ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 191 ฮวากั๋วกงแคว้นเซี่ย
อย่างไรก็ตาม วังชีอู๋ค่อย ๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างแล้ว สนมนางในวังหลังทั้งหลาย ผู้ที่ฮองเฮาโปรดปรานที่สุดคือหย่าผิน ทุกวันหย่าผินจะต้องมาที่วังชีอู๋เสมอ เสมือนกับเป็นน้องสาวของฮองเฮา ฝูเหม่ยเหรินที่มิได้มาวังชีอู๋นานแล้ว ทำให้หลายคนต่างคาดเดาไปต่างๆนานา
ช่วงเดือนสี่ในปีนี้มวลบุปผาชูช่อบานสะพรั่ง เทศกาลชมบุปผชาติในช่วงฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว.
งานชมบุปผชาติถึงแม้จะเพียงแค่เทศกาลที่จัดขึ้น หากแต่เป็นการแข่งขันการความความงามของดอกไม้ แต่ละเมืองจะเลือกดอกไม้ที่สวยที่สุดมีค่ามากที่สุด และส่งตัวแทนสาวงามมานำเสนอ หลังจากการคัดเลือกรอบแรกและตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ในวันงานชมบุปผชาตินั้นพระราชาจะเป็นผู้เลือก จากการคัดเลือกรอบแรกจนถึงวันงานชมบุปผชาตินั้นกินเวลาไปประมาณแรมเดือนเลยทีเดียว
เนื่องจากงานแข่งขันนี้ ทุกๆวันในพระราชวังล้วนแต่มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นมากมาย
"ดูเหมือนว่าปีนี้เมืองหลวงจะเลือกเวินหยูยวี้มานำเสนอดอกไม้ แต่ก็มิรู้ว่าเวินหยุนชิทุ่มเทไปมากเท่าไหร่ ที่สามารถปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นต่อพระชายาซื่อจื่อได้ ไม่รู้ว่าเสียหายไปเท่าไหร่ ที่สามารถทำให้เวินหยูยวี้มีบทบาทที่สำคัญเช่นนี้"จิ้งอ๋องมองดูความวุ่นวายของฝูงชนที่นอกรถม้า ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
หยุนชางพยักหน้า "เป็นอย่างที่หม่อมฉันคิด นางต้องการที่จะเข้าวัง"
จิ้งอ๋องจ้องมองไปยังใบหน้าที่เฉยเมยของหยุนชาง "ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้นางเข้าไปในวัง เจ้าสามารถเปิดเผยเรื่องราวในวันนั้นได้ แต่เกรงว่าตระกูลเหวินจะล้มสลายลงภายในวันนั้น แต่เจ้าก็ไม่ได้ทำ"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย"ทำไมหม่อมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วย หญิงที่ร้ายกาจอย่างเวินหยูยวี้ เข้าไปในวังหลัง มีแต่จะสร้างสีสันให้วังหลังเสียด้วย"
จิ้งอ๋องอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ชางเอ๋อร์. เปิ่นหวางขอเตือนเจ้าสักเรื่อง จักรพรรดิคือพ่อของเจ้า และแม่ของเจ้าก็ยังเป็นสนมในวังหลัง ทำไมเจ้าถึงชอบหาเรื่องอุ่นเตียงให้เสด็จพ่อของเจ้านักเล่า "
หยุนชางเงียบลง อันที่จริงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เสด็จแม่พูดจะเป็นจริงอย่างที่นางกล่าวออกมาหรือไม่ ว่านางไม่รู้สึกอะไรกับเสด็จพ่อแล้ว จากสิ่งที่หยุนชางสังเกตมาครึ่งปีนี้. เสด็จพ่อมิได้เป็นบุคคลที่คู่ควรกับเสด็จแม่ "
หยุนชางนึกพลางถอนหายใจ "บนโลกใบนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างอยากจะมีเพียงคู่ชีวิตไปจนแก่เฒ่ารวมทั้งเสด็จแม่ แต่ทว่าเสด็จพ่อให้นางไม่ได้เท่านั้น หม่อมฉันมิรู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่หม่อมฉันมั่นใจ สิบปีก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อมิได้เป็นที่รักต่อเสด็จแม่อีกต่อไป ที่หม่อมฉันต้องทำแบบนี้ ก็เพราะหม่อมฉันต้องการให้คนที่อยู่เคียงข้างมีชีวิตที่สงบสุข อะไรจะเกิดหลังจากนี้หม่อมฉันก็จะไม่กังวลอีกต่อไป ตั้งแต่แรกหม่อมฉันก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงอย่างเสด็จแม่นั้นไม่เหมาะที่จะมาอยู่ในวังหลัง "
เมื่อจิ้งอ๋องได้ยินอย่างนั้นหัวใจเต้นแรง พลางเหลือบมองไปยังด้านข้างของหยุนชางนั้น อยากจะถามนางว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่นางกล่าวถึงนั้นมีนางอยู่ในนั้นหรือไม่ หากนางคาดหวังให้เป็นอย่างนั้นแล้ว หากเขาทำให้ไม่ได้เล่า นางก็จะจากเขาไปโดยไม่ลังเลเลยใช่หรือไม่ ?
