ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 230 อภิเษกสมรส (๒)
วันนี้ช่างมีชีวิตชีวาจริงๆ หยุนชางคิดในใจ เสียงต่าง ๆ ดังมาจากนอกเกี้ยว เสียงดนตรีที่รื่นเริง เสียงพูดคุยกัน ล้วนพูดคุยเกี่ยวกับงานรื่นเริงอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ หยุนชางไม่ทราบว่าด้านนอกนั้นกำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้สึกบ้างจากเสียงชื่นชมที่ดังมาจากด้านนอกอย่างแผ่วเบา
หยุนชางยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หากนางเป็นฮองเฮา นางจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน อีกทั้งงานอภิเษกสมรสในครั้งนี้ ฮองเฮาทราบรายละเอียดต่างๆตั้งแต่ต้นจนจบ หากคิดอยากจะลงมือทำอะไรนั้นคงง่ายเป็นอย่างมาก
มีวิธีสำหรับแก้ไขปัญหาเสมอ หยุนชางพึมพำในใจอย่างเงียบสงบ ตอนนี้คนที่นางห่วงใยมากที่สุดก็คือเสด็จแม่ สายลับที่อยู่ข้างๆ นางได้ส่งไปปกป้องเสด็จแม่อย่างมากสุดกำลังแล้ว อีกทั้งสายลับของจิ้งอ๋อง กับคนของเสด็จพ่อ คงจะไม่เกิดการผิดพลาดใดๆหรอก
เกี้ยวโยกไปมาตลอดทาง และเดินทางมานานจึงหยุดลง หยุนชางเห็นมือคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าตน นางตกตะลึงเล็กน้อย แล้วจึงเอามือวางบนมือนั้น
เขาจูงมือหยุนชางเข้าไปในพระราชวัง และเข้าไปในตำหนักจินหลวน
คนข้างๆ ดึงให้นางคุกเข่าลง นางรู้ว่าจักรพรรดิหนิงและฮองเฮาประทับอยู่ที่พระที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เสียงประสานเสียงดังขึ้น"องค์หญิงถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากที่หยุนชางถวายบังคมไปสามครั้ง ก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิหนิงดังมา เสียงนั้นต่างจากปกติไป "ชางเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว และตอนนี้กำลังจะเป็นภรรยา เจิ้นก็ขอให้เจ้าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีตลอดไป"
หยุนชางกราบอีกครั้ง จากนั้นเสียงของหัวหน้าเจิ้งดังขึ้น "องค์หญิงฮุ๋ยกั๋วอภิเษกสมรส ทรงมอบเหรียญหยกให้กับองค์หญิง จวนองค์หญิงหนึ่งเรือน พระนามใหม่คือพระชายาจิ้งอ๋อง มอบเหรียญหยกให้กับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"
ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ
"องค์หญิงฮุ่ยกั๋วน้อมลาพ่ะย่ะค่ะ"
"หม่อมฉันน้อมลาเสด็จพ่อเสด็จแม่เพคะ" หยุนชางถวายบังคม จากนี้ไปนางก็จะลาไปจากพระราชวังแห่งนี้ แต่ความเกลียดแค้นของนางจะคงอยู่ต่อไป
จิ้งอ๋องพยุงตัวนางลุกขึ้น จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไปด้านนอกตำหนักอย่างช้าๆ เสียงระฆังดังก้องไปทุกมุมพระราชวังด้วยความปีติยินดี ดนตรีรื่นเริงดังขึ้น จิ้งอ๋องและหยุนชางออกจากตำหนักจินหลวน เดินตรงไปที่ประตูพระราชวัง ขึ้นไปบนเกี้ยว จากนั้นก็กลับไปที่จวนจิ้งอ๋องจากถนนอีกหนึ่งสาย
