ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 218 ชำระหนี้เเค้น (๒)
หัวจิ้งได้ยินคำพูดเช่นนั้นก็ตกใจ นางมองไปที่หยุนชางแต่กลับถูกความเกลียดชังในสายตาของหยุนชางทำให้ตกใจ อย่างไรก็ตามสมองของนางก็ยังฉลาดเฉลียวอยู่ "เป็นเจ้าใช่ไหม? เจ้าใส่ร้ายข้าว่าวางยาพิษลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ตอนที่งานล่าสัตว์ในวันนั้น เจ้าคือคนที่ทำร้ายข้า ในวังเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เป็นเจ้าเช่นกัน…"
หยุนชางหรี่ตาเรียวยาวของนางลง ในดวงตามีแววเยาะเย้ยปรากฏชัดเจน "เสด็จพี่พูดอะไรกัน? ทำไมชางเอ๋อร์ฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว? เสด็จพี่ ชางเอ๋อร์อยากถามมาโดยตลอดว่าพ่อของเด็กในท้องของเสด็จพี่คือใคร? ข้าออกไปเดินเล่นเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้แต่ในโรงน้ำชาก็ได้ยินผู้คนมากมายกำลังถกเรื่องนี้กันอยู่ บางคนก็เริ่มพนันกันว่าใครเป็นพ่อของเด็กที่เสด็จพี่เพิ่งแท้งไป ข้าวางเดิมพันข้างองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางชางเจียชิงซูไปห้าร้อยตำลึง ไม่รู้ว่าจะชนะหรือไม่? เกรงว่าเรื่องนี้คงมีเพียงเสด็จพี่เท่านั้นที่รู้ แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกันที่เสด็จพี่อาจจะไม่รู้…"
หัวจิ้งถลึงตามองจนตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า ในใจนางโกรธจนถึงขีดสุด จึงหยิบโคมไฟข้างกายเขวี้ยงใส่หยุนชาง
"ฮ่าฮ่าฮ่า…" หยุนชางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างสะใจ "จริงสิเสด็จพี่ วันนั้นองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางบอกเสด็จพ่อว่าเขาเต็มใจจะรับผิดชอบท่าน แต่เสด็จพ่อไม่เห็นด้วย ข้าลองเดาจากความหมายของเสด็จพ่อดูแล้วคิดว่าเสด็จพ่อคงจะไม่ยอมให้ท่านแต่งงานกับชางเจียชิงซูแน่ ด้วยชื่อเสียงของเสด็จในตอนนี้ หากไม่แต่งงานไปยังแคว้นเย้หลาง ไม่รู้เลยว่าจะยังมีใครเต็มใจแต่งงานกับท่านหรือไม่ เสด็จพี่อยากรู้ไหมว่าทำไมเสด็จพ่อจึงไม่เห็นด้วย?"
เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากของหัวจิ้งกระตุกเล็กน้อย นางกัดฟันและพูดว่า "เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้!"
หยุนชางส่ายหน้า หน้าตาของนางยิ่งเบิกบานยิ่งขึ้นไปอีก "อืม ชางเอ๋อร์บอกเสด็จพี่ก็แล้วกัน เป็นเพราะว่าเสด็จแม่และอัครมหาเสนาบดีต่างก็ไม่ยอมอย่างไรเล่า หากเสด็จพี่แต่งงานกับชางเจียชิงซู เช่นนั้นทุกคนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าองค์หญิงหัวจิ้งที่เป็นหม้ายใหม่ทนเหงาไม่ไหวจึงได้ไปยั่วยวนองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลาง นอกจากนี้ตอนนั้นแคว้นเย้หลางยังทำสงครามกับแคว้นหนิงอยู่เลย เสด็จพี่นี่เรียกว่าอะไรน้า เรียกว่ากบฏ ท่านว่าฮองเฮาและอัครมหาเสนาบดีจะอยากได้องค์หญิงที่ทรยศอย่างนั้นหรือ?"
