ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 186 กลับวัง ได้พบเซี่ยโหจิ้งโดยบังเอิญ
ทว่าหยุนชางนั้นไม่นึกว่าระหว่างทางที่นางเสด็จกลับวังจะพบกับเซี่ยโหจิ้งโดยบังเอิญ หยุนชางนั่งอยู่บนรถม้า นางครุ่นคิดถึงเรื่องการกลับวัง หลังจากนี้แล้วคงไม่อาจออกนอกวังตามอำเภอใจได้อีก เมื่อออกจากวังมาก็ถูกลักพาตัว แม้จะปลอดภัยดีแล้ว แต่ว่านางก็รักตัวกลัวตาย พลันนางก็ฉุกถึงเรื่องขนมกุ้ยฮวารสเลิศที่เคยเสวยที่หอยวี่หมั่น คิดแล้วก็อยากเสวยอีก หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปยังจิ้งอ๋องที่นั่งอยู่ตรงข้าม จิ้งอ๋องนั้นรู้สึกไม่วางใจ จึงได้ตามมาส่งนางกลับวัง
"มีอะไรหรือ?" จิ้งอ๋องเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมองแล้วมองกลับไปที่หยุนชาง
หยุนชางเม้มปากส่ายหน้าไปมา แล้วก็มองไปยังจิ้งอ๋องอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆพูดออกมาเบาๆว่า "หม่อมฉันอยากกินขนมกุ้ยฮวาที่หอยวี่หมั่นเพคะ"
จิ้งอ๋องได้ฟังดังนั้นแล้วก็นิ่งไปสักพักก่อนจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อสิ่งที่หยุนชางได้เอ่ยไป เขามองไปที่หยุนชางแล้วอมยิ้ม จากนั้นจึงตะโกนสั่งการไปยังสารถีด้านหน้า "ไปหอยวี่หมั่น"
ที่หอยวี่หมั่นมีผู้คนต่อแถวยาวเหยียด หยุนชางและจิ้งอ๋องนั่งอยู่บนรถด้วยกัน หยุนชางเปิดม่านมองไปยังแถวที่ยาวเหยียดนั้น สารถีได้รับคำสั่งจากจิ้งอ๋องให้ไปซื้อขนมกุ้ยฮวา
"เอ๊ะนั่น……" หยุนชางพูดขึ้นเบาๆ เหมือนว่านางจะเห็นอะไรบางอย่าง จิ้งอ๋องหันมา มองไปที่หยุนชาง
หยุนชางหันไปหาจิ้งอ๋อง แล้วกระซิบ "หม่อมฉันเหมือนจะเห็น เซี่ยโหจิ้งเลยเพคะ"
รูปลักษณ์เซี่ยโหจิ้งมิได้โดดเด่นมากนัก หยุนชางไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาเลย รูปลักษณ์ของชางเจียชิงซูยังดูดีกว่ามาก ส่วนจิ้งอ๋องน่ะหรือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จิ้งอ๋องนั้นเป็นที่หมายปองของบรรดาหญิงสาวในแคว้นหนิง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าการที่เขาเป็นผู้บัญชาการทหารที่องอาจและฐานันดรศักดิ์อันสูงส่งของเขาเท่านั้น ผู้บัญชาการทหารนั้นแม้จะมีอยู่มากมาย ดำรงยศตำแหน่งสูงๆก็มีอยู่ไม่น้อย ทว่าจะหาผู้ที่หล่อเหลาพราวเสน่ห์ดังเช่นจิ้งอ๋องนี้เห็นทีจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว จิ้งอ๋องยื่นศีรษะมองออกไปนอกม่านรถม้า ขนาดของหน้าต่างรถม้าไม่ได้ใหญ่มากนัก ลมหายใจของจิ้งอ๋องชิดใกล้กับหยุนชาง หยุนชางสั่นสะท้าน หน้าแดงเรื่อ นางหลบสายตาเขาแล้วค่อยๆกลับเข้ามานั่งที่ของตัวเอง
จิ้งอ๋องไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของหยุนชาง เขากลับเข้ามานั่งตามเดิม ขมวดคิ้วครุ่นคิด "เมื่อเช้าเขาไม่ได้บอกว่าตัวเองป่วยหรอกหรือ แค่ลุกจากเตียงก็ยังลุกไม่ไหว? เพราะเหตุใดผ่านไปไม่นานกลับมาเจอเขา ณ ที่แห่งนี้ หรือว่าเขานัดพบผู้ใดอยู่?"
