ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 37 ป่วย
"ท่านอ๋องขอรับ องค์หญิงฮุ่ยกั๋วคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดา หากว่าวันหนึ่งเราเป็นศัตรูกันขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นคง … หรือว่าเราถือโอกาสลงมือตอนนี้ก่อน ตอนนี้เธอยังไม่แข็งแกร่งมาก" หวังซุ่นยืนอยู่หลังจิ้งอ๋องและก้มหน้าลงด้วยความเคารพ
จิ้งอ๋องหันหน้าไป มองไปที่เงาร่างที่ปรากฏอยู่บนยอดหอจายซิน แต่เขาไม่ได้ตอบตรงคำถาม
"ข้าจำได้แล้วว่าข้าเจอเธอครั้งที่แล้วคือเมื่อไหร่ เมื่อเจ็ดปีก่อน แคว้นหนิงไม่มีฝนตกมาครึ่งปี วันนั้นพวกเรากำลังในระหว่างการสนทนา ตอนนั้นเธออายุเพียงแปดขวบก็บุกเข้ามา และบอกว่าเธอจะไปที่วิหารแคว้นหนิง เพื่ออธิษฐานขอฝน ต่อมาไม่กี่วันข้าก็ไปที่ชายแดน แต่ได้ยินข่าวว่าองค์หญิงสองของแคว้นหนิงนั้นขอฝนให้ประชาชนได้สำเร็จ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว"
"จิ้งอ๋อง ท่านหมายความว่า….. " หวังซุ่นรู้สึกเหมือนว่าตนจะรู้ความหมายของจิ้งอ๋อง แต่เขาก็ไม่แน่ใจเล็กน้อย
จิ้งอ๋องยิ้มออกมาเล็กน้อย "ก่อนหน้าข้าคิดว่ามีคนคอยอยู่เบื้องหลังเสียอีก ที่แต่การเจอกันหลายครั้งนี้ทำให้ข้าเชื่ออย่างสนิทใจว่า องค์หญิงฮุ่ยกั๋วคนนี้ เป็นคนที่ฉลาด ในเมื่อเธอเป็นคนฉลาด เธอจึงควรรู้ว่าทำอย่างไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นข้ากับเธอไม่มีทางเป็นศัตรูกันได้"
หวังซุ่นไม่รู้ว่าเหตุใดจิ้งอ๋องจึงมั่นใจเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ การตัดสินใจของท่านอ๋องนั้นถูกต้องที่สุดเสมอ เชื่อจิ้งอ๋องโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
หลังจากที่หวังซุ่นคิดได้เช่นนี้ ความลังเลในใจของเขาก็หายไปชั่วคราว เขาก็ตอบรับด้วยความเคารพและเดินตามจิ้งอ๋องออกไปจากหอจายซิน
เมื่อหยุนชางกลับไปที่ตำหนักชิงซิน ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ฉินยียังคงเดินไปมาที่ลานในตำหนัก เมื่อเธอเห็นหยุนชางเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาหยุนชางและพูดว่า "องค์หญิง ในที่สุดท่านก็กลับมา จิ้งอ๋องนั้นไม่ได้ทำอะไรกับองค์หญิงใช่หรือไม่? บ่าวเป็นห่วงแทบแย่ "
หยุนชางส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องอะไร " หลังจากพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบ ๆ "มีแค่เจ้าคนเดียวหรือ?"
ฉินยีโน้มตัวเข้าไปข้างหูของหยุนชางและกล่าวว่า "บ่าวบอกกับพวกเธอว่า จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ออกจากตำหนักไปโดยไม่ได้พาบ่าวรับใช้ไปด้วย องค์หญิงเป็นห่วงจึงไปตามหาฮ่องเต้ บ่าวบอกว่าองค์หญิงกลับมาที่ตำหนักก็ต้องทรงน้ำ ฉะนั้นจึงให้พวกเขาไปเตรียมน้ำใช้อาบกันหมดแล้ว "
หยุนชางพยักหน้า แล้วเดินเข้าตำหนักไป
หลังจากนั่งลงได้ไม่นาน ฉินเมิ่งก็เปิดม่านและเดินเข้ามา เมื่อเห็นหยุนชางเธอรีบพูดด้วยความเป็นห่วงว่า "องค์หญิงกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ? พบฮ่องเต้หรือไม่เจ้าคะ?"