ตลอดทางนั้นมีเสียงดนตรีรื่นเริง และใช้เวลาเดินทางกว่าชั่วโมงจึงไปจะไปถึง ด้านนอกนั้นมีเสียงของพิธีกรดังขึ้น "เจ้าบ่าวเปิดประตูเกี้ยว"
หยุนชางได้ยินเสียงเบา ๆ ดังจากด้านนอกประตูเกี้ยว และม่านก็ถูกเปิดออก หยุนชางวางมือไว้ที่มือของจิ้งอ๋อง และข้ามเตาเพลิงไปอย่างช้าๆ เหยียบกระเบื้องไป และเดินตรงไปที่ห้องโถงหลัก
"คู่บ่าวสาวมาแล้ว" มีเสียงกระตือรือร้นและเสียงหัวเราะดังขึ้น หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย ชาตินี้ นางไม่ได้อภิเษกสมรสกับโม่จิ้งหราน ทุกๆอย่างนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ
"ฤกษ์ดีกำลังถึง คู่บ่าวสาวเตรียมตัวเข้าสู่ห้องโถงหลักและเตรียมคำนับ" เสียงของซีมามาดังขึ้น น้ำเสียงนั้นมีความสุขเล็กน้อย
หยุนชางทราบดีว่าเสด็จพ่อและฮองเฮาได้เดินทางจากพระราชวังมาถึงที่จวนจิ้งอ๋องแล้ว รอบๆตัวนางมีความเคลื่อนไหวของสายลับ นางทราบแล้วว่าจิ่นเฟยมาถึงแล้วเช่นกัน
จิ้งอ๋องไม่มีบิดาและมารดา ฉะนั้นจักรพรรดิหนิงในฐานะพระเชษฐาของจิ้งอ๋อง อีกทั้งยังเป็นจักรพรรดิของแคว้นหนิง และเป็นเสด็จพ่อของนาง การได้รับการถวายบังคมจากพวกเขานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง
อาจเป็นเพราะจักรพรรดิหนิงทรงประทับอยู่ รอบๆห้องโถงนั้นเงียบลงอย่างมาก ซีมามาพานางไปที่ตำแหน่งที่ต้องยืนแล้วหยุดลง เสียงของพิธีกรดังมาจากด้านข้าง "ถึงเวลาอันเป็นมงคล คู่บ่าวสาวทำพิธีคำนับ คุกเข่า…… "
"คำนับฟ้าและดิน"
"คำนับบิดามารดา"
"คำนับกันและกัน"
"ส่งเข้าเรือนหอ"
ทุกอย่างดูเหมือนจะอยู่ในภวังค์ และหลังจากนั้นหยุนชางก็เข้าไปในห้องหอ และนั่งลงบนพระแท่นบรรทม แล้วจึงโล่งใจ เสียงจิ้งอ๋องดังมาจากข้างๆ "เจ้าเหนื่อยหรือไม่? ร่างกายไม่สบายหรือไม่?"
หยุนชางส่ายหน้า นางไม่ได้เดินมากนัก แม้ว่าพิธีจะค่อนข้างยาว แต่ก็ไม่เหนื่อยนัก แต่เครื่องประดับบนศีรษะและชุดอภิเษกนั้นหนักเกินไปเสียจริง
"ท่านอ๋องเพคะ ได้เวลาเปิดผ้าคลุมแล้วเพคะ" หยุนชางได้ยินเสียงของซีมามาดังขึ้น
ดูเหมือนจิ้งอ๋องจะตอบกลับไปอย่างเบา ๆ "ได้"
ดูเหมือนว่าคนข้างๆตนนั้นขยับเล็กน้อย หยุนชางก็เห็นว่าผ้าคลุมนั้นค่อยๆถูกเปิดออกทีละน้อย หยุนชางเงยหน้ามองออกไป ก็สะดุ้งเล็กน้อย คิดในใจว่า สมควรที่เป็นชายที่หญิงสาวในแคว้นหนิงใฝ่ฝันเสียจริง ชุดอภิเษกสีแดงสดที่เขาสวมนั้นสง่าอย่างมาก จนทำให้มิอาจละสายตาไปได้
แววตาของจิ้งอ๋องจ้องไปที่ใบหน้าหยุนชาง จากนั้นเขาก็อมยิ้มขึ้นมา
"คู่บ่าวสาวแลกแก้วสุรา" ขัดจังหวะความคิดของนางไป หยุนชางรู้สึกตัวและเห็นแก้วสุราสองแก้วอยู่ตรงหน้าตน หยุนชางเลิกคิ้ว ยิ้มแล้วมองไปที่จิ้งอ๋อง " เชิญเสด็จอาเพคะ"
จิ้งอ๋องยิ้ม นำแก้วสุราขึ้นมาหนึ่งแก้ว หยุนชางก็หยิบอีกแก้วขึ้นมา และทั้งสองก็ขยับเข้าใกล้กัน ไขว้มือ และดื่มลงไป
"เยี่ยมไปเลย!"
