ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 212 หยุนชางฝันถึงอดีตชาติ
แต่งงาน
ในครึ่งวันต่อมา หยุนชางสับสนกับคำนี้มาตลอด
แต่เพราะหลังจากที่นางเกิดใหม่แล้ว ในเป้าหมายที่นางตั้งไว้นั้นมีการแก้แค้น ไถ่คืนความสัมพันธ์ในครอบครัวที่สูญเสียไปในชาติที่แล้วและยังต้องการหาเพื่อนแท้สักสองสามคน สิ่งเดียวที่นางไม่ได้คิดก็คือเรื่องแต่งงาน
บางทีอาจเป็นเพราะชีวิตคู่ที่ผ่านมาของนางกับโม่จิ้งหรานนั้นช่างน่าสังเวชจนนางกลัวที่จะแต่งงานและกลัวที่จะมอบความจริงใจให้ใครสักคน กลัวว่าหลังจากที่นางมอบหัวใจให้ไปแล้วจะถูกเหยียบย่ำทำร้ายอย่างไร้ความปรานีอีก
เพียงแต่ท่านตาได้บอกนางว่า ในเมื่อจิ้งอ๋องสัญญาว่าจะคืนตราอาญาสิทธิ์ครึ่งหนึ่งให้เสด็จพ่อในวันแต่งงาน นางก็แต่งไปเถอะ อย่างน้อยด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถทำให้เสด็จพ่อระแวงน้อยลง
จิ้งอ๋อง เสด็จพ่อของนางแตะไม่ได้ ตอนนี้จิ้งอ๋องมีกำลังอำนาจเพียงใดเกรงว่าคงมีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ หากเสด็จพ่อไปแตะต้องเขาอย่างวู่วาม เกรงว่าถึงตอนสุดท้ายแล้วแม้เสด็จพ่อจะไม่เสียเปรียบ แต่ก็อาจต้องสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน และไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร นางก็ไม่อยากเห็นทั้งนั้น
"องค์หญิง ท่านกลับมาแล้วหรือ? เรื่องจิ้งอ๋องมีข่าวอะไรบ้างไหมเพคะ?" ฉินยีรีบก้าวเข้ามาถามอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามาด้วยท่าทางสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก
หยุนชางผงะไป ในมือจิ้งอ๋องอยู่ในมือของเสด็จพ่อ เขาย่อมต้องปลอดภัย เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็พยักหน้า "มีข่าวแล้ว เขาปลอดภัยดี"
หยุนชางพูดพลางเดินเข้าไปในตำหนักด้านใน นั่งลงบนเบาะนุ่มด้วยท่าทางเหมือนตกอยู่ในภวังค์ สายตาของนางเหลือบมองถ้วยน้ำชาบนโต๊ะข้างๆ บนถ้วยน้ำชามีภาพดอกบ๊วยที่ผลิบานวาดอยู่บนนั้น
ฉินยีจ้องมองตามเงาร่างของหยุนชางไป ในใจรู้สึกประหลาด ในเมื่อจิ้งอ๋องสบายดี ทำไมองค์หญิงถึงได้ดูสิ้นหวังเช่นนี้?
หยุนชางไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของฉินยี หลังจากนั่งเหม่อครู่หนึ่ง นางก็เงยหน้าขึ้นพูดกับฉินยี "ไปบอกคนในห้องเครื่องว่าวันนี้ทำอาหารเพิ่มเสียหน่อย อีกครู่จิ้งอ๋องจะมาทานอาหารค่ำที่นี่"
ฉินยีพยักหน้าและมองหยุนชางด้วยความกังวลเล็กน้อย นางครุ่นคิดครู่หนึ่งและในที่สุดก็ออกไป
หยุนชางนอนอยู่บนเบาะและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในความฝันนั้นนางได้กลับไปสู่ช่วงชีวิตที่ไม่มีวันลืม นางยังจำเช้าวันนั้นได้ เพราะเหิงเอ๋อร์ป่วยมาหลายวันแล้ว หยุนชางจึงนอนไม่หลับมาหลายคืน วันนั้นหมอบอกกับนางว่าร่างกายของเหิงเอ๋อร์ดีขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเหิงเอ๋อร์จะดูซีดเซียว แต่เขาก็หลับได้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก หยุนชางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หวังว่าเหิงเอ๋อร์จะรอดจากอุปสรรคนี้ไปได้ และหลังจากผ่านไปแล้ว เขาจะสามารถเติบโตอย่างสงบสุขปลอดภัย
เมื่อได้ผ่อนคลายสักพักก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของนางเหนื่อยมาก หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ที่อยู่ข้างนาง "เหลียนซินไปไหน? ทำไมนางไปเอายานานนัก?"