ดวงตาของหัวจิ้งแดงก่ำ นางพุ่งมาที่หยุนชางอย่างรวดเร็ว หยุนชางจะปล่อยให้นางเข้ามาใกล้ได้อย่างไร เพียงหลบนิดเดียวก็หลบพ้นแล้ว หัวจิ้งไม่อาจหยุดฝีเท้าได้ในทันทีนางจึงไปชนแจกันที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเสียงแจกันแตกในห้องดังขึ้น หัวจิ้งก็ล้มลงกับพื้น
หยุนชางยิ้มจนตาหยีและเดินเข้าไปหาหัวจิ้ง นางโน้มตัวลงมองหัวจิ้ง "เสด็จพี่ต้องระวังนะเพคะ ไม่แน่ว่าล้มคราวนี้อาจจะแท้งลูกอีกคนก็เป็นได้"
"หนิงหยุนชาง!" หัวจิ้งเงยหน้าขึ้นมองดูนาง ในดวงตามีรังสีแห่งความอาฆาตอย่างปิดไม่มิด "เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้าจะให้ท่านตาฆ่าเจ้า หนิงหัวจิ้งคนนี้จะให้เจ้าตายโดยไม่มีที่ฝังร่างอย่างแน่นอน"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… " หยุนชางราวกับได้ฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก นางหรี่ตามองหัวจิ้งแล้วพูดว่า "เสด็จพี่ ท่านช่างไร้เดียงสานัก รู้หรือไม่ว่าข้าจะแต่งงานกับจิ้งอ๋องในวันที่หกของเดือนหน้า ตอนนี้ข้าไม่เพียงเป็นองค์หญิงแต่ยังเป็นผู้ที่จะเป็นพระชายาของจิ้งอ๋อง เจ้าคิดว่าท่านมหาเสนาบดีจะกล้าทำอะไรข้าในเวลานี้หรือ?"
หนิงหัวจิ้งถ่มน้ำลายใส่หยุนชาง "เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสได้แต่งงานกับจิ้งอ๋องหรือ? ข้าจะบอกให้ ไม่เพียงแต่เจ้า แม้แต่จิ้งอ๋องก็คงจะอยู่ได้อีกไม่นานหรอก ในเมื่อเจ้ากับเขารักกันมากก็ไปลงนรกเป็นผีคู่รักเสียเถอะ"
หยุนชางยกมือขึ้นสัมผัสน้ำลายบนใบหน้าอย่างเฉยเมยแล้วยิ้มเล็กน้อย "งั้นหรือ? ในเมื่อเสด็จพี่มั่นใจเช่นนี้ ถึงเวลานั้นคอยดูก็แล้วกันว่าใครจะอยู่ใครจะไป"
นางกล่าวพลางยืนขึ้นและหมุนตัวออกจากห้องไป
หัวจิ้งมองตามแผ่นหลังของหยุนชางไปพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนมุมปากมีเลือดไหลออกมา ผ่านไปครู่ใหญ่นางก็ยืนขึ้นและกรีดร้องออกมา "ใครก็ได้มานี่เดี๋ยวนี้! ส่งจดหมายให้ข้า ข้าต้องการเข้าเฝ้าเสด็จแม่! ข้าต้องการเข้าเฝ้าเสด็จแม่! หนิงหยุนชาง ข้าจะแล่เนื้อเถือหนังเจ้าเพื่อให้เจ้าได้รู้ว่าการเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่มันเป็นอย่างไร"
"องค์หญิง ทำไมท่านต้องไปยั่วโมโหองค์หญิงหัวจิ้งอย่างนั้นด้วยเพคะ? เมื่อครู่หม่อมฉันรู้สึกได้ว่าที่ใกล้ๆ จวนองค์หญิงมียอดฝีมือซ่อนอยู่ ไม่ใช่หัวหน้าราชองครักษ์ หม่อมฉันเกรงว่าอาจเป็นคนที่ฮองเฮาหรืออัครมหาเสนาบดีส่งมาคุ้มครองนาง แม้ว่าตอนนี้องค์หญิงหัวจิ้งจะสูญเสียอำนาจของนางไปแล้ว แต่เมื่อมองดูไปตามรูปการณ์แล้วฮองเฮาหรืออัครมหาเสนาบดีก็ยังไม่ได้ทอดทิ้งนางไปอย่างสมบูรณ์ หากอัครมหาเสนาบดีลงมือจัดการกับองค์หญิงแล้วละก็ องค์หญิง…" แววตาของเฉี่ยนอินมีแววกังวล
เพราะเมื่อครู่นางเพิ่งจะยั่วโมโหหัวจิ้ง หยุนชางจึงอารมณ์ไม่แย่นัก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉี่ยนอินแล้วก็ยังสามารถยิ้มอยู่ได้ "ข้าย่อมรู้ว่าอัครมหาเสนาบดีหลี่ส่งคนมาคุ้มครองนาง หากไม่ใช่เช่นนั้นข้าก็คงไม่ต้องลำบากมาหรอก ไม่เป็นไร ท่านอัครมหาเสนาบดีไม่ใช้คนที่ไม่มีความอดทน เกรงว่าเขาคงจะไม่เต็มใจหาเรื่องข้าอย่างจริงจังหรอก แต่ว่าข้าอยากจะไปป่วนความสงบสุขของจวนมหาเสนาบดีเสียหน่อย จริงสิ ชางยางอวี้เอ๋อร์เข้าไปอยู่ในจวนของเขาแล้วหรือยัง?"