พวกเขาวางแก้วสุราที่ว่างเปล่ากลับคืนที่เดิม จิ้งอ๋องจึงหันไปกล่าวกับหยุนชางอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าต้องไปดื่มสุราคารวะแล้ว คงต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะกลับมาได้ วันนี้เจ้ายังไม่ได้เสวยกระไรเลย ประเดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนนำกระยาหารมาส่ง" ขณะที่เขาพูด เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินยีและเฉี่ยนอินที่ดูมีความสุขอย่างมาก " พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ดูแลนายหญิงให้ดีเถอะ"
ฉินยีและเฉี่ยนอินมองหน้ากันหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า " หม่อมฉันรับทราบค่ะ"
หยุนชางรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับเสียงหัวเราะของพวกนาง จึงหันไปมองจ้องนางทั้งสอง แล้วจึงตอบกลับ
"ท่านอ๋องขอรับ แขกด้านนอกร้องเรียกให้ท่านอ๋องออกไปดื่มสุราคารวะแล้วขอรับ" พ่อบ้านนั้นดูมีความสุข เขายืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตูและกล่าวเร่งท่านอ๋อง
จิ้งอ๋องพยักหน้าและออกจากห้องหอไป คนอื่น ๆ ก็ตามจิ้งอ๋องออกไป และปิดประตูห้องหอไว้
เฉี่ยนอินยิ้มและเดินเข้ามา กล่าวอย่างติดอารมณ์ขันว่า " เมื่อสักครู่นี้องค์หญิงมองท่านอ๋องจนเหม่อลอยเลยนะเพคะ ฮ่าฮ่า องค์หญิงรู้สึกตะลึงที่ชายสง่ารูปหล่อเช่นนี้ได้มาเป็นพระสวามีขององค์หญิงเช่นนี้ เรื่องนี้ราวกับความฝันเลยใช่หรือไม่เพคะ ฮ่าฮ่า"
หยุนชางรู้สึกร้อนเล็กน้อยที่ใบหน้า นางจ้องมองเฉี่ยนอินด้วยสายตาที่ดุ
ฉินยีส่ายหน้าและกล่าวว่า " แม้ว่าท่านอ๋องจะทรงรูปหล่อ แต่วันนี้องค์หญิงก็งดงามมาเช่นกัน ตอนนั้นหลายคนๆกล่าวว่า องค์หญิงหัวจิ้งนั้นถือเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในแคว้นหนิง แต่ตอนนี้ เมื่อองค์หญิงหัวจิ้งมาเทียบกับองค์หญิงของเราแล้ว แตกต่างกันอย่างมากเชียว"
"พอแล้ว พอแล้ว คอของข้าจะหักอยู่แล้ว รีบมาเอาของที่น่ารำคาญพวกนี้ออกจากศีรษะของข้าเสียที" หยุนชางเพียงรู้สึกว่าใบหน้าของตนนั้นร้อนขึ้นอย่างมาก ฉะนั้นนางจึงรีบขัดคำพูดของฉินยี และเรียกพวกนางพร้อมเอามือท้าวศีรษะไว้
ฉินยีและเฉี่ยนอินสบตากัน ทั้งสองกุมท้องและหัวเราะออกมา " องค์หญิงเขินหรือเพคะ"