หยุนชางไม่ทันได้ตั้งใจฟังสิ่งที่จิ้งอ๋องกล่าว ผ่านไปสักพักจึงเริ่มรู้สึกตัวและเอ่ยขึ้นเบาๆ "เพคะ เอาอย่างนี้ไหมเพคะ ให้หม่อมฉันออกไปดู ที่หอยวี่หมั่นนี้มีคนของหม่อมฉันอยู่ หม่อมฉันจะลองเข้าไปถาม ว่าเขาเข้าไปในห้องไหนมา ภายในห้องนั้นยังมีผู้อื่นอีกหรือไม่"
จิ้งอ๋องเงียบไปสักพักแล้วจึงพูดว่า "เขาเคยพบเจ้าแล้ว ทางที่ดีเจ้าอย่าไปด้วยตัวเองเลย ประเดี๋ยวให้คนไปตามคนของเจ้ามาจะดีกว่า"
หยุนชางได้ฟังก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลว หากว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นตอนนี้คงจะไม่เป็นผลดีแน่ๆ
จากนั้นไม่นาน สารถีก็ได้ถือกล่องขนมขึ้นมาบนรถม้าแล้วนำกล่องขนมนั้นถวายแด่จิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องรับมาพร้อมกับสั่งให้สารถีเข้าไปตามหาคน หยุนชางบอกชื่อคนที่ต้องการให้ตามหาแก่สารถีโดยละเอียด แล้วนั่งรอคนผู้นั้นขึ้นมาพบ
เพียงชั่วครู่ มีหญิงแต่งตัวดีนางหนึ่งได้เปิดประตูรถม้าออก และขึ้นมาบนรถม้า
นางไม่นึกว่าจิ้งอ๋องจะอยู่ในรถด้วย แม่นางผู้นั้นอึ้งไปสักพัก แล้วจึงทำความเคารพ "หม่อมฉันเฉี่ยนหัวถวายบังคมท่านอ๋อง"
"อืม" เสียงของจิ้งอ๋องเอ่ยขึ้น แต่มิได้เรียกนางให้ลุกขึ้น
เฉี่ยนหัวเองก็มิได้รู้สึกอะไร นางเงยหน้ามองไปที่หยุนชางด้วยท่าทางเคารพนบนอบ "องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันเห็นชายผู้นั้นเข้าไปในห้องเทียนจื้อหมายเลข 1 ภายในนั้นมีหญิงสาวนางหนึ่งได้มารออยู่ก่อนหน้าแล้ว แม่นางผู้นั้นรูปโฉมงดงาม แต่หม่อมฉันกลับรู้สึกแปลกๆกับนางเพคะ"
"หืม?" หยุนชางเริ่มสงสัย "รู้สึกแปลกอย่างไร"
เฉี่ยนหัวได้แต่เพียงส่ายหน้าไปมา "หม่อมฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาอย่างไรดีเพคะ เพียงแต่รู้สึกว่า ตั้งแต่หัวจรดเท้าของนางมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ ทุกการเคลื่อนไหวหรือทุกคำพูดของนางนั้นดูมีพิรุธเพคะ"
หยุนชางขมวดคิ้ว นางไม่อาจวินิจฉัยเหตุการณ์จากข้อมูลที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างเช่นนี้ได้ "เช่นนั้นพวกเราก็รอดูกันไปก่อน ข้าจะลองดูว่าแม่นางผู้นั้นมีสิ่งใดที่ดูน่าสงสัยบ้าง"
หยุนชางหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นมา นางเสวยไปด้วยรอดูเซี่ยโหจิ้งไปด้วย จิ้งอ๋องรินน้ำชา 1 ถ้วยส่งให้หยุนชางแล้วรินน้ำชาอีกถ้วยหนึ่ง เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมา หลับตาลง ผ่อนคลายชั่วครู่
