ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 220 ออกจากวังยามวิกาล
ถึงยามดึกแล้ว หยุนชางรอคอยให้จิ้งอ๋องมารับนางออกจากวังอย่างใจจดใจจ่อ นางจึงนอนรออยู่บนเบาะนุ่ม แม้ว่าตะเกียงทั้งหมดจะถูกดับลงแล้ว หยุนชางกลับยังลืมตาโพลงมองไปยังความมืดภายในตำหนัก ในสมองนึกขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจว่าในชาติก่อน ไม่นานหลังจากที่นางแต่งงานกับโม่จิ้งหราน เขาก็ไปเที่ยวหอนางโลมทั้งวันทั้งคืนไม่กลับจวน
ตอนแรกนางก็ร้องไห้โวยวาย ขว้างปาข้าวของและกลับวังไประบายความอัดอั้นให้ฮองเฮาฟัง ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว แม้ว่าตอนนั้นฮองเฮาจะเกลี้ยกล่อมนางอย่างอ่อนโยน แต่เกรงว่าในใจของนางคงจะเป็นสุขอย่างยิ่ง ต่อมาเมื่อถูกฮูหยินใหญ่ในจวนโม่ด่าว่าอย่างรุนแรงนางจึงได้รู้ว่าที่นางทำเช่นนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย นางจึงได้แต่ยอมรับไปโดยดุษณีเท่านั้น แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ทั้งคืนและก็ได้แต่ลืมตานอนมองห้องมืดๆ ในใจมืดมนไปหมด
ชาติก่อนนางเคยถูกฮองเฮาตามใจเสียขนาดนั้น เคยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้เมื่อใดกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหม่นหมองถึงขีดสุด นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะมีชีวิตเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม วันเวลาต่อมาก็ยิ่งน่าเศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ โม่จิ้งหรานรับอนุเข้ามาจำนวนมาก ผู้หญิงเหล่านั้นต่างก็มีจิตใจที่ลึกล้ำยากหยั่งถึง ทำให้นางลำบากยิ่งนัก
"ปัง"
จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นที่หน้าต่าง ขัดจังหวะภาพที่หลั่งไหลผ่านเข้ามาในสมองของนางไม่หยุด หยุนชางลุกขึ้นนั่งและหันไปทางหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์จางๆ จากด้านนอกก็เห็นเงาร่างสีขาวนวลม้วนตัวเข้ามาจากหน้าต่าง
"หืม? ข้าคิดว่าเจ้าหลับไปแล้วเสียอีก? เจ้านั่งทำอะไรอยู่? ข้าตกใจหมด" น้ำเสียงของจิ้งอ๋องแฝงแววอ่อนล้าเล็กน้อย หยุนชางชะงักไป นางไม่ได้ยินว่าช่วงนี้เขาทำอะไรอยู่ เหตุใดจึง…
หยุนชางเลิกผ้าห่มบางๆ ออกและลุกขึ้นยืน "หม่อมฉันบอกเฉี่ยนอินและฉินยีแล้ว เมื่อข้าหายไปแล้ว ท่านมีแผนการอย่างไร?"
"เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ" จิ้งอ๋องเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างกายหยุนชาง หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับเห็นเขานั่งลงบนเบาะของนางแล้วถอนหายใจ "ข้าได้ยินมาว่าหนิงเชียนชำนาญวิชาแปลงโฉมที่สุด ทำไมเจ้าจึงไม่ให้นางเข้าวังมาเพื่อปลอมตัวเป็นเจ้าและอยู่แทนเจ้าสักสองสามวัน?"