นั้นเป็นคำพูดที่ติดอยู่ที่ปาก ทว่าเขากลับกลืนคำพูดนั้นลงไป. เขาไม่กล้ารับปากกับนาง เหมือนอย่างที่นางเอ่ยว่า ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
"ถึงแล้ว" จิ้งอ๋องเพียงเอ่ยขึ้นเบา ๆ พลางเปิดม่านของรถม้าและเดินลงไป. พร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้าของหยุนชาง หยุนชางชางจับมือจิ้งอ๋อง พลางก้าวเท้าเดินลงมาจากรถม้า
" จิ้งอ๋อง หยากู๋ของท่าน กระหม่อมจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ เชิญท่านอ๋องด้านบนเลยพะยะค่ะ." ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าร้านมองมาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น เหลือบมองจิ้งอ๋องแล้ว โค้งตัวย่อกายทักทายด้วยมารายาท
จิ้งอ๋องพยักหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับประคองหยุนชางขึ้นข้างบน หย่ากู๋อยู่บนชั้นสองในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม เมื่อเปิดหน้าต่าง ก็จะเห็นอ่าวเยว่หยาที่มีชื่อเสียงในพระราชวัง ต้นหลิวใบเขียวที่ริมแม่น้ำ สายลมอ่อนที่พัดผ่านกลิ่นหอมของใบหลิว
จิ้งอ๋องเอ่ยให้หยุนชางสั่งอาหารเพิ่ม หวังซุ่นถือถ้วยชาของจิ้งอ๋องเพื่อจะเดินลงไปต้มชา ทว่าเมื่อเขานำชาขึ้นไปด้านบน. หวางซุ่นลดเสียงลงพร้อมรายงานว่า " ท่านอ๋อง เมื่อครู่หม่อมฉันเห็นอ๋องเจ็ดเซี่ยโหจิ้งแห่งแคว้นเซี่ย. เสมือนว่าเคยพบปะที่งานเลี้ยงเลยพะยะค่ะ ผู้คนรอบกายล้วนแต่เป็นคนที่หม่อมฉันรู้สึกคุ้นเคย อีกทั้งยังมีผู้ติดตาม ฮวากั๋วกง"
จิ้งอ๋องขมวดคิ้วลงเล็กน้อย "โอ้ "
หยุนชางเคยเห็นรายงานเกี่ยวกับผู้ติดตามแคว้นเซี่ยมาบ้าง คล้ายกับเป็นคนของฮวากั๋วกง ในช่วงราชสำนักแคว้นเซี่ย เขายังเป็นบุคคลสำคัญมากมาย ตระกูลฮวารับใช้ราชสำนักมารุ่นต่อรุ่นแล้ว แล้วตระกูลฮวาได้ทำคุณงามความดีให้กับแคว้นเซี่ยไว้มากมาย บุตรสาวของฮวากั๋วกงแคว้นเซี่ยชื่อ "ฮวาหลิง" เป็นฮองเฮาแคว้นเซี่ยคนก่อน เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลางเกิดสู้รบกัน เมื่อจักรพรรดิแคว้นเซี่ยออกเดินทาง โดยมีฮองเฮาเป็นผู้ติดตามอยู่ด้านหลังขบวนนั้น กลับมีการรอบโจมตีเกิดขึ้น ในขณะกำลังต่อสู้อยู่นั้น ฮองเฮาผู้ที่อุ้มท้องอยู่ถูกซุ้มโจมตีโดยแคว้นเย้หลาง และพลัดตกหน้าผาไป เมื่อจักรพรรดิพบเธอนั้น กลับพบเพียงหัวที่โดนสัตย์ป่ากัดไปเท่านั้น
