ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 196 เวินหยูอวี้ทำให้ผู้คนโกธรเคือง
จิ้งอ๋องพลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อยพร้อมจ้องไปยังหยุนชาง เมื่อเห็นนางจ้องไปยังดอกไม้ในมือของตัวเองแล้ว ดวงหน้าพลันปรากฏอารมณ์ความรู้สึกว่า "เป็นอย่างนี้เองหรือ" จิ้งอ๋องจึงรับรู้ได้ว่าหยุนชางจะต้องรู้เหตุผลอะไรบางอย่างแล้ว ใบหน้าพลันไม่มีร่องลอยของความตกใจปรากฏอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้น พลางจ้องมองยังสีหน้าความพอใจของเสนาบดีหลี่ที่ไม่สามารถเก็บลงได้ทัน
จิ้งอ๋องพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นำดอกไม้ที่อยู่ในมือโยนทิ้งไปยังเบื้องล่าง สีหน้าเย็นชาจนน่าตกใจ "เสด็จพี่ เหมือนว่ากระหม่อมจะไม่ค่อยเหมาะกับการสัมผัสดอกไม้ดอกหญ้า ดอกไม้ดอกนี้บอบบางเกินไปแบบนี้จะรับรางวัลได้อย่างไรกัน? ดอกไม้ที่เหมาะสมกับแคว้นหนิงจะต้องมีความอดทน"เมื่อพูดจบแล้ว จึงนำดอกไม้ในมือของหยุนชางออกมา ดอกไม้พลันเหี่ยวเฉาลงอย่างน่าตกใจ จิ้งอ๋องพลางยิ้มที่มุมปาก พร้อมหมุนกายกลับไปหาเวินหยูอวี้ "มิรู้ว่า เวินเสี่ยวเจี่ยจะสามารถบอกเปิ่นหวางได้หรือไม่ ว่าทำไมดอกไม้ถึงเหี่ยวเฉาลงในมือของเปิ่นหวาง ทว่าเมื่ออยู่ในมือของชางเอ๋อร์กลับไม่เป็นเช่นนั้น"
เสนาบดีขมวดคิ้วเข้ม เขามิคิดว่าจิ้งอ๋องจะนำดอกไม้ในมือของหยุนชางออกมาอีกด้วย เสนาบดีหลี่มองไปยังเวินหยูอวี้ที่ถูกจิ้งอ๋องจ้องมองจนเผือดสี พลันยิ้มตอบแทนว่า "เกรงว่าจะเป็นเพราะดอกไม้ดอกนี้นั้นชอบหญิงสาวมากกว่าท่านอ๋องพะยะค่ะ "เมื่อพูดจบจึงเดินไปยังด้านหน้าของจิ้งอ๋องพร้อมทั้งหยิบดอกไม้ขึ้นมา และพูดขึ้นมาว่า "ชั่งหน้าเสียดาย ดอกไม้ที่วิเศษเช่นนี้ไม่ได้พบเห็นกันบ่อย ๆ "
เมื่อเสนาบดีหลี่กล่าวเช่นนี้ สายตาจ้องมองกลับไปยังจิ้งอ๋องและหยุนชางแล้ว กลับรู้สึกว่ามีกลิ่นอะไรบางอย่างบนตัวของทั้งสองคน
"เมื่อครู่ ดอกไม้ของเวินเสี่ยวเจี่ยทำให้พวกเราตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีดอกไม้อยู่แล้ว แต่นั้นมิได้ส่งผลกระทบต่อการลงคะแนนแต่อย่างใด อีกสักครู่ จะให้ทุกท่านมายังที่วงแหวนแห่งนี้ ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนที่มาร่วมงานสามารถไปรับใบไม้ เพื่อมาลงคะแนนให้แก่ดอกไม้ที่ทุกท่านชอบ เพื่อความยุติธรรม ในขณะที่ผลการคัดเลือกยังไม่ออกมา ขอให้ทุกท่านที่อยู่ที่นี้ โปรดย้ายไปยังพระราชวังฝั่งตะวันออกเพื่อพักผ่อนสักครู่นึงเถิด."เสนาบดีประกาศอย่างไม่รีบร้อน
ทุกคนเดินตามข้ารับใช้ไปยังพระราชวัง หยุนชางพลันขยับเข้าไปหาจิ้งอ๋องพร้อมเอ่ยยิ้มเล็กน้อย "นี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ดอกไม้ดอกนั้นเมื่อเจอกับอาภรณ์ที่เราทั้งคู่สวมใส่อยู่แล้ว จะทำให้เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ อีกทั้งจุดประสงค์ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ทว่าเมื่ออยู่บนตัวหม่อมฉันจะไม่เกิดเหตุการณ์อันใด หากเสนาบดีรู้ว่าในอาภรณ์ของเราทั้งคู่นั้นเนื้อผ้าไม่เหมือนเดิมจะมีท่าทียังไงกันนะ "
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ชายเท่านั้น นี้มันปฏิกิริยาอันใดกันแน่ ?