เหลียนซินเป็นข้ารับใช้ที่ปรนนิบัตินางมาตั้งแต่เล็ก นางเหนื่อยและต้องการนอนพักสักครู่ แต่เหิงเอ๋อร์ต้องการใครสักคนคอยดูแล นางไว้ใจเหลียนซิน ดังนั้นนางจึงต้องการให้เหลียนซินมาช่วยดูสักพัก
สาวใช้ชะโงกมองออกไปด้านนอกประตูและพูดโดยไม่ละสายตาว่า "ข้างนอกฝนตก บางทีพี่เหลียนซินอาจจะไม่ได้นำร่มไปด้วย อาจจะกำลังหลบฝนอยู่"
หยุนชางชะงักไป นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปล่อยให้สาวใช้ออกไป นางกลับไปที่ห้องของเหิงเอ๋อร์และฟุบอยู่หน้าเตียงของเหิงเอ๋อร์เพื่องีบสักครู่
เมื่อนางตื่นนอนก็ได้ยินเสียงสาวใช้ดังแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางพบว่านางหลับไปตื่นหนึ่ง ที่หน้าผากมีเหงื่อซึม นางต้องการเรียกคนให้เอาน้ำมา แต่เมื่ออ้าปากจะเปล่งเสียงก็รู้สึกเจ็บคอมาก คิดว่าคงเป็นหวัดตอนนอน หยุนชางขมวดคิ้ว เหิงเอ๋อร์ยังป่วยอยู่ นางไม่สามารถล้มป่วยลงไปอีกคนได้ นางเดินไปที่ประตูและต้องการเรียกสาวใช้เข้ามาสั่งให้ไปเอายามาให้นางดื่ม
เมื่อเดินไปที่ประตู นางก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยจากข้างนอก "องค์หญิงหยุนชางผู้นี้ช่างล้มเหลวเสียจริง แม้แต่คนที่รับใช้นางตั้งแต่เด็กก็ยังทรยศนาง เมื่อครู่ตอนนี้ข้าอยู่กับนายท่านข้าเห็นแล้วว่าเหลียนซินนั่นกำลังรับใช้องค์หญิงหัวจิ้งอยู่ นายท่านได้ยินว่าองค์หญิงหัวจิ้งชอบกินเม็ดบัวจึงไปเก็บที่ทะเลสาบมาด้วยตนเอง เม็ดบัวปอกยากเขาก็ปอกให้ทีละเม็ดแล้วป้อนให้องค์หญิงหัวจิ้ง"
หยุนชางจำเสียงนี้ได้ว่าเป็นหนึ่งในสาวใช้ชั้นสองที่โม่จิ้งหรานมอบให้นาง ชื่อว่าหวูยี
"เจ้าว่าองค์หญิงหัวจิ้งเป็นเพียงหญิงม่าย นางมีเสน่ห์มากมายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ล่อลวงเสียจนนายท่านแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร คอยวนเวียนอยู่รอบตัวนางทั้งวัน" อีกเสียงหนึ่งฟังดูไม่คุ้นเคยเล็กน้อย น่าจะเป็นสาวใช้ในจวนอื่นที่มาเยี่ยมเยียน
เสียงหัวเราะของหวูยีแว่วมาจากด้านนอกแฝงแววคลุมเครือ "ข้าจะบอกให้นะ ยามที่องค์หญิงหัวจิ้งอยู่บนเตียงช่างมีเสน่ห์เย้ายวนมาก วันนั้นที่องค์หญิงหยุนชางให้ข้าไปหานายท่าน ข้าได้ยินตอนที่อยู่ด้านนอกห้องหนังสือ เสียงนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ แม้แต่ผู้หญิงอย่างข้าก็ยังรู้สึกว่าร่างกายกำลังลุกไหม้ไปด้วยไฟ จึ๊ๆๆ…"
"ร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"แน่นอน แล้วก็อย่างไรองค์หญิงหัวจิ้งนั่นก็ประสูติจากฮองเฮาเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นหนิงของเรา แม้ว่าตอนนี้นางเป็นม่าย แต่ก็มีชื่อเสียงไม่ดีนัก ข้าได้ยินมาว่านางเลี้ยงชายหนุ่มไว้บำเรอนางแต่ก็ยังมีคนอีกมากที่เต็มใจจะสนับสนุนนาง อนิจจา น่าเสียดายที่เรามีเจ้านายเช่นนี้ แม้ว่านางจะถูกเลี้ยงดูมาโดยฮองเฮา แต่แท้จริงแล้วนางก็ฐานะต่ำต้อย มารดาผู้ให้กำเนิดเป็นเพียงนางสนมไม่ได้รับความโปรดปรานในตำหนักเย็น ข้าได้ยินมาว่าของที่องค์หญิงหัวจิ้งประทานให้สาวใช้ ทุกอย่างล้วนเป็นของที่ดีกว่าที่องค์หญิงหยุนชางใช้เองเสียอีก" หวูยียิ้มอย่างเย็นชา เสียงของนายผสมไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยโดยที่นางไม่รู้ตัว หากนางได้รับใช้องค์หญิงหัวจิ้งก็คงจะดีกว่านี้