จักรพรรดิแคว้นเซี่ยเสียใจเป็นอย่างมาก. ผ่านไปเพียงคืนเดียวผมขาวหมดหัว หลังจากฮวากั๋วกงกำการต่อสู้จบลง ร่างกายได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่สามารถออกรบได้อีกต่อไป หลังจากแต่งตั้งฮวากั๋วกงแล้ว ตระกูลฮวารุ่นหลังก็ไม่มีอัจฉริยะอีกเลย และยังไม่มีใครมีความสามารถเท่าฮวากั๋งกงอีกด้วย ภายในร้อยปีนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เงียบหายไป
หยุนชางเพียงเลิกคิ้วมองไปยังจิ้งอ๋อง ได้แต่เห็นความสงสัยในแววตาของเขา ฮวากั๋วกงทำไมถึงมายังพระราชวังแคว้นหนิงได้ อีกทั้งยังเป็นการมาแบบเงียบๆ
เมื่อทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมจะออกไป การออกจากวังในครั้งนี้ แต่เดิมนางตั้งใจจะไปตระกูลหวังเพื่อพบหวังจินเหยียน. ก่อนหน้านั้นที่เคยพบเจอกัน จนถึงตอนนี้ยังมิได้เจอเธอเลยสักครั้ง ฟังจากจิ้งอ๋องพูดแล้ว ทุกวันนี้หวางจินเหยียนไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่ดีนัก เนื่องจากผู้เฒ่าตระกูลหวางต้องการจะให้หวางจินเหยียนแต่งออกไป ทำให้หวางจินเหยียนประสบกับสถาณการ์ณกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่เดิมนางตั้งใจจะไปบ้านตระกูลหวางโดยตรง แต่ทว่าเมื่อจิ้งอ๋องรู้เข้าเลยลากนางมาที่นี้เพื่อทานข้าว
เมื่อเปิดประตูออกมา จิ้งอ๋องหยุดชะงักไป หยุนชางที่ก้มหน้าลง ไม่สามารถมองเห็นสถาณการณ์ตรงหน้าได้ เพียงครู่เดียวเกือบจะชนกับคนอื่นแล้ว โชดดีที่จิ้งอ๋องสามารถพยุงไว้ได้ เมื่อหยุนชางเงยหน้าขึ้นมานั้น สายตาเหลือบไปเห็นคนที่คุ้นเคยยืนอยู่ที่ทางเดินด้านนอก ข้างกายมีชายชราหัวหงอกยืนอยู่ข้าง ๆ เขา แม้ว่าชายคนนั้นจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่ความสง่างามที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้น ทำให้หยุนชางตกตะลึงไปเล็กน้อย เขาคือฮวากั๋วกง
แลดูเหมือนพวกเขาจะเพิ่งทานอาหารเสร็จ
เซี่ยโหจิ้งดูแปลกใจที่ได้เห็นจิ้งอ๋องและหยุนชาง เหม่อเพียงชั่วครู่ เขาจึงยกยิ้มเล็กน้อยแล้วบอกว่า "ชีวิตเรามักจะมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นมากมาย ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอจิ้งอ๋องที่นี่"
หยุนชางเหลือบมองไปยังฮวากั๋วกงที่ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยโหจิ้งนั้น. สายตาทีจ้องมองไปยังจิ้งอ๋องนั้นเต็มไปด้วยความแปลกใจและสายตาที่อ่านไม่ออกในดวงตา
"เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ " สีหน้าที่ไร้อารมณ์ของจิ้งอ๋อง เพียงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมทั้งสำรวจหยุนชางอย่างเงียบ ๆ "ทำไมเจ้าไม่ระมัดระวัง"
