ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 205 จิ้งอ๋องถูกจับตัวไป (๒)
หยุนชางยังคงก้มหน้านิ่ง สักพัก นางกัดริมฝีปากตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตามีประกายของหยดน้ำที่เอ่อล้น "เสด็จพ่อ เสด็จอาอาจจะ ไม่ได้แข็งแกร่งดังเช่นที่เสด็จพ่อทรงคิดไว้ ก่อนหน้านี้ เสด็จอาก็เคยได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของเสด็จอาไม่นานนัก เสด็จอาทรงบาดเจ็บสาหัสมาก เสด็จอาเกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงกังวล จึงมิได้บอกให้เสด็จพ่อทรงทราบ ชางเอ๋อร์กลัวว่า กลุ่มคนร้ายในครานี้จะเป็นพวกเดียวกันกับคราก่อน หากเป็นเช่นนั้นจริง เสด็จอาก็กำลังเผชิญอยู่กับสิ่งที่อันตรายร้ายแรงมากเลยนะเพคะ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ฟัง ก็ทรงรู้สึกแปลกพระทัย จิ้งอ๋องเคยได้รับบาดเจ็บหรือ? เหตุใดตนจึงไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน……สายพระเนตรของจักรพรรดิหนิงแน่นิ่ง พระองค์ครุ่นคิดไปมา
"เจ้าวิตกมากไปก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตอนนี้พวกเราก็ทำได้แค่รอ รอดูว่าจะพอมีเบาะแสอะไรออกมาบ้าง" จักพรรดิหนิงตรัสเสียงเบา
หยุนชางพยักหน้า นางกำแขนเสื้อตัวเองไว้แน่น ก้มหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา
จากนั้นไม่นาน ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่ออกไปตามตัวเวินหยูอวี้ก็รีบเดินเข้ามา เขาคุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์ "ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่พบตัวคุณหนูเวินเลยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันได้พบกับบ่าวคนสนิทของคุณหนูเวินที่หน้าห้องสุขา บ่าวนางนั้นบอกว่าคุณหนูของนางอยู่ในสุขา แต่หม่อมฉันเรียกอยู่นานก็ไม่มีเสียงผู้ใดขานรับ จึงบุกเข้าไปดู พบว่าข้างในไม่มีใครสักคนเลยพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "เช่นนี้แล้ว ผู้ที่จับตัวจิ้งอ๋องไปเห็นทีว่าจะเป็นเวินหยูอวี้จริงๆ แล้วเวินหยูอวี้จะหลอกล่อและจับตัวจิ้งอ๋องไปด้วยเหตุอันใด? แล้วเรื่องอื่นล่ะ มีเบาะแสอะไรอีกไหม?
ผู้บัญชาการทหารองครักษ์รีบรายงาน "ทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันได้พบร่องรอยการต่อสู้ที่หอชิงซือ หม่อมฉันคิดว่า เมื่อครู่นี้ที่หอชิงซือจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ"
จักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รีบลุกขึ้นทันที "ไป ไปดูที่หอชิงซือ"
หยุนชางเสด็จไปที่หอชิงซือพร้อมกับจักรพรรดิหนิง ที่หอชิงซือยังคงมีเศษลูกดอกตกอยู่ แต่ว่าลูกดอกเหล่านั้นช่างดูน่าสงสัย ที่หัวของลูกดอกมีลักษณะกลวง
ทุกคนพิจารณาอยู่นานก็ไม่มีใครรู้ว่าลูกดอกเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร หยุนชางกลับขมวดคิ้ว ตรงบริเวณที่กลวงลงไปนั้นมีกลิ่นแปลกๆ ชวนให้ผู้ที่ได้กลิ่นอยากจะสำลัก
หยุนชางตกตะลึง นางหันมาหาฮ่องเต้ "เสด็จพ่อเพคะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับเสด็จอาแล้วเพคะ"
คนอื่นๆก็หันมามองที่หยุนชาง หยุนชางหน้าซีดเผือด "ชางเอ๋อร์ได้กลิ่นฝุ่นควันในบริเวณนี้เพคะ กลิ่นนี้ชวนสำลักมาก น่าจะเป็นควันยาสลบชนิดหนึ่งเพคะ" เฉี่ยนอินที่ยืนอยู่ข้างๆหยุนชางเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากใต้แขนเสื้อ เทขวดออกมา และมอบยาให้ทุกคนคนละ 1 เม็ด