หยุนชางมองไปที่จิ้งอ๋อง แล้วก้มหน้ามองถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือ มุมปากทั้งสองฝั่งค่อยๆยิ้มออกมาทีละน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เฉี่ยนหัวที่คอยติดตามดูความเคลื่อนไหวสถานการณ์ด้านนอกก็หันมารายงาน "องค์หญิง ท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยเสด็จออกมาแล้วเพคะ"
"หา?" หยุนชางเลิกคิ้วแล้วมองไปยังด้านนอกก็เห็นเซี่ยโหจิ้งกำลังเดินออกมา สีหน้าของนางเริ่มเป็นปกติ แม้ว่าจะยังหน้าซีดอยู่เล็กน้อย แต่นัยน์ตากลับแสดงออกถึงความสบายใจ นางดูท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
หยุนชางมองดูสักครู่ ก็ไม่พบแม่นางที่เฉี่ยนหัวพูดถึง ในขณะที่หยุนชางกำลังแปลกใจอยู่นั้น เฉี่ยนหัวก็กล่าวต่อ "สงสัยจะกลัวมีใครมาเห็นเข้าก็เลยแยกทางกันไปแล้วเพคะ"
หยุนชางพยักหน้า พลันหันไปเจอเซี่ยโหจิ้งกำลังจ้องมองมาที่รถม้าที่ตนนั่งอยู่ หยุนชางรีบเอาม่านหน้าต่างลง สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร "เขาเห็นพวกเราแล้ว?"
จิ้งอ๋องลืมตา นัยน์ตากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง "คงจะมองเพียงแค่รถม้าของเราเท่านั้น รถม้าของข้าคันนี้มีตราสัญลักษณ์ของจวนจิ้งอ๋องประทับอยู่"
หยุนชางจากที่กำลังระแวง ก็เริ่มคลายความวิตกลง
ทันใดนั้น มีเสียงที่สุภาพเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น "นี่คือรถม้าของท่านจิ้งอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านจิ้งอ๋องประทับอยู่ด้านในหรือไม่?"
หยุนชางขมวดคิ้ว จิ้งอ๋องมองไปที่หยุนชาง จากนั้นมองมาที่เฉี่ยนหัว เขากดไปที่ของบางอย่างตรงผนังรถม้า หยุนชางจึงได้เห็นว่าใต้ที่วางเท้านั้นมีช่องว่างลับซ่อนอยู่ มันมีขนาดใหญ่พอที่จะให้คนลงไปนอนได้
จิ้งอ๋องจ้องไปที่เฉี่ยนหัว เฉี่ยนหัวเห็นดังนั้นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าจิ้งอ๋องคิดจะทำสิ่งใด นางรีบพลิกตัวลงไปนอน จิ้งอ๋องกดที่ผนังรถอีกครั้ง ช่องว่างลับก็ปิดสนิทตามเดิม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จิ้งอ๋องจึงค่อยๆแง้มประตูรถม้าออก มองออกไปด้านนอก "ที่แท้ก็เป็นท่านอ๋องเจ็ดเองหรือ……"
เซี่ยโหจิ้งไม่คิดว่าหยุนชางจะอยู่ด้านในด้วย เมื่อพบหยุนชางอยู่ในนั้น แววตาของเขาถึงกับแน่นิ่งไปชั่วครู่ แต่ก็รีบเก็บอาการเอาไว้ ทว่าหยุนชางนั้นได้เห็นอาการของเขาเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน
"นี่องค์หญิงฮุ่ยกั๋วก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ" เซี่ยโหจิ้งยิ้มให้เล็กน้อย
หยุนชางอดยอมรับไม่ได้ว่า น้ำเสียงของเซี่ยโหจิ้งนั้นช่างฉะฉานชัดเจน และด้วยความที่เซี่ยโหจิ้งพูดจาอย่างละมุนมาตลอด ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป ฟังดูแล้วรู้สึกสบายเหมือนได้สัมผัสกับสายลมที่พัดผ่าน
