ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 185 เวินหยูอวี้ใจโฉด (๒)
คนรับใช้ทั้งสองหน้าซีดเสมือนวิญญาณออกจากร่าง แข้งขาอ่อนแรงแล้วฟุบลงไปคุกเข่าที่พื้น "ตายแน่ ตายแน่ๆ……"
เวินหยูอวี้ขมวดคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์ อะไรตายแน่ ตายแน่ๆ สองคนนี้กำลังแช่งตัวเองอยู่หรือไงนะ เวินหยูอวี้คิดในใจอย่างหงุดหงิด นางก้าวเท้าเดินไปทางคนทั้งสอง สองคนนั้นไม่ทันได้หลีกทางจึงถูกนางเหยียบเข้าไปเต็มๆ เวินหยูอวี้ขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม "ถอยไปสิ สกปรก" พูดจบ นางก็ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ภายในห้องมีกลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนคละคลุ้งไปทั่ว มีทั้งกลิ่นเหม็นและกลิ่นบางอย่างที่เวินอยูอวี้ไม่อาจจะบรรยายได้ เวินหยูอวี้ขมวดคิ้ว สายตาจ้องมองไปยังกองหญ้า
ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ทำให้เวินหยูอวี้ถึงกับหน้าซีดเผือด บนกองหญ้านั้นมีร่าง 3 ร่างนอนจมกองเลือด หญิงสาวนอนอยู่บนกองหญ้า ศีรษะของนางห้อยเลยกองหญ้าออกมา ใบหน้าถูกกรีดจนเต็มไปด้วยรอยเลือด ท่าทางราวกับได้รับความทรมานถึงขีดสุด สักพักเวินหยูอวี้ก็ได้สติกลับมา แต่ปากของนางยังคงพึมพำตะกุกตะกัก "เป็นไปได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้" พูดจบก็ปรี่เข้าไปที่กองหญ้าโดยไม่สนใจว่าร่างเหล่านั้นจะปราศจากอาภรณ์ปกปิด และยังมีร่องรอยความเจ็บปวดต่างๆที่ยากเกินกว่าจะพรรณนาออกมาได้ เวินหยูอวี้ยื่นมือมาลูบใบหน้าของหญิงสาวนางนั้น นางคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา "ทำไมถึง ทำไมถึงเป็น……พระชายาซื่อจื่อ……"
คนรับใช้ที่อยู่หน้าประตูคนหนึ่งพยายามลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งออกไป เขาวิ่งไปตะโกนไป "พระชายาซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อ เกิดเรื่องใหญ่กับพระชายาซื่อจื่อแล้ว……"
เวินหยูอวี้จะหยุดเขา แต่ก็ไม่ทันการ คนรับใช้คนนั้นได้วิ่งออกไปจากห้องข้างจวนเสียแล้ว
เวินหยูอวี้หมดสิ้นเรี่ยวแรง เป็นไปได้อย่างไร? ก็เห็นๆอยู่ว่าเป็นหนิงหยุนชาง เหตุใดจึงกลายมาเป็นพี่หญิงไปได้ล่ะ ตายแน่ๆ ตระกูลเวินต้องแย่แน่ๆ
เสียงป่าวร้องของคนรับใช้คนนั้นไม่ใช่เบาๆเลย หลังจากนั้นไม่นาน เวินหยุนชิงก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มีเหล่าอนุภรรยาติดตามเขามาด้วย ส่วนผู้ที่ติดตามมาท้ายสุด ก็คือท่านฮูหยินแห่งจวนเวิน
เวินหยูอวี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้นะ จะให้พวกเขารู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด นางรีบลุกไปปิดประตูและลงสลักประตูไว้อย่างแน่นหนา
"หยูอวี้ เปิดประตู!" เวินหยุนชิงตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดันอยู่ด้านนอก เวินหยูอวี้ตัวสั่น นางส่ายหน้าไปมา "ไม่ได้ ข้าจะเปิดประตูไม่ได้ จะเปิดประตูไม่ได้เด็ดขาด"
คนที่รออยู่ด้านนอกดูเหมือนจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่นานนัก เวินหยูอวี้ก็ได้ยินเสียงเวินหยุนชิงตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "เด็กๆ พังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้"
มีเสียงผลักปังๆๆที่ประตู เวินหยูอวี้นั่งกอดเข่าตัวงออยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่ง ร่างกายของนางสั่นเทาไปทั่วร่าง
"ปั้ง" ประตูถูกพังล้มลงไปบนพื้น มีเสียงตึงตังดังเข้ามา เวินหยุนชิงพาคนจำนวนหนึ่งติดตามเข้ามาด้วย เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่นอนอยู่บนกองหญ้า เขาถึงกับหน้าถอดสี
"ไม่ นี่มันหยูซิน……" หญิงชราที่เดินตามมาจากด้านหลังพูดขึ้นด้วยความตกใจ ท่านฮูหยินเหลือกตาและเป็นลมล้มฟุบไปกับพื้นทันที
คนอื่นๆที่ตามมาก็วุ่นวายกันไปหมด เวินหยูอวี้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเวินหยุนชิง นางยังคงนั่งกอดเข่าแน่น สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเวินหยุนชิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัว "นี่เจ้าทำอะไรลงไป?"