แล้วหยุนชางก็พูดว่า "ยานี้เป็นยาที่เสด็จอาเคยให้หม่อมฉันไว้ เอาไว้ป้องกันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพคะ ควันยาสลบนี่มีฤทธิ์ร้ายแรงนัก ทุกคนระวังตัวด้วย"
สิ้นเสียงของหยุนชาง ผู้ติดตามที่อายุมากหน่อยก็เริ่มมีอาการเวียนศีรษะ หยุนชางรีบสั่งให้เฉี่ยนอินป้อนยาคนเหล่านั้น ผ่านไปไม่นาน คนเหล่านั้นก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ
คนอื่นๆเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็รีบนำเม็ดยาที่อยู่ในมือใส่ปากกลืนลงไปทันที
หยุนชางพูดต่อ "หม่อมฉันเดาว่า ลูกดอกเหล่านี้ หัวลูกดอกเป็นรูกลวง ก็เพื่อที่จะบรรจุควันยาสลบลงไป หม่อมฉันได้ลองดูเมื่อครู่นี้ หัวลูกดอกทำออกมาได้ละเอียดมาก เพียงเป่าควันยาสลบลงไปในหัวลูกดอก หัวลูกดอกก็จะปิดสนิท ควันยาสลบก็จะถูกซ่อนอยู่ภายใน แต่ลูกดอกเหล่านี้บอบบางนัก เมื่อได้สัมผัสกับวัตถุที่ค่อนข้างแข็งหน่อยก็จะแตกออก เมื่อหัวลูกดอกแตกแล้ว ควันยาสลบก็จะฟุ้งกระจายออกมา ลูกดอกที่แตกแล้วมีอยู่มากมายเช่นนี้ หากว่าเสด็จอาได้สูดดมเข้าไปแม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็ เกรงว่าจะหมดสติลงได้ในช่วงเวลาอันสั้นเพคะ"
จักรพรรดิหนิงประหลาดพระทัยเป็นอย่างมาก สายพระเนตรจับจ้องไปที่หยุนชาง หยุนชางรู้สึกตัวแล้วจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่นั้นตนรีบร้อนเกินไป ก็เลยพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไปมากมาย เมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่มองมายังตนแล้ว หยุนชางได้แต่ก้มหน้านิ่งเงียบ หนทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการไม่สบตาผู้ใดทั้งนั้น
แต่ไม่ทันที่จักรพรรดิหนิงจะเอ่ยปากตรัสคำใดออกมา ก็ได้ยินผู้บัญชาการทหารองครักษ์พูดขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน "แต่ว่าพระราชวังแห่งนี้มีการคุ้มกันสอดส่องเป็นอย่างดี……"
ยังพูดไม่ทันจบดี ฮ่องเต้ก็ทรงตัดบท "คุ้มกันสอดส่องเป็นอย่างดี? หื้อ หากว่าคุ้มกันสอดส่องเป็นอย่างดีจริงๆ แล้วเหตุใดจึงมีคนร้ายฮึกเหิมเข้ามาก่อเหตุวุ่นวายในเขตวังหลวงได้ล่ะ? ทำให้จิ้งอ๋องต้องมาตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ นี่น่ะหรือที่เรียกว่าคุ้มกันสอดส่องเป็นอย่างดีน่ะ?"
หยุนชางเม้มปากแล้วถอนหายใจเอ่ยว่า "บนโลกใบนี้ แม้จะมีการคุ้มกันสอดส่องอย่างแน่นหนา ก็ป้องกันได้เฉพาะคนทั่วๆไปเท่านั้น ไม่อาจป้องกันคนเลวที่คิดชั่วได้ หากเสด็จอาทรงสลบไป พวกคนร้ายก็ต้องนำเสด็จอาออกไปนอกวัง ซึ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากวันนี้เสด็จพ่อประทับอยู่ในวัง ในบริเวณโดยรอบก็ต้องมีทหารองครักษ์คอยเฝ้าอยู่ ดังนั้นจึงมีสิ่งที่เป็นไปได้อยู่ 3 อย่าง อย่างแรกก็คือ เสด็จอายังคงอยู่ภายในเขตพระราชวัง ยังไม่ได้ออกไปไหน อย่างที่สองคือ ในพระราชวังแห่งนี้มีเส้นทางลับ" หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ "ความเป็นไปได้อย่างสุดท้ายก็คือ ในบรรดาทหารองครักษ์ มีบางคนที่ยอมร่วมมือกับกลุ่มคนร้ายเพคะ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ฟัง เส้นเอ็นที่หน้าผากก็ตึงขึ้นมาทันที พระองค์ทรงสะบัดแขนเสื้อ ตรัสเสียงกร้าวว่า "ไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ แม้จะยากลำบากเพียงใดก็ต้องตรวจสอบให้พบ!"