หยุนชางปล่อยให้พวกนางหัวเราะไปด้วยสีหน้าขุ่นเคือง หลังจากที่หัวเราะเสร็จแล้ว ทั้งสองก็รีบถอดเครื่องประดับออกจากศีรษะของหยุนชาง และสวมปิ่นปักผมที่ดูสง่าแต่เบาขึ้นมา ถอดชุดอภิเษกออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดสีแดงสดที่ทำจากผ้าลายเมฆ
หยุนชางจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางรู้สึกว่าในที่สุดนางก็กลับมามีชีวิตได้
"สวมขั้นปิ่นรูปดอกไม้ที่ดูเป็นมงคลเสียดีกว่า ประเดี๋ยวหากงานเลี้ยงจบลง ผู้คนที่สนิทกับท่านอ๋องอย่างมากก็จะมาวุ่นที่ห้องหอแล้ว ไม่ใส่เครื่องประดับอะไรอาจดูธรรมดาเกินไป" ฉินยีมองดูหยุนชางในกระจกแล้วกระซิบเบา ๆจากนั้นก็ลงมือ
ทันทีที่จัดการเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ฉินยีเปิดประตูและเห็นสาวใช้เดินเข้ามาพร้อมถือถาดไว้ "ท่านอ๋องกลัวว่าองค์หญิงจะหิว จึงให้ข้าน้อยเตรียมมาให้เจ้าค่ะ"
หลังจากพูดจบนางก็วางของถาดไว้บนโต๊ะ หยุนชางมองและเห็นว่ามีขนมกุ้ยฮวา มีข้าวต้มปลา และอาหารจานเล็กๆ สองจาน หยุนชางอมยิ้มเล็กน้อย เดินไปที่นั่งโต๊ะและหยิบตะเกียบขึ้นมา อมยิ้มแล้วหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ "อืม? หวานไปนิดหน่อย นี่ไม่ใช่ของหอยวี่หมั่นหรือ?"
สาวใช้ก้มหน้าลงและตอบเบาๆ "ในครัวทำมาเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้า มิได้กล่าวกระไรต่อ นางกินไปเล็กน้อย จากนั้นสาวใช้ก็เก็บของเหล่านั้นกลับไป
"เดี๋ยวนะ ในจวนท่านอ๋องไม่มีสาวใช้มิใช่หรือ?" เฉี่ยนอินขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง
ฉินยีพูดพร้อมรอยยิ้มว่า "ก่อนหน้านี้ไม่มีสาวใช้เพราะท่านอ๋องนั้นอยู่เพียงลำพัง และคุ้นเคยแล้ว แต่ตอนนี้องค์หญิงเข้ามาอาศัยด้วย นอกจากนางกำนัลสองสามคนที่ตามมาด้วยแล้ว ก็ไม่มีสาวรับอื่นๆ เช่นนี้ก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ท่านอ๋องก็คงคิดถึงเรื่องนี้ ฉะนั้นจึงได้หาสาวใช้มาสองสามคน"
"ท่านอ๋องดีกับองค์หญิงจริงๆเพคะ" เฉี่ยนอินยิ้ม
นั่งอยู่ในห้องหอนั้นน่าเบื่อเล็กน้อย หยุนชางอยากหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ก็พบว่าหนังสือของตนยังอยู่ในพระราชวังไม่ได้ขนมา จึงถอนหายใจ แล้วเอนตัวลงเบาะนุ่ม ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง หยุนชางมองไปที่ประตู ฉินยีเดินไปเปิดประตูนางตกใจเล็กน้อยและเรียก "นายหญิงเพคะ"