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย จิ้งอิ่งรายงานเรื่องของนางต่อจิ้งอ๋องอย่างละเอียดจริงๆ หยุนชางฉีกยิ้มและกล่าวว่า "หม่อมฉันมีสิ่งอื่นที่ให้นางไปทำแล้ว"
เมื่อตัวเองไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่ตระกูลหลี่ยังคงต้องคอยเฝ้าระวัง นางรู้ดีว่าด้วยนิสัยของฮองเฮาแล้ว ย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางแต่งงานกับจิ้งอ๋องอย่างราบรื่นเป็นแน่ หยุนชางจึงคิดหาเวลาที่เหมาะสมโจมตีฮองเฮาและหัวจิ้ง เรื่องนี้ต้องให้หนิงเชียนจัดการ
จิ้งอ๋องพยักหน้า "เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ข้าเหนื่อยนิดหน่อย ออกจากวังไปที่จวนของข้าก่อนให้ข้าได้นอนพักสักครู่"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น เมื่อครู่นางก็รู้สึกว่าเสียงของจิ้งอ๋องดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาเองว่าเขาเหนื่อยมากและยังบอกด้วยว่าขอหลับให้สบายก่อน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาอ่อนล้าได้ขนาดนี้? ตอนกลางวันที่เห็นเขาก็เห็นว่ายังปกติดีอยู่เลย
ก่อนที่หยุนชางจะได้เอ่ยปากถาม จิ้งอ๋องก็เอื้อมมือมาโอบเอวหยุนชางแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
หยุนชางไม่คุ้นเคยกับความใกล้ชิดเช่นนี้ นางขมวดคิ้วและกระซิบว่า "เสด็จอา ปล่อยข้าลงเถอะ ข้าเดินเองได้"
จิ้งอ๋องไม่ตอบ มือที่โอบเอวของนางก็กระชับแน่นอีกครั้ง หยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางเลือก โชคดีที่รถม้าถูกจัดเตรียมไว้แล้วที่นอกวัง หยุนชางถูกเขาอุ้มขึ้นรถม้าไป บนรถม้ามีไฟสว่าง ดวงตาของจิ้งอ๋องมีรอยเลือดจางๆ
ทันทีที่จิ้งอ๋องเข้ามาในรถม้า เขาก็หลับตาเพื่อพักผ่อน ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของหยุนชางยิ่งเพิ่มมากขึ้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เพียงแต่เมื่อจิ้งอ๋องหลับตาลง หยุนชางจึงไม่มีโอกาสถามคำถามใดๆ
เมื่อมาถึงจวนจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องกลับไม่ขยับเขยื้อน หยุนชางหันไปมองเขาก็เห็นว่าดูเหมือนเขาจะผล็อยหลับไปแล้ว หยุนชางขมวดคิ้วและเรียกเสียงเบา "เสด็จอา"
จิ้งอ๋องลืมตาขึ้นทันที ดวงตาของเขาฉายแววโหดเหี้ยมเย็นชาจนร่างกายของหยุนชางสั่นเทิ้ม
จิ้งอ๋องจึงได้เห็นว่าคนตรงหน้าเขาเป็นใครอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาชะงักลงเล็กน้อย แหวกม่านของหน้าต่างรถม้าดู "ถึงแล้วหรือ?" เขาพูดพลางเอื้อมมือมาจะอุ้มหยุนชาง แต่นางกลับหลบเสียก่อน "เสด็จอา ข้าเดินเองได้"
จิ้งอ๋องก็ไม่ได้บังคับนาง เขาผลักประตูรถแล้วเดินลงไป หยุนชางก็เดินตามลงมาจากรถม้าเข้าไปในจวนจิ้งอ๋อง
"เดิมทีวันนี้ข้าไม่ได้คิดจะพักก่อน เลยไม่ได้ขอให้พ่อบ้านทำความสะอาดห้องของแขกไว้ ห้องนอนของข้าก็มีเบาะนุ่มๆ อยู่ ให้เจ้านอนบนเตียงแล้วเดี๋ยวข้าจะนอนบนเบาะนั่นเอง" จิ้งอ๋องกล่าวอย่างแผ่วเบา
หยุนชางมองร่างของจิ้งอ๋องอย่างสนใจ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?
"เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ? ข้าเห็นว่าก่อนหน้านี้เสด็จอายังดีๆ อยู่เลย เพียงครึ่งวันเท่านั้น ทำไมเสด็จอาถึงได้ดูเหนื่อยเช่นนี้?" หยุนชางครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และในที่สุดก็ถามออกมา
จิ้งอ๋องชะงักฝีเท้าและดูเหมือนจะมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา แต่รอยยิ้มนั้นทำให้หยุนชางตกใจเล็กน้อย จิ้งอ๋องแสดงสีหน้าแบบนั้นได้ด้วยหรือ สีหน้านั้นทั้งหดหู่แต่ก็แฝงแววโล่งใจ ซับซ้อนเสียจนหยุนชางไม่อาจเข้าใจได้
"ข้าได้รับข่าวมาข่าวหนึ่ง ข่าวหนึ่งที่ข้าไม่รู้ว่าจะจัดการมันด้วยอารมณ์เช่นไร เหอะๆ…" จิ้งอ๋องถอนหายใจและไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อเขามาถึงห้องของจิ้งอ๋อง พ่อบ้านได้เตรียมน้ำไว้รอแล้ว จิ้งอ๋องจึงเข้าไปในห้องสรงโดยตรง หยุนชางฟังเสียงน้ำจากห้องสรงพลางนั่งลงข้างโต๊ะแล้วมองดูไฟในโคมไฟที่กำลังลุกโชนอย่างเหม่อลอย
"พระชายา ข้าเตรียมอาหารไว้ให้ หากพระชายาหิวแล้วทำไมไม่กินอะไรเสียหน่อยล่ะขอรับ?" เสียงของพ่อบ้านดังขึ้น หยุนชางตกตะลึง พระชายาหรือ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็คิดได้ว่าเขาคงจะเรียกนางนั่นเอง
แววตาของหยุนชางวูบไหวและหันไปมองไปทางห้องสรง "เสด็จอารับประทานอาหารเย็นแล้วหรือไม่?"
พ่อบ้านส่ายหัวเล็กน้อย "หลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จกลับมาจากวังในตอนบ่ายก็ได้รับเทียบเชิญจึงเสด็จออกไปทันที เมื่อกลับมาแล้วก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องหนังสือ ยังไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ พระชายา ท่าน…" พ่อบ้านหันกลับมามองด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะหันกลับไปมองทางห้องสรงอีกครั้ง
หยุนชางเข้าใจในทันทีว่าเขาต้องการให้นางเกลี้ยกล่อมให้จิ้งอ๋องกินอะไรเสียบ้าง แต่ก็กลัวว่าหากเอ่ยออกไปแล้วจะทำให้จิ้งอ๋องไม่พอใจ จึงได้แต่บอกให้หยุนชางกินอะไรบางอย่าง
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเล็กน้อย "นำเข้ามาเถอะ"
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อบ้านและเขารีบสั่งให้ข้ารับใช้ด้านนอกให้นำทุกอย่างเข้ามาและวางลงบนโต๊ะข้างๆ หยุนชาง หยุนชางมองดูเล็กน้อยก็เห็นว่าเป็นอาหารธรรมดาที่ไม่มากเกินไปนัก คงจะกินได้ประมาณสามหรือสี่คน
ตอนนี้จิ้งอ๋องเดินออกจากห้องสรง สวมเพียงชุดสีขาวชั้นเดียวและไม่ได้ผูกให้เรียบร้อยเผยให้เห็นร่างกายอันแข็งแกร่งที่อยู่ด้านใน
ใบหน้าของหยุนชางเรียบเฉย แต่หูของนางกลับร้อนขึ้นเล็กน้อย นางละสายตาจากเขาและเอ่ยเบาๆ ว่า "ใกล้จะยามโหย่วแล้ว วันนี้หม่อมฉันรับอาหารเย็นค่อนข้างเร็วไปหน่อยและพ่อบ้านก็ทำอาหารมาให้พอดี เสด็จอากินเป็นเพื่อนชางเอ๋อร์หน่อยเถอะ หม่อมฉันเห็นว่ามีเยอะแยะเลยคงกินคนเดียวไม่หมด"
จิ้งอ๋องเหลือบมองหยุนชางเล็กน้อยแล้วจึงหันไปมองพ่อบ้านที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ สุดท้ายจึงมองไปที่โต๊ะอาหาร
อาหารมื้อดึกหรือ? อาหารมื้อดึกบ้านไหนเป็นเช่นนี้กัน?