แม้ว่าช่วงเวลาที่จิ้งอ๋องไปเฝ้าคุ้มกันชายแดนจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็นับว่ายังคงเป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์ผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ หากแม้นเรื่องที่จิ้งอ๋องหายตัวไปแพร่หลายออกไปนอกวังแล้วล่ะก็ เกรงว่า……
นัยน์ตาของจักรพรรดิหนิงดูเยือกเย็น หวังว่า เหตุการณ์คงจะไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอกนะ
หยุนชางเงียบไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า "เสด็จพ่อเพคะ แล้ว……คุณหนูแห่งจวนเวินจะทำเช่นไรเพคะ? ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่า คุณหนูแห่งจวนเวินนั่นแท้ที่จริงแล้วถูกจับตัวไปจริงๆเพราะคนร้ายหลงคิดว่าเป็นหม่อมฉัน หรือว่านางสมรู้ร่วมคิดกับแผนการครั้งนี้กันแน่นะเพคะ……"
จักรพรรดิหนิงเพ่งมองไปที่หยุนชาง สักครู่ก็ตรัสว่า "เด็กๆ นำทุกคนในจวนเวินไปขังไว้"
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ทว่าเรื่องวุ่นวายนั้นกลับยังไม่มีอะไรคืบหน้า สีพระพักตร์ของจักรพรรดิหนิงแย่ลงเข้าไปทุกที แม้แต่หยุนชางเองก็ยังรู้สึกหวาดเกรง
นางอยากหาโอกาสไต่ถามสายลับที่จิ้งอ๋องเคยส่งมาคุ้มกันนาง อยากถามสายลับว่าจิ้งอ๋องอยู่ที่ไหนกันแน่
คบไฟในวังถูกจุดขึ้น หยุนชางลุกพรวดขึ้นมา แต่กลับเห็นว่าจักพรรดิหนิงกำลังมองมาที่นาง หยุนชางคอตกแล้วพูดเบาๆ "คุณหนูพวกนั้นยังอยู่ที่ตำหนักหม่อมฉัน ชางเอ๋อร์ขอแวะไปดูพวกนางสักครู่ หากมีข่าวเรื่องเสด็จอา ขอเสด็จพ่อโปรดส่งคนไปรายงานหม่อมฉันด้วยนะเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปรีบมาเพคะ"
สายพระเนตรของจักรพรรดิหนิงจ้องมองไปที่หยุนชางแล้วนิ่งเงียบ สักพักจึงพยักหน้า
หยุนชางพาเฉี่ยนอินรีบเดินไปที่ตำหนักด้านหลัง เมื่อเห็นว่าบริเวณโดยรอบมิมีผู้ใดแล้ว เฉี่ยนอินก็กระซิบว่า "องค์หญิงเพคะ เมื่อครู่นี้ตอนที่พระองค์พูดเรื่องลูกดอก สายพระเนตรที่ฮ่องเต้มองมาที่พระองค์นั้นค่อนข้าง……ผิดปกตินะเพคะ……"
หยุนชางเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ยิ่งเมื่อได้ยินเฉี่ยนอินพูดเช่นนี้แล้ว การก้าวเดินของนางก็ถึงกับหยุดชะงัก นางยิ้มอย่างขมขื่น "ข้าเองก็รู้สึกได้ เฉี่ยนอิน พระองค์ทรงสงสัยข้า เสด็จพ่อของข้า กำลังสงสัยในตัวข้า……"
แล้วหยุนชางก็ก้าวเดินต่อ แต่จังหวะการเดินกลับช้าลงกว่าเดิม ในชาติที่แล้วนางโตมาโดยที่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับจักรพรรดิหนิง มาชาตินี้ กลับได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น หยุนชางนึกไปถึงตอนที่ตนเองนึกวิจารณ์เสด็จพ่อเมื่อชาติก่อน เคยคิดว่าพระองค์อาจจะไม่ใช่สวามีที่ดี แต่ก็ถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีพระองค์หนึ่ง หยุนชางยิ้มออกมาเล็กน้อย หวั่นใจว่า เสด็จพ่อของนางนั้น หาได้เป็นพ่อที่ดีไม่