หยุนชางส่ายหน้าและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ "ข้าไม่ได้กลับวังมาหลายปีแล้ว และรูปลักษณ์ของวังนี้ก็เปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่ไม่พบเสด็จพ่อ ข้าเองก็เกือบจะหลงทาง"
ฉินเมิ่งได้ยินเช่นนนี้ก็หัวเราะออกมา " องค์หญิงไม่ต้องรีบร้อนเกินไปเจ้าค่ะ ในวังชั้นในนี้มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ฮ่องเต้ก็คุ้นเคยกับวังนี้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าไม่มีเรื่องอะไรเจ้าค่ะ องค์หญิงยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบทรงน้ำแล้วนอนพักผ่อนเสียดีกว่า"
หยุนชางพยักหน้า "ยกน้ำเข้ามาเถิด"
ฉินเมิ่งก็ไปเตรียมการ หลังจากที่หยุนชางล้างทำความสะอาดเสร็จ เธอก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แต่หัวใจของเธอกลับสับสนเล็กน้อย จิ้งอ๋อง ชายคนนี้ที่ไม่เคยทิ้งร่องรอยความทรงจำไว้ในชาติที่แล้วของเธอเลย แล้วจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นในชาตินี้ มันทำให้เธอรับมือไม่ค่อยได้ จนสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วตนจะจัดการกับมันอย่างไรดี? เธอสับสนในใจ และก็หลับไปอย่างมึนงง
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว หยุนชางอยากจะลุกขึ้น แต่รู้สึกว่าปวดไปทั้งตัว และสมองของเธอเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ผ้าม่านโปร่งถูกเปิดออกและ ใบหน้าของฉินยียื่นเข้ามา เมื่อเห็นหยุนชางลืมตาขึ้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "องค์หญิงเจ้าคะ องค์หญิงทำบ่าวตกใจอย่างมาก ทำไมจู่ๆ ถึงเป็นหวัดได้เจ้าคะ?"
" ข้าเกรงว่าคงจะเป็นองค์หญิงไปตามหาฮ่องเต้เมื่อวานนี้และลมหนาวก็พัดแรง ลมบนเกาะเผิงไหลนั้นแรงมาก องค์หญิงสวมเสื้อผ้าบางอีกด้วย " เสียงของฉินเมิ่งดังมาจากด้านนอก หยุนชางเปิดม่านออกและลุกขึ้นนั่ง " เป็นความผิดข้าเอง ข้าลืมไปแล้วว่าตอนนี้ร่างกายของข้านั้นเทียบไม่ได้กับคนปกติ ต่อไปข้าจะระวังให้มากขึ้น "
องค์หญิงพักผ่อนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ" ฉินเมิ่งกล่าวอย่างรีบร้อน " ก่อนหน้านี้หมอหลวงเข้ามาตรวจเช็กแล้ว ท่านบอกว่าร่างกายขององค์หญิงไม่ดีอยู่แล้ว ชีพจรเต้นอย่างไม่เป็นระเบียบ เขาไม่กล้าให้ยากับองค์หญิง ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้องค์หญิงได้พักผ่อนดีๆ อย่าได้เป็นหวัดอีกเลย องค์หญิงอยากกินอะไรเจ้าคะ? บ่าวจะไปเตรียมไว้ให้เองเจ้าค่ะ"
หยุนชางขมวดคิ้วยกมือขึ้นแล้วนวดไปที่หัว "ต้มโจ๊กที่ไม่รสจัดแล้วกัน ปากของฉันขมนิดหน่อย ไม่อยากอาหาร"
ฉินเมิ่งตอบกลับและถอยออกไป ฉินยีหันไปมองแผ่นหลังของฉินเมิ่ง เธอขมวดคิ้วด้วยความกังวล
"ไม่ต้องกังวลหรอก สถานการณ์ของฮองเฮาและหัวจิ้งยังไม่แน่นอน ฉินเมิ่งก็ไม่กล้าลงมือ อีกอย่าง การวางยาพิษที่ วิธีที่โง่เขลาเช่นนี้ ไม่มีความหมายหากใช้อีกครั้ง ในวังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?" หยุนชางพิงเบาะที่ฉินยียื่นมา เงยหน้าขึ้นและถาม
ฉินยีได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ปรากฏความมีความสุขออกมา " องค์หญิงเจ้าคะ เมื่อคืนฮ่องเต้พักที่อยู่ตำหนักของนายหญิงเจ้าค่ะ เช้าวันนี้ฮ่องเต้ได้สั่งการให้คืนตำแหน่งของนายหญิง และสั่งให้นางกำนัลไปรับใช้ท่านอยู่สองสามคน แต่ว่าไม่ได้พูดถึงว่าจะให้นายหญิงย้ายออกจากตำหนักเย็นนั้นเจ้าค่ะ องค์หญิงท่านว่า?"
