่ราวสองชั่วยาม ดังนั้นเวลาที่ตำหนักชิงหย่านั้นจึงไม่ตรงกัน”
หยุนชางหรี่ตาลง เช่นนั้นก็หมายความว่ามีเพียงจวนรุ่ยอ๋องของนางที่น่าสงสัยใช่หรือไม่? หยุนชางแอบยิ้มเย็นในใจ “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันและองค์หญิงเชียนหลิงไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อีกทั้งเมื่อวานองค์หญิงก็มาเยือนอย่างกะทันหัน เดิมทีขนมนั้นหม่อมฉันเตรียมไว้สำหรับกินเอง หม่อมฉันคงไม่ถึงขั้นใส่ยาพิษลงในขนมเพื่อวางยาตนเองหรอกนะเพคะ”
เซี่ยหวนอวี่กวาดตามองหยุนชางอย่างเย็นชา “ขนมเมื่อวานยังเหลืออยู่ไหม?”
“นอกจากนี้ ฤดูกาลนี้ไม่มีดอกกุ้ยฮวา แต่หม่อมฉันชอบกินขนมกุ้ยฮวา ขนมกุ้ยฮวาที่ทำขึ้นเมื่อวานยังเป็นท่านอ๋องที่ไปลำบากเสาะหามาจากเครื่องหอมในเมืองที่นำดอกกุ้ยฮวาแห้งมาทำเครื่องหอม หม่อมฉันจึงทำไว้มาก เดิมทีคิดจะให้ท่านอ๋องทานในมื้อเย็น แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ องค์หญิงเชียนหลิงจะมาเยี่ยม แต่องค์หญิงก็ไม่ได้เสวยจนหมด หม่อมฉันจะให้คนไปเอามาเพคะ” หยุนชางเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหวนอวี่พยักหน้าเล็กน้อย “เจิ้นจะส่งคนไปเอง ขนมนั่นอยู่ที่ไหน?”
หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “อยู่ในห้องด้านในของห้องของหม่อมฉันเพคะ”
เซี่ยหวนอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็สั่งให้คนไปนำมันมาจากจวนอ๋อง
หยุนชางจ้องมองไปยังประตูของตำหนักชั้นใน สายตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างละครฉากนี้ขึ้น? หยุนกุ้ยเฟยหรือ? หรือว่าฮองเฮา?
เมื่อวานที่องค์หญิงเชียนหลิงมาที่จวน นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและนางก็แอบระมัดระวังอยู่ในใจ แต่ทุกอย่างก็ปกติดีและไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ หยุนชางก็เฝ้าระวังอย่างดีมาโดยตลอดเพราะเกรงว่าองค์หญิงเชียนหลิงจะเป็นอะไรไป เมื่อวานทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง ขนมก็ถูกนำมา เซี่ยหวนอวี่จึงให้คนเอาเข้าไปยังตำหนักในเพื่อให้หมอหลวงตรวจดู หมอหลวงบอกว่าขนมนั้นไม่มีปัญหาอันใด แต่หยุนชางก็ยังไม่คลายความระมัดระวังลง
และนางก็ได้ยินฮองเฮาเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้าตามคาด “ขนมนี้ดูแห้งไปหน่อย กินขนมที่แห้งเช่นนี้จะไม่กระหายน้ำหรือ?”
หยุนชางยิ้ม แต่ไม่ได้ปิดบังอะไร “ย่อมต้องกระหายน้ำเพคะ เมื่อวานองค์หญิงดื่มชาผลไม้ด้วย แต่ชานั้นทิ้งไปแล้ว เกรงว่าแม้แต่ถ้วยและจานก็คงถูกล้างไปแล้วเพคะ”
ฮองเฮาหรี่ตาของนางลงและหันไปหาเซี่ยหวนอวี่ “มิเช่นนั้นฝ่าบาทให้คนไปค้นจวนรุ่ยอ๋องเถอะเพคะ แค่นำขนมพวกนี้มาก็คงหาเบาะแสอะไรไม่ได้”
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหยุนชางนั่งเงียบไม่เอ่ยอะไร เขาจึงหันมาหานาง “ชายารุ่ยอ๋อง เจ้าว่าอย่างไร?”
