ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 215 จักรพรรดิหนิงหมดความระแวง
"แต่ว่าหลังจากกลับมาที่วังแล้วชางเอ๋อร์ก็เคยถูกลอบสังหารเช่นกัน เป็นครั้งนั้นที่ชางเอ๋อร์กลับมาแล้วไปที่วิหารแคว้นหนิงเพื่ออธิษฐานขอพรกับเสด็จพี่ มีคนหลายคนแอบซ่อนอยู่ในป่าทึบ ชางเอ๋อร์เกือบคิดว่าตนเองกำลังจะตายเสียแล้ว เป็นเสด็จอาที่มาช่วยชางเอ๋อร์ไว้ วันนั้นเป็นวันที่เสด็จอานำทัพเสด็จกลับมาพอดี" ดวงตาของหยุนชางมีประกายเปียกชื้นเล็กน้อย ไม่ว่าจักรพรรดิหนิงจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็นถึงวี่แววน่าสงสัย
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและหัวใจของเขาถูกบีบจนเจ็บปวด ลูกสาวของเขาซึ่งควรจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดของแคว้นหนิงกลับต้องมีชีวิตเช่นนั้นตั้งแต่อายุได้เจ็ดแปดขวบ ไม่น่าแปลกเลยที่นางจึงดูเป็นผู้ใหญ่เช่นนั้น นางจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างเรียบร้อยหมดจดและไม่เหมือนเด็กสาวที่เพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นมาเลยสักนิด คงเป็นเพราะนางถูกทำร้ายมามากจึงถูกบังคับให้นางเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ
"เจ้ากับจิ้งอ๋องรู้จักกันมานานแล้ว? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเจ้าเอ่ยเรื่องนี้เลย?" จักรพรรดิหนิงวางพู่กันแล้วเดินมาหาหยุนชาง เขา ย้ายเก้าอี้มานั่งลงหน้าหยุนชางแล้วถามขึ้นอย่างเนิบนาบ
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้านาง "ตอนแรกหม่อมฉันไม่รู้ว่าเขาคือจิ้งอ๋องและเขาก็ไม่ได้พูดถึง นอกจากนั้นรถม้าที่ชางเอ๋อร์นั่งก็ดูธรรมดา คิดว่าเสด็จอาก็คงคิดว่าชางเอ๋อร์เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆ เท่านั้นเช่นกัน แม้ว่าชางเอ๋อร์จะได้เขาช่วยไว้แต่ก็รักษามารยาทไว้ เพียงถามชื่อแซ่ของเขาไว้เท่านั้น รอกลับมาที่วังแล้วค่อยส่งของบางอย่างไปให้เพื่อขอบคุณที่เขาช่วยชีวิต แต่เสด็จอาไม่ได้พูดอะไรก็จากไป ต่อมาได้พบเขาอีกครั้งในงานเลี้ยงฉลองแล้วจึงรู้ว่าเขาเป็นเสด็จอา เพียงแต่ในหลายปีมานั้นชางเอ๋อร์ถูกทำร้ายจนหวาดกลัว จึงคิดระแวงว่าเขารู้ตัวตนของชางเอ๋อร์จึงจงใจช่วยชางเอ๋อร์ไว้ สงสัยว่าเขามีแผนอื่นหรือไม่ ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะอยู่ห่างๆ เขาไว้"