เฉี่ยนอินพยักหน้าและพูดว่า "ยังเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าเป็นเพราะฮูหยินของเขากำลังโวยวายอยู่ บอกว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าเหล่าขุนนางในราชสำนัก นางคงไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองเหล่าบรรดาฮูหยินคนอื่นได้อีก ดังนั้นจึงขอให้ท่านอัครมหาเสนาบดีอย่าได้จัดงานให้เอิกเกริกเกินไปนัก ให้เขาใช้เกี้ยวธรรมดาๆ ไปรับนางเข้าจวนก็พอแล้ว แต่ชางยางอวี้เอ๋อร์ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะยอมง่ายๆ เช่นกัน อย่างไรนางก็จะให้จักรพรรดิประทานงานสมรสให้ได้ อีกทั้งฝ่าบาทก็บอกแล้วว่าเป็นภรรยารอง ในเมื่อเป็นภรรยารอง นางควรจะได้แต่งงานอย่างสมศักดิ์ศรี หากทำไม่ได้เช่นนั้นนางก็จะไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิและถามว่าทำไมผู้หญิงของแคว้นหนิงจึงไม่รู้กฎนัก อัครมหาเสนาบดีเองก็รำคาญใจเป็นอย่างมาก เรื่องนี้จึงถูกระงับไว้ก่อน
หยุนชางชะงักฝีเท้าเล็กน้อย รอยยิ้มจางลง "ชางยางอวี้เอ๋อร์ควรจะเข้าจวนได้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าให้หนิงเชียนไปกระตุ้นเสียหน่อย บอกชางยางอวี้เอ๋อร์ว่าพ่อบุญธรรมของนางเป็นราชครูแห่งแคว้นเย้หลาง"
เฉี่ยนอินเข้าใจความหมายของหยุนชางทันที ดวงตานางเป็นประกายแล้วจึงหัวเราะออกมา "องค์หญิงช่างเจ้าแผนการนักเพคะ คืนนี้หม่อมฉันจะส่งจดหมายให้พี่ใหญ่ทันที"
ชางยางอวี้เอ๋อร์เป็นสตรีที่เติบโตขึ้นมาในทุ่งหญ้า นิสัยของนางไม่ได้นุ่มนวลอ่อนโยนเหมือนสตรีแคว้นหนิงแต่นางอารมณ์ร้ายและไม่อาจทนต่อความอยุติธรรมได้เลยแม้เพียงนิด ฮูหยินของอัครมหาเสนาบดีก็ดำรงตำแหน่งฮูหยินอัครมหาเสนาบดีมาหลายสิบปีแล้วและก็เป็นที่นับหน้าถือตาของเหล่าบรรดาสตรี สตรีเช่นนี้อยู่ในจวนมาเป็นเวลานานและคุ้นเคยกับแผนการอ้อมค้อมของเหล่าสตรีเป็นอย่างดี แต่เป็นเพราะชางยางอวี้เอ๋อร์ทำให้นางเสียหน้าท่ามกลางเหล่าฮูหยินมากมาย นางย่อมเกลียดชังชางยางอวี้เอ๋อร์เป็นอย่างมาก เมื่อสองคนนี้ต้องอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันย่อมต้องน่าดูชมมากทีเดียว
ก่อนที่หยุนชางจะไปถึงพระราชวัง ระหว่างทางนางก็ได้พบกับหนิงเชียน หนิงเชียนกำลังอยู่ที่ทะเลสาบกลางเมืองหลวง นางเพิ่งลงจากเรือมาก็เห็นหยุนชาง สีหน้าของหนิงเชียนเรียบเฉยเพียงส่งสัญญาณมือมาให้หยุนชาง
หยุนชางเลิกคิ้วเล็กน้อย นางเดินไปอีกด้านก็เห็นว่าหนิงเชียนสั่งอะไรบางอย่างแก่สาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง สาวใช้ผู้นั้นเดินมาทางหยุนชางแต่ไม่ได้หยุดอยู่ข้างพวกเขาและหันหลังเดินออกไปยังตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง
หยุนชางรีบนำเฉี่ยนอินเดินตามไป ในตรอกนั้นมีคนไม่มากนัก สาวใช้ผู้นั้นจึงค่อยๆ ลดฝีเท้าลง หยุนชางจึงรีบตามไปจนถึงข้างสาวใช้ หยุนชางจึงได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินดังแว่วมา "อ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านเชิงเขากิเลน"
อะไรนะ? หยุนชางชะงักฝีเท้า สาวใช้จึงค่อยๆ เดินห่างออกไป หยุนชางยืนนิ่งขมวดคิ้วและไม่ขยับเขยื้อนอยู่ครู่หนึ่ง
"เฉี่ยนอินที่เมื่อครู่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยและไม่ได้ยินสิ่งที่สาวใช้พูด เพียงเห็นสีหน้าของหยุนชางก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งนางก็ถามขึ้นเบาๆ "องค์หญิง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเพคะ?"