หยุนชางผงะไปชั่วครู่ เมื่อสติกลับมาแล้ว จึงนึกถึงเรื่องที่นางเกือบจะชนผู้อื่นเมื่อครู่นั้น หยุนชางเงียบไป พร้อมก้มหัวลงตอบกลับด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "ชางเอ๋อร์ผิดไปแล้ว"
จิ้งอ๋องอารมณ์ดีขึ้นมาเพียงเล็กน้อย พลางยกมือขึ้นลูบหัวหยุนชางอย่างแผ่วเบา ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองอ๋องเซี่ยโหจิ้งกับฮวากั๋วกงแล้วนั้น ดูเหมือนสถาณการณ์จะผิดเพี้ยนไปหน่อย "อ๋องเจ็ด หากเปิ่นหวางเดาไม่ผิดแล้วละก็ ข้างกายของท่าน คงเป็นฮวากั๋วกงแห่งเซี่ยกระมัง "
เซี่ยโหวจิ้งยิ้มรับอย่างง่ายดาย "สายตาของจิ้งอ๋องช่างเฉียบคม"
จิ้งอ๋องเพียงยิ้มตอบเล็กน้อย ทว่าคิ้วของเขากับขมวดเข้มเพียงชั่วครู่ และกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง "เปิ่นหวางมิรู้ว่า ฮวากั๋วกงมาถึงพระราชวังเมื่อใด"
แต่แรกเมื่อฮวากั๋วกงเขาพบจิ้งอ๋องนั้น เขาก็ไม่ละสายตาไปจากจิ้งอ๋องเลย เขาเพียงหัวเราะตอบกลับว่า "กระหม่อมเพียงมาเพราะราชโองการของจักรพรรดิเพียงเท่านั้น จักรพรรดิได้ยินถึงเรื่องราวขององค์หญิงแคว้นหนิงที่มีพรสวรรดิ์และมากความสามารถ องค์รัชทายาทก็ยังมิได้เสกสมรส ฉะนั้นจักรพรรดิอยากให้อ๋องเจ็ดช่วยเป็นธุระให้พะยะคะ เพื่อดูว่ามีใครเหมาะสมบ้าง หากมีก็จะทำการสู่ขอกับจักรพรรดิ"
จิ้งอ๋องเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทหล่อเหลา น่าเกรงขาม หากได้แต่งให้องครัชทายาท ล้วนเป็นเรื่องที่ดี" หากทว่ารอยยิ้มนั้นไปมิถึงดวงตา
ฮวากั๋วกงพยักหน้าตอบรับพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "กระหม่อมมาอย่างกะทันหัน ยังมิได้เข้าพบกับจักพรรดิอย่างเป็นทางการเลย ด้วยกระหม่อมชราภาพมากแล้ว สุขภาพร่างกายล้วนไม่ค่อยดี เดินทางมาครึ่งเดือนนั้นทำให้กระหม่อมเหนื่อยเกินไป ต้องรบกวนท่านอ๋องช่วยส่งข่าวแก่จักพรรดิ กระหม่อมขอพักผ่อนเพียงสองวัน แล้วจะเข้าพบท่าน"
จิ้งอ๋องเพียงตอบรับ เซี่ยโหวจิ้งและฮวากั๋วกงจึงขอตัวกลับก่อน จิ้งอ๋องและหยุนชางรอจนสองคนนั้นเดินออกไปแล้ว ถึงลงไปยังชั้นล่างเพื่อขึ้นรถม้า
"ราชครูฮวามายังที่นี้ล้วนแต่มิใช่เรื่องเพียงเล็กน้อยเป็นแน่ เกรงว่าจะต้องเป็นเรื่องสำคัญบางอย่าง "จิ้งอ๋องเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมพึมพำเสียงต่ำ
หยุนชางพยักหน้าพลางถอนหายใจ "ในพระราชวังคงมีเรื่องที่วุ่นวายเกิดขึ้นอีกแล้ว"