จักรพรรดิหนิงเลิกคิ้วขึ้นและคิดพิจารณาข้อเท็จจริงในคำพูดหยุนชางอยู่ในใจ เขาส่งคนไปสืบที่วิหารแคว้นหนิงแล้ว นางถูกลอบสังหารหลายครั้งจริงๆ และก็รู้ว่ามีหญิงสาวมาแทนที่นาง เขาจึงได้เกิดความสงสัยในตัวนางขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเล่าออกมาอย่างง่ายดาย
"แล้วทำไมพวกเจ้าจึงใกล้ชิดกันขึ้นมาได้ เมื่อครู่จิ้งอ๋องเพิ่งมาขอให้ข้าหาฤกษ์งามยามดีเพื่อแต่งงานกับเจ้า" จักรพรรดิหนิงก้มลงมองไปยังที่กระดาษบนโต๊ะซึ่งเขียนอักษร "สังหาร" ครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมความน่าสยดสยองที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในนั้น
หยุนชางเอนกายพิงเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ จำได้ว่าตอนแรกนางกันตัวเองจากเขาไว้อย่างยิ่งแล้วยังให้หนิงเชียนไปสืบเรื่องของเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าต่อมาพวกเขาจะได้ร่วมมือกันอีกครั้ง เพียงเพราะต้องการโค่นล้มตระกูลหลี่…
"หากไม่ใช่เพราะเสด็จอา ชางเอ๋อร์เกรงว่าคงจะนั่งคุยกับเสด็จพ่อเช่นนี้ไม่ได้เสียแล้ว ชางเอ๋อร์มักคิดเสมอว่าช่วงเวลายามอยู่ที่วิหารแคว้นหนิงช่างเป็นเวลาที่น่าอกสั่นขวัญแขวน ต้องคอยระแวดระวังไปเสียทุกสิ่งว่าจะมีใครมาลอบสังหารหรือไม่ จนกระทั่งเข้ามาในวังจึงได้รู้ว่าสิ่งที่สามารถฆ่าคนได้ไม่ใช่มีดที่มองเห็นได้ แต่กลับเป็นมีดที่มองไม่เห็นต่างหาก บางทีสิ่งที่มองไม่เห็นต่างหากที่น่ากลัวที่สุด เสด็จพ่อจำได้ไหมว่าชางเอ๋อร์เคยส่งผ้าปักมาถวายเสด็จพ่อ? ของสิ่งนั้นเป็นฮองเฮาที่ให้ชางเอ๋อร์ถวาย ชางเอ๋อร์อยู่ที่วิหารแคว้นหนิงในหลายปีมานี้จะปักผ้าเป็นได้อย่างไร เพียงแต่ข้าไม่มีของขวัญอื่น กลัวว่าเสด็จพ่อจะไม่พอพระทัย ในใจจึงตื่นตระหนก ฮองเฮาบอกว่าจะให้เสด็จพี่ช่วยชางเอ๋อร์ปักแล้วให้ชางเอ๋อร์บอกว่าชางเอ๋อร์ปักเอง ตอนนั้นชางเอ๋อร์ไม่รู้ว่าฝีมือปักผ้าของเสด็จพี่นั้นเป็นฝีชั้นชั้นสูงที่มีเพียงไม่กี่คนและในแคว้นหนิงไม่มีใครเทียบได้ หากเป็นงานปักของเสด็จพี่ เหล่าฮูหยินหรือคุณหนูเหล่านั้นดูเพียงแวบเดียวก็ดูออกแล้ว"
หยุนชางน้ำตาคลอเล็กน้อยราวกับว่านางได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างใหญ่หลวง ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย "วันนั้นหม่อมฉันค้นหาภาพวาดอันโด่งดังจากเจ้าอาวาสอู๋น่าและไปหาเสด็จพี่ บังเอิญได้พบเสด็จอาที่เข้าวังมา เมื่อเห็นท่าทางยินดีของชางเอ๋อร์เขาจึงได้เอ่ยปากถามเล็กน้อย ต่อมาเขากล่าวว่าในเมื่อจะถวายให้เสด็จพ่อ หากชางเอ๋อร์สามารถวาดภาพได้และวาดเองก็จะมีความจริงใจกว่าไปหาภาพมาเป็นอย่างมาก เมื่อชางเอ๋อร์คิดๆ ดูก็เห็นว่ามีเหตุผล ชางเอ๋อร์จึงได้ไปหาภาพที่ชางเอ๋อร์เคยวาดยามอยู่ที่วิหารแคว้นหนิงไปให้เสด็จพี่แทน ต่อมาที่งานเลี้ยงในวันนั้น เสด็จพี่ก็ได้สอนบทเรียนให้แก่ชางเอ๋อร์"
จักรพรรดิหนิงจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ ตอนนั้นเขาเพียงรู้สึกประหลาดเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน ตอนนี้เมื่อได้ยินหยุนชางพูดออกมาแล้วยิ่งรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาจะกล้าบังอาจเช่นนี้ นางคิดทำร้ายชางเอ๋อร์ภายใต้จมูกของเขา
จักรพรรดิหนิงถอนหายใจและมองหยุนชางด้วยความรู้สึกผิด "พ่อไม่รู้เลยว่ามีเรื่องเหล่านี้ด้วย หลายปีมานี้เจ้าลำบากยิ่งนัก"
หยุนชางพูดออกมามากขนาดนี้ สิ่งที่นางรอก็คือคำขอโทษและความรู้สึกผิดของเขา รอยยิ้มฝืนปรากฏบนใบหน้า "เสด็จพ่อมีแผ่นดินอยู่ในใจ เป็นธรรมดาที่ดูแลอะไรหลายๆ อย่างไม่ทั่วถึง ไม่เป็นไรหรอกเพคะ ชางเอ๋อร์โตแล้วปกป้องตัวเองได้ แต่ชางเอ๋อร์กำลังจะแต่งงานแล้ว เสด็จแม่ยังคงอยู่ในวังและกำลังจะคลอดน้อง ชางเอ๋อร์หวังว่าเสด็จพ่อจะใส่ใจพวกเขามากขึ้น เมื่อชางเอ๋อร์เห็นพวกเขาสบายดีก็คงวางใจได้"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "พ่อย่อมทำเช่นนั้น แต่จวนจิ้งอ๋องก็อยู่ในเมืองหลวงนี่ แม้ว่าเจ้าจะแต่งงานออกไปแล้วก็ยังมาที่วังได้สะดวก"
หยุนชางส่ายหัวเล็กน้อย ในใจปรากฏความอาลัยอาวรณ์ "ชางเอ๋อร์เกรงว่าคงจะไม่ได้อยู่ข้างกายเสด็จพ่อและเสด็จแม่แล้ว เสด็จอาบอกว่าขณะนี้มีเรื่องเร่งด่วนมากที่ต้องไปทำ มีคนมากมายในเมืองหลวงที่ต้องการชีวิตของหม่อมฉัน เขาจึงต้องการแต่งงานกับชางเอ๋อร์ให้เร็วที่สุดเพื่อนำตัวชางเอ๋อร์ไปอยู่ข้างกายเขา เสด็จอากล่าวว่าเมื่อเรื่องนี้จบลงจะพาชางเอ๋อร์ไปอาศัยอยู่ด้วยกันที่จินหลิง เมืองจินหลิงเป็นที่ที่เสด็จพ่อมอบให้ชางเอ๋อร์ ได้ยินมาว่าเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนอยู่ดีกินดีและมีทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ชางเอ๋อร์อยากจะเห็นนัก"
จักรพรรดิหนิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาตัวสั่นสะท้านและมองไปที่หยุนชางด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ "สิ่งที่เจ้าพูด…เป็นความจริงหรือ? จิ้งอ๋อง…พูดเช่นนี้หรือ?"