ในพระทัยของพระองค์ สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คงจะเป็นภูเขาลำห้วย ลายมังกรบนฉลองพระองค์ และพระแท่นลายมังกรนั่นกระมัง เมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครอง พระองค์ถึงกับยอมทำร้ายพระทัยเสด็จแม่ อภิเษกกับหญิงที่พระองค์ไม่เคยรัก จากนั้น 20 ปีต่อมา พระองค์กลับกล้าสงสัยในตัวนาง
จะว่าไป ใครกันที่ให้นางผูกพันชิดใกล้กับจิ้งอ๋องเช่นนี้ หากว่าตนเองเป็นเพียงองค์หญิงอ่อนโยนแต่ไร้ความคิด เมื่อตนเองอภิเษกกับจิ้งอ๋องไปแล้วก็ไม่มีสิ่งใดให้พระองค์ต้องทรงกังวล แต่ว่า ในตอนนี้ตนนั้นมิได้โง่เขลาดังเช่นที่พระองค์ต้องการ พระองค์ก็ต้องทรงระแวงเป็นธรรมดา เพราะลูกสาวออกเรือนไป ก็เปรียบเสมือนน้ำที่ถูกสาดออกไปข้างนอก เมื่อตนอภิเษก ก็ต้องอยู่ในโอวาทของสวามี นี่จึงถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับพระองค์……
หยุนชางกัดริมฝีปากตนเอง หลังจากที่ตนเกิดใหม่แล้ว ตนเคยคิดว่า เสด็จพ่อของตนจะเป็นที่พึ่งพาตลอดชีวิตให้กับตนและเสด็จแม่แท้ๆ แต่มาวันนี้ เห็นทีว่าตนนั้นคงจะคิดผิดไป……ตนคิดออกได้ทุกเรื่อง แต่กลับลืมคิดว่า เสด็จพ่อของตน นอกจากจะเป็นพ่อ เป็นสามีแล้ว ยังเป็นฮ่องเต้อีกด้วย
วังหลวงแห่งนี้ ตนชักจะไม่ค่อยอยากอยู่สักเท่าไรแล้วสิ
หยุนชางคิดเช่นนี้แล้วก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำหนักด้านหลัง
"องค์หญิงเพคะ ช้าๆหน่อยสิเพคะองค์หญิง……" เสียงเฉี่ยนอินร้องเรียกด้วยความเหนื่อยหอบมาจากด้านหลัง
หยุนชางหยุดกึก นางลืมไปอีกแล้วว่า เมื่อครู่นี้นางเผลอแสดงความรอบรู้ออกมา จะปล่อยให้ผู้อื่นรู้อีกไม่ได้ว่า นางนั้นรู้เรื่องการต่อสู้
"ออกมา" เมื่อหยุนชางหยุดเดินแล้ว นางกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดแล้ว จึงเอ่ยเรียกคนคนหนึ่งออกมา
เฉี่ยนอินสะดุ้ง นางเห็นเงาดำร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหยุนชาง "องค์หญิง"
หยุนชางพยักหน้า "ท่านอ๋องของท่านเป็นเช่นไรบ้าง? รู้หรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน? ได้รับอันตรายมากหรือไม่?"
จิ้งอิ่งเงียบไป สักพักหนึ่งจึงส่ายหน้า แล้วรายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดี "นับตั้งแต่วันที่หม่อมฉันถูกส่งมาดูแลองค์หญิง ก็ไม่ทราบความเคลื่อนไหวของท่านอ๋องอีกเลย เมื่อครู่นี้หม่อมฉันคอยเฝ้าดูพระองค์มาโดยตลอด มิได้ตามเสด็จท่านอ๋องเลยเพคะ"
"แล้วสายลับที่คอยติดตามจิ้งอ๋องได้ส่งข่าวให้ท่านบ้างหรือไม่?" หยุนชางขมวดคิ้ว
จิ้งอิ่งส่ายหน้า "เมื่อครู่หม่อมฉันได้พยายามติดต่อพวกเขาแล้ว แต่สายลับที่คอยติดตามท่านอ๋องมิได้อยู่ในวังเพคะ ท่านอ๋องคงจะ ออกนอกเขตวังไปแล้วกระมังเพคะ……"