"เพราะหม่อมฉันอยากกินขนมกุ้ยฮวาที่หอยวี่หมั่น จึงได้ขอให้เสด็จอาพาหม่อมฉันมาซื้อ ไม่คิดว่าจะพบท่านอ๋องเจ็ดที่นี่ ขนมกุ้ยฮวาที่หอยวี่หมั่นนี้อร่อยมาก ท่านอ๋องเจ็ดจะลองเสวยดูสักหน่อยไหมเพคะ?" หยุนชางมองไปที่เซี่ยโหจิ้ง นางปรับแววตาให้ดูไร้เดียงสา
เซี่ยโหจิ้งนิ่งไปชั่วครู่ มองไปยังขนมสีเหลืองทองในมือของหยุนชาง เขาค่อยๆยิ้มออกมา "เมื่อครู่ข้าได้ลองชิมมาจากในร้านแล้ว รสชาติดีอย่างที่เจ้าพูด หอมหวานแต่ไม่เลี่ยนจนเกินไป"
หยุนชางได้ฟังก็ยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ นางมองไปที่จิ้งอ๋อง "หม่อมฉันบอกแล้วว่าขนมกุ้ยฮวานี่อร่อยมาก ใครๆก็ชอบกิน ท่านก็ไม่เชื่อ ท่านกลับไม่ชอบเสวย"
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เขาเอามือลูบไปที่ผมของหยุนชาง "มันออกจะหวานเกินไปหน่อย ข้าไม่ชอบกิน หากชางเอ๋อร์ชอบกินล่ะก็ ข้าจะบอกให้อาจี๋ไปซื้อมาให้อีกเยอะๆ เอาไว้ไปกินที่วังก็ได้"
อาจี๋ คือชื่อของสารถีรถม้า
หยุนชางพยักหน้าอย่างดีใจ แววตาของนางทอประกายสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยโหจิ้งเจ็บแปลบจนทนต่อไปแทบไม่ไหว
"ในเมื่อท่านจิ้งอ๋องยังมีธุระที่ต้องทำ เช่นนั้นข้าก็จะไม่รบกวน" เซี่ยโหจิ้งเอ่ย แม้ว่าในใจจะยังไม่อยากจากไปก็ตาม เขายิ้มเล็กน้อยในขณะที่มองไปยังคนทั้งสองในรถม้า
จิ้งอ๋องหันมามองเซี่ยโหจิ้ง เขานำมือขึ้นมาคว้ามืออีกข้างที่ไม่ได้ถือขนมของหยุนชางเอาไว้ เขากุมมือนางไว้ข้างผนังรถม้า "ข้าได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์ของท่านอ๋องเจ็ดมานานแล้ว ได้ยินว่าท่านอ๋องเจ็ดมีความสามารถรอบด้าน ข้าใคร่จะประจักษ์ด้วยตัวเองมานานแล้ว แต่ว่าท่านอ๋องเจ็ดสุขภาพดูจะไม่สู้ดีนัก ข้าจึงไม่ขอรบกวนท่าน แต่ก็หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสได้พูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว"
เซี่ยโหจิ้งเลิกคิ้ว "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ท่านจิ้งอ๋อง เพียงแต่ช่วงแรกๆที่ข้ามาอยู่ในพระราชวัง ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพน้ำสภาพดิน ข้าจึงต้องพักดูแลร่างกาย สุขภาพข้าก็ค่อยๆดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานได้ยินว่าในวังจะมีงานชมบุปผชาติที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้ง ถึงตอนนั้นแล้วข้าเองก็จะไปร่วมในงานด้วย หากท่านอ๋องต้องการพบข้าก็เชิญได้ ข้าจะอยู่ในงานตลอด ไม่ไปไหนไกล"
จิ้งอ๋องพยักหน้า แล้วค่อยๆหลับตาลง