หยุนชางยิ้มบางๆ ด้วยความพึงพอใจราวกับนางนึกเรื่องอะไรออกและดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม "ใช่ ชางเอ๋อร์อยากจะไปที่จินหลิงมาโดยตลอด เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งบอกเสด็จอาไป วันนี้เสด็จอาจู่ๆ ก็มาหาและบอกว่าเขาต้องการแต่งงานกับชางเอ๋อร์โดยเร็วที่สุด เขาบอกว่าเขาอยู่ที่ชายแดนปกป้องแคว้นหนิงมาหลายปีแล้วและรู้สึกเหนื่อยแล้ว คนอื่นๆ มักจะรู้สึกว่าเขาต้องการแย่งชิงสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น เขารู้สึกรำคาญดังนั้นเขาจึงอยากพักผ่อนดีๆ และบอกว่าเขาจะพาหม่อมฉันไปที่เมืองจินหลิง เสด็จอาบอกว่าเขาเคยไปที่นั่นมาครั้งหนึ่ง บอกว่าชางเอ๋อร์จะต้องชอบมันอย่างแน่นอนและถ้าหากชอบก็อยู่ที่นั่นไปเสียเลย"
จักรพรรดิหนิงหันกลอกตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ถ้าบอกว่าจิ้งอ๋องไม่มีความทะเยอทะยาน อย่างไรเขาก็คงจะไม่เชื่อเป็นแน่ เพียงแต่ทำไมเขาถึงได้ไปสัญญากับชางเอ๋อร์เช่นนั้น
ทำไมจู่ๆ จิ้งอ๋องจึงรีบกลับไปที่เมืองหลวงในคืนก่อนวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อมาบอกเขาว่าหากอนุญาตให้เขาแต่งงานกับชางเอ๋อร์ เขาจะมอบตราอาญาสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งของเขาคืน ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่ามันเป็นกลอุบายของจิ้งอ๋อง แต่เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ตราอาญาสิทธิ์ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นหนามยอกอกของเขามาโดยตลอด เมื่อคิดว่าหากรอนานไปเรื่องจะพลิกผันจึงได้ใช้เวลาสีเดือนเพื่อวางอุบาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้รับข่าวจากเซียวหย่วนซาน
ทหารหนึ่งแสนนาย ในฐานะผู้ครองแคว้นนั้นเขารู้ดีว่าเป็นภัยคุกคามประเภทใด หากมีคนหนึ่งแสนคนอยู่ที่ชายแดนเขาจะไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย แต่คนแสนคนนี้กลับแทรกอยู่ในแคว้นหนิงอย่างเงียบเชียบ
เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงตกลงกับเซียวหย่วนซานว่าจะปล่อยตัวจิ้งอ๋องออกมา และคิดว่าหากจิ้งอ๋องรู้ว่าฝีมือของเขาย่อมไม่ปล่อยมันไป แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับวิ่งเข้ามาบอกว่าเขาต้องการแต่งงานกับชางเอ๋อร์ให้เร็วที่สุด
เขารู้หรือไม่ว่าการแต่งงานหมายความว่าอย่างไร? เขาออกปากเองว่าเขาจะมอบตราอาญาสิทธิ์ครึ่งหนึ่งคืนในวันแต่งงาน
แต่ตอนนี้กลับได้ยินหยุนชางพูดว่าจิ้งอ๋องอยากจะเร้นกาย แล้วจะไม่ให้เขาข้องใจได้อย่างไร? เขาเคยสงสัยว่าชางเอ๋อร์กำลังโกหก แต่ทุกคำที่นางพูดในวันนี้ชัดเจนมาก ไม่ต่างจากที่เขาไปสืบมาเลย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดและไม่อาจสงสัยได้อีก
"เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ชางเอ๋อร์ได้ดูมาก่อนแล้วว่าเดือนหน้าวันที่หกเป็นฤกษ์ดี ไม่เช่นนั้นชางเอ๋อร์แต่งงานเสียวันนั้นดีหรือไม่เพคะ? เพียงแต่ออกจะฉุกละหุกไปสักหน่อย แต่หากสายไปกว่านั้นเกรงว่าเสด็จอาคงจะรอไม่ไหวแล้ว ธุระของพ่อด่วนมากหรือเพคะ? ชางเอ๋อร์คิดว่ารีบทำพิธีก่อนเสด็จแม่คลอดก็ดี เสด็จแม่บอกว่าอาภรณ์แต่งงานของข้านางเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว…"