หยุนชางพยักหน้า "นี่เป็นเรื่องที่ดี แสดงให้เห็นว่าเสด็จพ่อนั้นใส่ใจเสด็จแม่เข้าแล้วจริงๆ ในวังนี้มีสายตามากมายจับจ้องอยู่ หากจู่ๆ ท่านก็โปรดปรานเสด็จแม่มากเกินไป คงจะมีคนอิจฉา หากเป็นเช่นนี้จะทำให้คนอื่นๆ รู้สึกว่าเมื่อวานเป็นวันที่ข้าบรรลุนิติภาวะ เหตุผลที่เสด็จพ่อทำเช่นนี้ก็เพื่อชดเชยให้กับข้า ท่านเองไม่ได้มีความรักต่อเสด็จแม่มากนัก
"จริงเหรอเจ้าคะ? แต่ว่าตำหนักของนายหญิงนั้นมัน…… " ฉินยียังคงลังเลเล็กน้อย
หยุนชางยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ " อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว อดทนเพียงแค่ไม่กี่วันก็จะดีขึ้น อีกอย่าง ในที่สุดก็ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ และชาววังเหล่านั้นที่ปรับตัวไปตามสถานการณ์ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ปฏิบัติแย่ๆ ต่อเสด็จแม่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ปฏิกิริยาของทางเรานั้นสำคัญอย่างมาก เจ้าจำไว้ว่า……"
หยุนชางพูดข้างหูฉินยีไปสองสามประโยค แล้วเอนหลังกลับไป เธอมีแผนในใจแล้ว
ในวังซูหย่า ตำหนักของซู่เฟย สาวใช้คนสนิทของซู่เฟยหย่าเอ๋อร์ได้รายงานเรื่องที่ฮ่องเต้ได้ทรงโปรดปรานจิ่นเฟยที่อยู่ในตำหนักเย็นมานานสิบปี และสั่งการให้เธอได้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง กับซู่เฟย
ซู่เฟยนั่งอยู่หน้ากระจก เธอให้สาวใช้เปลี่ยนปิ่นปักผมทีละอัน เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็แค่ยิ้มอย่างเย็นชา " ผู้หญิงที่อยู่ในตำหนักเย็นมากว่าสิบปี จะมีเสน่ห์อะไรอีก? ฮ่องเต้แค่แสดงก็เท่านั้นและ แต่คนในวังชีอู๋คงจะมีหนามยอกอกเพิ่มมาอีกคน รู้ไว้ด้วยว่าจิ่นเฟยนั้นเคยเป็นที่โปรดปรานอย่างมาก มันทำให้หัวใจของฮองเฮานั้นเจ็บปวดอย่างมากเลยนะ แต่แม้ว่าจิ่นเฟยจะอยู่ที่ตำหนักเย็น แต่ฮองเฮาก็ต้องช่วยเธอเลี้ยงลูกสาว ตอนนั้นเธอก็รู้สึกแย่แล้ว แต่มาวันนี้ปัญหาหนึ่งยังไม่ทันได้จัดการ จิ่นเฟยก็ได้รับการโปรดปรานอีกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ อยากรู้จริงๆ ว่าฮองเฮาทราบเรื่องนี้แล้วจะทำสีหน้าอย่างไร" "
หย่าเอ๋อร์ไม่ได้ตอบ ซู่เฟยมองไปที่ปิ่นปักผมผีเสื้อสีเงินในกระจกแล้วพยักหน้า " ตัวนี้แหละ อีกเรื่องหนึ่ง มีการเคลื่อนไหวในตำหนักชิงซินหรือไม่?"
หย่าเอ๋อร์ส่ายหน้าและกล่าวว่า " องค์หญิงที่บอบบางในตำหนักชิงซินเหมือนจะไม่สบายอีกแล้วเจ้าค่ะ วันนี้หมอหลวงถูกตามตัวไปแต่เช้าเลยเจ้าค่ะ"
"ป่วยเหรอ? " ซู่เฟยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา "อาการป่วยนี้อาจจะเป็นเรื่องหลอกลวง จิ่นเฟยเองก็เหมือนกัน สิบกว่าปีที่แล้วเธอได้รับความโปรดปรานอย่างมากเลย ตอนนี้เธอได้กลับมาที่ตำแหน่งนี้แล้ว แต่แม้แต่ลูกสาวของเธอเองก็แสร้งทำเป็นป่วยเพื่อหลบหน้าเธอ หึหึ ช่างน่าสงสารเสียจริง เจ้าไปสืบดูที่สำหนักหมอหลวง ว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าเองก็ต้องไปเยี่ยมดูถามไถ่เสียหน่อย"
หย่าเอ๋อร์ เธอกำลังจะออกไปด้านนอก แต่กลับเห็นนางกำนัลรีบเข้ามาและกล่าวว่า "เหนียงเหนียง เจ้าคะ นางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วมาเข้าเฝ้าเจ้าค่ะ เธอบอกว่าองค์หญิงไม่สบายและต้องการยาสมุนไพรยีเว้ยเจ้าค่ะ หมอหลวงกล่าวว่าตัวเดียวที่มีอยู่นั้นฮ่องเต้ได้มอบให้เหนียงเหนียงแล้ว เพราะฉะนั้นจึงได้มาขอยานี้โดยเฉพาะเจ้าค่ะ……."