หยุนชางยิ้ม นางคิดอย่างไรงั้นหรือ? ฮองเฮาช่างความคิดดีนัก ค้นจวนอ๋องงั้นหรือ ประการแรกสามารถตรวจว่าตอนนี้รุ่ยอ๋องมีกำลังเป็นเช่นไร ประการที่สอง หากนางอยากจะนำของเข้าไปก็เป็นเรื่องง่ายมาก
หยุนชางคิดเรื่องนี้พลางเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดย่อมไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตู ค้นเถอะ หม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อฟ้าดินย่อมต้องไม่กลัวอยู่แล้ว เพียงแต่หม่อมฉันมีเรื่องขอร้องฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทส่งคนที่ไว้ใจได้ไปตรวจค้น หม่อมฉันกลัวว่าจะถูกคนใช้เป็นมีดไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว”
เซี่ยหวนอวี่ไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วจึงหันศีรษะไปทางหลิวเหวินอัน “หลิวเหวินอัน เจ้าพาคนไปเถอะ”
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อจะค้นจวนรุ่ยอ๋อง ในวังแห่งนี้ก็ควรถูกตรวจค้นเช่นกัน ทุกที่ที่องค์หญิงไปหลังยามอู่เมื่อวานนี้ให้ตรวจค้นจนทั่ว” “ค้นให้หมด”
หลิวเหวินอันขานรับแล้วเลือกขันทีสองสามคนออกไป หยุนชางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มุมปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มราบเรียบ
“เชียนหลิง เชียนหลิง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากในตำหนักชั้นใน หยุนชางตกใจ สายตาของนางมองไปยังประตูและได้ยินเสียงของหยุนกุ้ยเฟยอีกครั้ง “หมอหลวง รีบมาดูเร็วเข้า เชียนหลิงไม่หายใจแล้ว”
เมื่อเซี่ยหวนอวี่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าหม่นลงและหมุนตัวเดินเข้าไปในตำหนักชั้นใน ฮองเฮาก็ตามเข้าไปด้วย หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและขยิบตาให้หนิงเชียน ทั้งสองจึงเดินตามเข้าไป
ในตำหนักชั้นในมีหมอหลวงหลายคนยืนอยู่ ในหมู่พวกเขานั้นมีชายชราที่มีเคราสีขาวคุกเข่าอยู่หน้าเตียงวางมือบนข้อมือของเชียนหลิงเพื่อจับชีพจร หยุนกุ้ยเฟยยังคงคุกเข่าอยู่หน้าเตียงมือลูบหน้าผากของเชียนหลิงเบาๆ ด้วยน้ำตานองหน้า “เชียนหลิง เชียนหลิง ตื่นหน่อยเถอะ มองดูแม่หน่อย เจ้าอย่าทิ้งแม่ไป แม่จะไม่บังคับให้เจ้าเรียนหนังสือและปักผ้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าตื่นขึ้นมาหน่อยเถอะ อย่าได้นอนอีกเลย”
หัวใจของหยุนชางถูกบีบอย่างแรง คนที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ใช่หยุนกุ้ยเฟยอย่างแน่นอน
หยุนชางนึกถึงชีวิตในชาติก่อนของนางในยามที่เหิงเอ๋อร์จากไป จิตใจของนางนั้นยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะโหดเหี้ยมเพียงใด ก็จะไม่มีแม่คนไหนเดิมพันด้วยชีวิตของลูกตนเองอย่างแน่นอน
หยุนชางมองไปยังเชียนหลิงที่นอนอยู่บนเตียง หน้าของเชียนหลิงเป็นสีคล้ำ คงจะถูกพิษร้ายแรง หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย พิษนี้ร้ายแรงยิ่งนัก
“เชียนหลิงเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายสังหาร
หมอหลวงเคราขาวผู้นั้นรีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว “กราบทูลฝ่าบาท ชีพจรขององค์หญิงเต้นบ้างไม่เต้นบ้าง เกรงว่าท่าจะไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่าจะไม่ดีงั้นหรือ ที่เจิ้นต้องการคือให้พวกเจ้าช่วยชีวิตคน ไม่ใช่ให้มาบอกข้าว่าเกรงว่าท่าจะไม่ดี!” เสียงกัมปนาทของเซี่ยหวนอวี่ตวาดขึ้นในทันใด
หยุนชางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้นางได้เรียนรู้วิชาแพทย์มาอยู่บ้างทว่าไม่ได้เชี่ยวชาญนักเก่ง แต่…
หยุนชางขมวดคิ้วและยกมือขึ้นดูมือตนเอง
“ฝ่าบาทๆ องค์หญิงเชียนหลิงไม่มีชีพจรแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงตะโกนขึ้นอย่างตระหนก แล้วจึงหันไปควานหาชิ้นโสมจากกล่องยาที่เละเทะอย่างรีบร้อนเพื่อให้เชียนหลิงอมไว้ในปาก
หนิงเชียนเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วจึงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ใครมีมีดบ้าง?”
ดวงตาของทุกคนในห้องจับจ้องมาที่หยุนชาง เพียงแต่ไม่มีใครตอบนาง หยุนชางขมวดคิ้วแล้วจึงดึงปิ่นดอกบ๊วยออกมา แล้วแทงลงไปที่แขนของตนเองในทันที ที่แผลจึงมีหยดเลือดปรากฏขึ้น
“รบกวนหมอหลวงและหยุนกุ้ยเฟยหลีกทางหน่อย ตอนเด็กหม่อมฉันเคยกินยาบางอย่างเข้าไปเล็กน้อย ตอนนี้จึงไม่มียาพิษใดทำร้ายข้าได้ หม่อมฉันอยากลองดูว่าเลือดของหม่อมฉันจะช่วยองค์หญิงไว้ได้หรือไม่” หยุนชางเอ่ยเบาๆ
“องค์หญิงสถานะสูงส่ง จะให้…” ฮองเฮาขมวดคิ้วและเอ่ยปากออกมา แต่ถูกสายตาที่กวาดมามองของเซี่ยหวนอวี่ทำให้ต้องหุบปากลง
หยุนกุ้ยเฟยดวงตาเป็นประกาย นางรีบหลีกทางให้หยุนชางทันทีและมองดูหยุนชางด้วยดวงตาเปล่งประกาย หยุนชางก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย เหยียดมือข้างหนึ่งออกไปบีบปากของเชียนหลิงให้อ้าออกและหยดเลือดเข้าไปในปากของเชียนหลิง
ไม่รู้ว่านางเสียเลือดไปมากเพียงใด หยุนชางรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย หมอหลวงที่อยู่ด้านข้างก็ส่งเสียงร้องขึ้น “มีแล้วๆ องค์หญิงมีชีพจรเต้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางยิ้มบางๆ และหยดเลือดอีกเล็กน้อยแล้วจึงลุกขึ้น เพียงแต่แค่ยืนขึ้นโลกเบื้องหน้าก็มืดลงทันที นางเกือบจะหมดสติไป นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างจึงรีบเข้ามาประคองนาง เซี่ยหวนอวี่ขมวดคิ้ว “มาทำแผลให้พระชายาหน่อย”