ในพระราชวังมีการจัดเตรียมการแสดงขับร้องเอาไว้อยู่แล้ว ทว่าในที่นี้มีผู้ชายเยอะเกินไป ผู้นำเสนอดอกไม้มีแต่ผู้หญิงทำให้ไม่สะดวกต่อการจัดงานมากนัก หยุนชางจึงให้ผู้นำเสนอดอกไม้ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สวนดอกไม้
นางกำนัลสาวใช้ทั้งหลายต่างทำการรินชาให้เหล่าสาวงามทั้งหมด หยุนชางยกชาขึ้นมาดื่มนั้น เมื่อวางแก้วชาลง พลางสายตาจ้องไปยังหญิงสาวทั้งหมด
หญิงสาวหลายคนถูกคัดเลือกมาจากเมืองต่างในแคว้น ทุกคนล้วนมีความสามารถเป็นเลิศ ทว่านี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบุคลที่มีตำแหน่งสูงส่งแบบนี้ สีหน้าแต่ละคนดูมีความอึดอัดใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เย็นชาอย่างเวินหยูอวี้ ดูมีความร้อนรนภายในใจตลอดเวลา สายตาพลันจ้องไปยังประตูนของสวนดอกไม้อย่างมิได้ตั้งใจ
หยุนชางเพียงกวาดสายตาไปยังรอบ ๆ พลันครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นาน ถึงได้นึกขึ้นมาได้ เสด็จพ่อบอกว่า วันนี้จะปล่อยให้หัวจิ้งมาร่วมงาน ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหัวจิ้งเลย
หยุนชางเรียกเฉียนยินให้เข้ามาพบ พลันกระซิบคำสั่งที่ข้างหูนาง เฉียนยินพยักหน้ารับคำสั่ง พร้อมทั้งค้อมกายย่อตัวจากไป เมื่อเวินหยูอวี้สังเกตเห็นเฉียนยินออกไปแล้วจึงหันกลับมาจ้องมองหยุนชาง ใบหน้าของหยุนฉางเรียบเฉย เมื่อเตรียมตัวจะลุกขึ้นยืนนั้น พลันได้ยินเสียงหยุนชางพูดขึ้นมาว่า "เป็นเพราะเปิ่นกงจู่อยู่ที่นี่งั้นหรือ พวกเจ้าถึงดูไม่สบายใจ ? ที่นี่ไม่มีอันตรายอันใดหรอก ถือสะว่าเป็นการพักผ่อนเล็กน้อยเสีย ยังไงพวกเรามาพูดคุยกันสักหน่อยดีหรือไม่ เปิ่นกงจู่กำลังให้สาวใช้ไปเอาสิ่งของบางอย่างมาให้พวกเจ้าเล่น พวกเรามานั่งเล่นด้วยกันเถิด"
หญิงสาวหลายคนเป็นครั้งแรกที่เจอบุคคลผู้สูงส่งอย่างองค์หญิงเช่นนี้ จึงมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง พลางได้ยินมาว่าหญิงสาวที่อยู่ในตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่จะนิสัยเสีย หยิ่งจองหอง ทว่าจากที่ทุกคนมองรอยยิ้มของหยุนชางนั้น พลางคิดในใจว่า ไม่เห็นเป็นเช่นนั้นเลย อีกทั้งยังนิสัยดีกว่าหญิงสาวในตระกูลใหญ่ ๆ บางคนเสียด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นมีคนเปิดหัวข้อเรื่องมาว่า "เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวชาวบ้านอย่างพวกหม่อมฉันได้พบเจอองค์หญิงฮุ่ยกั๋วเพค่ะ แต่ก่อนได้ยินเพียงตำนานพื้นบ้านขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วเท่านั้น ได้ยินมาว่ายามองค์หญิงฮุ่ยกั๋วเพียงเจ็ดแปดหนาว ท่านยังมีใจเป็นห่วงราษฎร ในปีนั้นแห้งแล้งเป็นอย่างมาก องค์หญิงกลับเดินทางไปยังวิหารหนิงเซียนเพื่อสวดมนตร์อธิษฐาน อีกทั้งยังนำคำทำนายของเจ้าอาวาสอู๋น่ามาให้ จึงทำให้ฝนตกลงมา องค์หญิงเป็นเจ้าแห่งชีวิตของทุกคนเพคะ"
หยุนชางนิ่งเงียบไปสักพักพลันปิดปากและหัวเราะออกมา "เปิ่นกงจู่มิคิดว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ว่าเปิ่งกงจู่เป็นเพียงคนธรรมดาเพียงคนหนึ่งเท่านั้นมิได้มีอะไรเป็นพิเศษ ทว่าเมื่อเห็นการแสดงของพวกเจ้าทุกคนแล้ว ล้วนแต่เป็นคนที่มีพรสวรรค์กันทั้งนั้น"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว บรรดาสตรีทั้งหลายต่างดีใจกันเป็นอย่างมาก ในความคิดของพวกนางเสมือนว่าได้ได้โบยบินอย่างกับหงส์ องค์หญิงผู้สูงส่ง อีกทั้งยังเป็นลูกรักของจักรพรรดิ หากได้พูดคุยกับนางสักครั้ง ในชีวิตนี้คงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกแล้ว
ทว่า มีคนถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นว่า "วันนี้องค์หญิงชื่นชอบการแสดงของใครมากที่สุดหรอเพคะ?"