จิ้งอ๋องเห็นว่าหูของหยุนชางแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยและเอาแต่มองอาหารบนโต๊ะ เขาตกใจเล็กน้อยแล้วก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเองจึงได้เข้าใจ ความยินดีผุดขึ้นมาในใจของเขา เขานั่งลงตรงข้ามกับหยุนชาง ตอนที่นั่งลงนั้นเขาเคลื่อนไหวมากไปหน่อย เสื้อผ้าที่หลวมอยู่แล้วนั้นจึงยิ่งเผยอออกอีกเล็กน้อย
เดิมทีหยุนชางกำลังจะเงยหน้าขึ้นเพื่อคุยกับเขา เมื่อนางเห็นเช่นนี้คำที่นางจะพูดก็ติดอยู่ในลำคอและจ้องไปที่จิ้งอ๋องอย่างไม่ขยับเขยื้อน
"ไม่ใช่ว่าหิวแล้วหรือ ทำไมเจ้าถึงไม่กินล่ะ?" สีหน้าท่าทางของหยุนชางล้วนตกอยู่ในสายตาของจิ้งอ๋อง เขาเคยชินที่เห็นนางแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยมาตลอด เมื่อเห็นนางมีท่าทางเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่เป็นอย่างมาก แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขายกชามขึ้น แต่ก็อดจะยกมุมปากขึ้นยิ้มไม่ได้
เมื่อเห็นเช่นนี้พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอกพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าน้อยไม่รู้ว่าพระชายาชอบกินอะไรจึงทำมาตามใจชอบ หากพระชายามีสิ่งใดที่อยากเสวยก็สั่งข้าน้อยมาได้เลยขอรับ"
หยุนชางจึงได้สติขึ้น นางเหลือบมองจิ้งอ๋องและใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อขึ้น แล้วจึงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "อย่างนี้ก็ดีแล้ว"
เมื่อเสร็จจากอาหารมื้อดึกแล้ว พ่อบ้านก็เก็บของออกไป ในห้องจึงเงียบลงในทันใด จิ้งอ๋องเดินไปที่เบาะนุ่มแล้วเอนกายลงและกระซิบเสียงเบา "ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า"
หยุนชางชะงักไป นางอยากจะบอกว่าไม่เป็นไร รอเขาหลับให้สบายแล้วค่อยออกเดินทางก็ได้ แต่เมื่อดวงตาของนางเห็นจิ้งอ๋อง นางก็เงียบลง จิ้งอ๋องนอนอยู่บนเบาะ ผมสยายลงมาทำให้ใบหน้าจิ้งอ๋องที่เดิมทีก็หล่อเหลาราวหยกปั้นอยู่แล้วยิ่งดูนุ่มนวลมากขึ้น เสื้อคลุมสีขาวเผยอออกเล็กน้อยเผยให้เห็นแผงอกเข้ม นางกำลังจะละสายตาออกไปก็สะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นอันน่าสยดสยองใต้หน้าอกยาวไปจนถึงท้องน้อยของเขา สายตาของหยุนชางชะงักไป นั่นเป็นที่ที่จิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหายดีแล้ว เพียงแต่แผลเป็นเช่นนี้ไม่น่าดูเอาเสียเลย
ยามที่หยุนชางกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เห็นจิ้งอ๋องพลิกตัวนอนหันหลังให้หยุนชางและตัดการจ้องมองของหยุนชางไว้
หยุนชางมองร่างนั้นอย่างเหม่อลอย แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงที่อ่อนเพลียเล็กน้อยแต่แฝงแววล้อเลียนดังขึ้น "ถ้าเจ้ายังจ้องข้าอยู่เช่นนี้อีก ข้าเกรงว่าคืนนี้ข้าคงจะหลับยาก"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดง นางรีบเป่าตะเกียงแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วนอนลง
จังหวะลมหายใจของจิ้งอ๋องค่อยๆ สงบลง หยุนชางฟังเสียงหายใจของเขาพลางดมกลิ่นหอมอ่อนๆ บนผ้าห่มที่เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นบนร่างกายของเขา หยุนชางรู้สึกว่ามีความสงบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเกิดขึ้นในหัวใจของนาง จึงมุดศีรษะเข้าไปให้ผ้าห่มและนางก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
บุรุษที่นอนอยู่บนเบาะเมื่อได้ยินเสียงหายใจของหยุนชางแล้วก็ลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย เขาพลิกตัวกลับมามองที่เงาบนเตียงและคลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วจึงหลับตาลงอีกครั้ง