หยุนชางพิงประตูและหลับตาลงระงับความโศกเศร้าที่ปั่นป่วนอยู่ในหัวใจของนาง นางได้แต่ปลอบตัวเองในใจ ไม่เป็นไร ที่นางรับเสด็จพี่เข้ามาในจวนก็เพื่อทำให้นางมีความสุขและตอนนี้นางก็มีความสุขมาก ไม่เป็นไร ตั้งแต่นางยังเป็นเด็กก็ชอบแย่งของนาง ตอนนี้นางเพียงชอบสามีของนางเท่านั้น นางสามารถยอมได้ ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรสามีของนางก็เป็นคนชอบของใหม่ลืมของเก่าอยู่แล้ว ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากแต่งงานนางก็รู้เรื่องนี้ หากเป็นเสด็จพี่ก็ย่อมต้องดีกว่าผู้หญิงปีศาจภายนอกนั่น
นางเพียงแค่เสียใจนิดหน่อยเท่านั้น อย่างไรเหิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกของเขา เหิงเอ๋อร์ป่วยมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ทำไมเขาไม่เคยมาเยี่ยมเลย
หยุนชางยืนพิงประตูอยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งขาของนางรู้สึกชาจึงได้กระแอมเสียงเบา เสียงภายนอกจึงหยุดลงอย่างกะทันหัน หยุนชางพูดด้วยความพยายาม "หวูยีไปหาหมอขอยาแก้หวัดมาหน่อย ข้ารู้สึกเป็นหวัดเล็กน้อย เจ้าไปต้มแล้วเอามาให้ข้า"
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงขานรับ "อ้อ" อย่างไม่เต็มใจดังมาจากข้างนอก
หยุนชางกลั้นน้ำตาอยู่นานก่อนที่มันจะกลิ้งลงมาเป็นสาย ความร้อนนั้นแทบไหม้ดวงตาของนาง
เมื่อดื่มยาเสร็จ หยุนชางก็รู้สึกหนักหัวและตัวลอย นางกลัวว่านางจะนำเชื้อหวัดไปแพร่ใส่เหิงเอ๋อร์แล้วเขาจะป่วยอีก จึงกลับไปที่ห้องแล้วหลับไป หลังจากที่หลับไปกว่าหนึ่งชั่วยาม นางก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยจึงเรียกเหลียนซิน แต่ก็ไม่มีใครตอบรับ เหลียนซินยังไม่กลับมา หยุนชางจึงได้แต่แต่งตัวเองให้เรียบร้อยและไปที่ห้องของเหิงเอ๋อร์
หน้าของเหิงเอ๋อร์แดงเล็กน้อย ผ้าห่มที่คลุมร่างกายของเขาถูกเตะออกไป หยุนชางขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มกลับมาห่มให้เขาอีกครั้ง แต่มือของนางบังเอิญสัมผัสหน้าผากของเหิงเอ๋อร์ หยุนชางรู้สึกประหลาดใจกับความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั้นมาก นางรีบดึงมือกลับและได้สติทันที นางรีบเอื้อมมือไปลองอีกครั้ง เหิงเอ๋อร์กลับมาตัวร้อนอีกครั้งจริงๆ
"ท่านแม่… ท่านแม่… เหิงเอ๋อร์ทรมาน…" เสียงอ่อนระโหยของเหิงเอ๋อร์ดังขึ้น น้ำตาของหยุนชางก็ไหลลงมาอีกครั้ง เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์ของนาง ตั้งที่เขาล้มป่วยก็ไม่เคยพูดเลยว่าเขารู้สึกไม่สบายตัวเพราะกลัวนางจะทุกข์ใจ คิดไม่ถึงว่ายามที่ไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือนเช่นนี้จึงได้เอ่ยออกมา