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มพลางมองไปยังเวินหยูอวี้ แววตาล้วนมีแต่ความชื่นชม "เมื่อครู่การแสดงดอกไม้ของเวินเสียวเจี่ย ทำให้ผู้คนได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อีกทั้งเสด็จพ่อยังเอ่ยชมเจ้า คนช่างสวยกว่าดอกไม้เสียอีก"
สายตาที่ทุกคนมองไปยังเวินหยูอวี้นั้นเต็มไปด้วยรังสีทิ่มแทง ดองตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เป็นเธอจริงๆด้วย ที่จริงแล้วดอกไม้นั้นมันธรรมดามาก ทว่ามันกลับเจริญเติบโตในฝ่ามือเธอได้ แม้แต่จักรพรรดิยังให้ความชื่นชมและยกย่องเธอ
เวินหยูอวี้รู้สึกถึงได้ถึงสายตาที่อิจฉาริษยา ทว่าเวินหยูหวี้เป็นบุคคลที่หยิ่งยโส เมื่อรวมถึงคำชื่นชมของหยุนชางแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ อีกทั้งก่อนหน้านี้ช่วยกันคิดการนำเสนอด้วยความยากลำบาก ไม่คิดว่าคนที่ตายนั้นจะเป็นพี่สาวของเธอ ทำให้จิตใจด้านชาพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ว่า "เป็นเพียงแค่กลลวงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไงการแสดงของตัวแทนคนในเมืองหลวงก็ย่อมดีกว่าผู้คนในเมืองอื่นอยู่แล้ว"
เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดประโยคนั้น ถึงกลับกลั้นขำแทบมิไหว เวินหยูอวี้ผู้นี้ช่างหน้าสนใจเสียจริง เมื่อเห็นความพยายามครั้งก่อนจากจิ่งเหวินซีแล้วนั้นก็พอจะมองออก
ทว่าหยุนชางมิได้แสดงอารมณ์ในใจออกมา เธอเพียงยิ้มแล้วกล่าวกลับว่า "คำพูดของเวินเสียวเจี่ยนั้น เปิ่นกงมิอาจเห็นด้วยได้. หญิงสาวที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นประชาชนของแคว้นหนิง อีกทั้งยังเป็นตัวแทนเมืองในแคว้นหนิงทั้งหมด. อะไรคือสูงส่งอะไรคือต่ำต้อยงั้นหรือ? "
เวินหยูอวี้เงียบไปสักพัก อีกทั้งยังถอนลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา "แม้จะอยู่ในราชวังเดียวกัน ทว่าก็ยังมีแบ่งแยกต่ำสูงอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแคว้นที่ใหญ่โตอย่างแคว้งหนิง สายใช้จะเทียบเท่าเจ้านายได้อย่างไรกัน"
สตรีอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนมีความรู้สึกประทับใจต่อหยุนชาง แต่บางคนก็มีความรู้สึกที่หงุดหงิดกับเวินหยูอวี้ด้วยเหมือนกัน "พี่สาวเวินข้าที่มองท่านเพียงแวบแรกรู้สึกถึงความสวยและอ่อนโยน แต่ทว่ามิรู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ความมโนธรรมในใจท่านจะสูงด้วย ? พี่สาวเวินท่านมียศที่สูงส่งเพียงใดเชียวหรือ? "
เวินหยูอวี้รู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก จึงพูดออกมา "น้องสาวท่านนี้มิรู้จักกฎของแคว้นหนิงเลยหรือ ถ้าคุณมิใช่นางสนม หรือญาติกับราชวงศ์ หรือผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน สามีของคุณไม่เคยทำงานได้อย่างดีแล้วคุณจะมีชะตากรรมและเกียรติยศได้อย่างไร?"
เหมือนหญิงสาวนั้นจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว "อ๋อ… ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่พี่สาวเวินคงมีเป้าหมายอยู่ใจแล้ว อีกทั้งยศถาบรรดาศักดิ์คงสูงมากทีเดียว ที่แท้พวกเราล้วนไม่เหมือนกัน มิได้เป็นเพียงแค่สามัญชนธรรมดาเพียงเท่านั้น
สายตาของหยุนชางจ้องมองไปยังคำพูดของสตรีผู้นั้น นางเป็นคนที่มีมารยาทสง่างาม ทว่าสายตาที่มองมายังเวินหยูอวี้กลับมีแค่ความเย้ยหยันเท่านั้น เหยุนชรางอดไม่ได้ที่จะแบะปาก สตรีผู้นี้สามารถทำให้เวินหยูอวี้ตกเป็นเหยื่อได้ สตรีนางนี้ช่างหน้าสนใจเสียจริง
เวินหยนูอวี้นิ่งเงียบ ใบหน้าแดงกร่ำ มีแต่ความโกธรแค้นอยู่ในแววตาของนาง