เวินหยูอวี้ขดตัวแน่นยิ่งขึ้น นางกัดฟันควบคุมตนเองไม่ให้ตัวสั่นไปมากกว่านี้ นางเงยหน้าขึ้นมา เผยให้เห็นใบหน้าที่น่าชังเสียยิ่งกว่าคนร้องไห้ "ท่านพ่อ ท่านไม่ได้บอกข้าว่าหญิงคนนี้คือหนิงหยุนชางหรอกหรือ? ท่านไม่ได้พูดว่านี่คือหนิงหยุนชางหรอกหรือ? แล้วทำไม ทำไมถึงได้กลายเป็นท่านพี่หญิงไปได้ล่ะคะ?"
เวินหยุนชิงหน้าดำคร่ำเครียด จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นแล้วกดไปที่ร่างเวินหยูอวี้ เวินหยูอวี้ที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้องไม่อาจหลบไปที่อื่นได้ จึงต้องถูกเหยียบร่างอย่างจนตรอก จนกระทั่งนางรู้สึกราวกับว่าร่างของนางนั้นกำลังจะแหลกสลายจึงเอ่ยปากพูด น้ำตาของนางไหลพรู "ก็ข้าไม่รู้ เมื่อคืนก็ยังเห็นๆอยู่ว่านางคือหนิงหยุนชาง แล้วทำไมถึงได้กลายมาเป็นท่านพี่หญิงแบบนี้ เป็นไปได้อย่างไร……"
"แม้จะเป็นองค์หญิงหยุนชางตัวจริงเจ้าก็คิดว่าเจ้าทำเช่นนี้ได้งั้นหรือ? นี่เจ้ารู้ไหม ว่านั่นน่ะเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ! ข้าเองก็หลงคิดว่าเจ้าจะทำมากสุดก็แค่เพียงดุด่าหรือทุบตีนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะอำมหิตกล้าทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานลงไปเช่นนี้! เจ้า……" เวินหยุนชิงพลันรู้สึกหน้ามืดและตัวสั่น เขาดันตัวเองไว้กับผนังเพื่อประคองตัวเอาไว้
มาถึงตอนนี้เขากลับไม่เข้าใจตัวเองเลย เดิมทีเขาคิดแต่เพียงว่า หนิงหยุนชางเป็นเพียงแค่ธิดาของพระสนม อีกอย่างหลังๆมานี้ จักรพรรดิหนิงก็หาได้ทรงโปรดปรานนางไม่ ตระกูลเวินซึ่งอยู่ฝ่ายตระกูลหลี่มาโดยตลอด แน่นอนว่าไม่ถูกกับจิ้งอ๋องอยู่แล้ว จึงคิดว่าหากสามารถลักพาตัวองค์หญิงหยุนชางมาได้ ก็คงจะเชือดเฉือนใจของจิ้งอ๋องได้ไม่น้อยเลย แต่ว่าเขากลับลืมคิดไปว่า จิ้งอ๋องนั้นเป็นที่เคารพรักของผู้คนจำนวนมาก แม้จะเป็นเพียงโอรสบุญธรรมของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่กลับสามารถไต่เต้าจนกระทั่งได้ดีอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้ถูกฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกำจัดทิ้งแต่อย่างใด อีกอย่าง แม้จะมีพระชนมายุเพียง 17-18 พรรษา แต่กลับเชี่ยวชาญด้านการบัญชาทหารเป็นอย่างยิ่ง รอบตัวก็รายล้อมไปด้วยผู้พิทักษ์ฝีมือดี แต่ตนกับกล้า กล้ามีความคิดปองร้ายว่าที่พระชายาของเขาขึ้นมาได้อย่างไรกัน
นี่คงจะเป็นการเอาคืนของจิ้งอ๋องแน่นอน ต้องใช่แน่ๆ! เวินหยุนชิงในตอนนี้แม้เพียงกลืนน้ำลายก็ยังรู้สึกลำบาก มือของจิ้งอ๋องมือนี้บีบเค้นคอหอยตระกูลเวินได้อยู่หมัดจริงๆ! เขาเป็นเพียงแค่รองเจ้ากรมมหาดไทย ว่าตามศักดิ์แล้ว ก็มิอาจอยู่เหนือพระบรมวงศานุวงศ์ได้ ดีที่มีธิดาคนโตเป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูล ทำให้ซื่อจื่อแห่งจวนซุ่นชิ่งอ๋องหลงไหลจนอยู่หมัด จนกระทั่งได้ขึ้นเป็นพระชายาซื่อจื่อ หลายปีมานี้ก็นับได้ว่านางได้รับอำนาจในการดูแลจัดการจวนซุ่นชิ่งอ๋องมาแล้วไม่น้อย อีกไม่นานเกินรอ นางก็จะได้เป็นนายหญิงแห่งจวนซุ่นชิ่งอ๋องเต็มตัวแล้ว
ซุ่นชิ่งอ๋องแม้จะเป็นเพียงอ๋องที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรมาก แต่ก็เป็นอ๋องที่ไม่เกรงกลัวจักรพรรดิหนิง อีกอย่าง ซุ่นชิ่งอ๋องกับจักรพรรดิหนิงและจิ้งอ๋องก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากว่าเวินหยูซินสามารถนำพาตระกูลเวินให้เข้าไปมีส่วนร่วมได้อีกทาง วันข้างหน้าตระกูลเวินก็คงจะรุ่งโรจน์และทรงอำนาจ แผนการบางอย่างที่เขาวางไว้ล้วนจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือของเวินหยูซิน
จริงๆแล้วเวินหยูอวี้เองก็เป็นหมากที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่ว่านางไม่ยอมให้ความร่วมมือ เขาจึงต้องหาข้อแลกเปลี่ยนโดยการลักพาตัวหนิงหยุนชางมาให้นางระบายอารมณ์ แล้วให้นางยอมทำตามแผนการที่เขาวางไว้
แต่ว่าตอนนี้ เวินหยูซินตายแล้ว และยังมาตายในห้องข้างจวนของจวนเวิน ด้วยวิธีที่น่าอนาถ
ผ่านไปชั่วครู่ เวินหยูอวี้จึงค่อยๆลุกขึ้นยืน นางยังรู้สึกหวาดกลัว "ท่านพ่อคะ เราต้องนำร่างเหล่านี้ไปเผาทิ้งเสียให้สิ้น ต้องแอบจัดการเงียบๆ ผู้ที่รู้เห็นเรื่องนี้จะต้องกำจัดทิ้งให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียวนะคะท่านพ่อ"
เวินหยุนชิงจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ "นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?"
เวินหยูอวี้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆเอ่ยขึ้นมาว่า "ท่านพ่อ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าท่านพี่หญิงสิ้นพระชนม์ที่นี่ เกี่ยวกับเรื่องส่วนได้ส่วนเสีย ท่านพ่อคงจะรู้ดีมากกว่าข้า คนพวกนี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด ท่านพ่อคะ ข้ารู้ว่าท่านคิดจะทำสิ่งใด ข้ามีวิธี ข้ามีวิธีค่ะ ท่านพ่อคะ ขอเพียงท่านจัดการคนพวกนี้ให้สิ้นซาก อีกไม่นาน ไม่นานเกินรอ ข้าจะทำให้เป้าหมายของข้าสำเร็จให้ได้ ท่านไม่ต้องกังวลนะคะ"
เวินหยุนชิงในเวลานี้เริ่มจะสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว สักครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ได้ เจ้าจงจำสิ่งที่เจ้าได้พูดออกมาวันนี้ให้ดีล่ะ หากว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับตระกูลเวินแล้วล่ะก็ เจ้าจงจำไว้ให้ขึ้นใจว่า ข้าจะไม่ปรานีใครหน้าไหนทั้งนั้นแม้แต่สายเลือดแท้ๆของข้าก็ตาม"
เวินหยูอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่น สักพักจึงค่อยๆพยักหน้า
เวินหยุนชิงค่อยๆยืนตัวตรง เขาเดินออกไปด้านนอก เวินหยูอวี้หันหลังกลับไปมองร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนกองหญ้า แววตาของนางแน่นิ่ง ดูไม่ออกว่านางรู้สึกเช่นไร หากแต่ในเวลานี้ ท่าทางของนางกลับไร้ซึ่งความตื่นตระหนกเช่นเมื่อครู่ที่ผ่านมา สักพักหนึ่ง เวินหยูอวี้ก็กัดฟันเดินออกมาจากห้องข้างจวน แต่ทว่า หากลองสังเกตดูดีๆแล้วก็จะเห็นว่าเท้าของนางยังคงสั่นอยู่ตลอดเวลา
เหตุการณ์ทั้งหมด รู้ไปถึงหูของจิ้งอ๋องและหยุนชางอย่างไม่มีตกหล่น หยุนชางยืนอึ้ง นางเม้มปากเล็กน้อย "นึกไม่ถึงจริงๆว่าในตอนนั้นเวินหยูอวี้จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงไปได้ นางทำลงไปแล้วจริงๆ ผู้หญิงคนนี้เมื่อถึงคราวจะโหดร้ายขึ้นมา จิตใจของนางก็ดูเหมือนไม่ใช่คนในทันที"
พูดจบก็หันมาทางจิ้งอ๋อง "เสด็จอาเพคะ หม่อมฉันออกมาข้างนอกวังนานมากแล้ว พรุ่งนี้จะขอกลับเข้าวัง หม่อมฉันได้ยินมาว่างานชมบุปผชาติที่จัดขึ้นปีละครั้งนั้นกำลังจะมีขึ้นแล้วเพคะ……"
งานชมบุปผชาติ ก็เป็นไปตามชื่อ ก็คืองานเลี้ยงที่จัดขึ้นสำหรับชมดอกไม้ แต่ว่า ด้วยความที่งานชมบุปผชาตินั้นขจรชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักทั่วไป นอกจากดอกไม้นานาพันธุ์อันตระการตาแล้ว ก็ยังมีหญิงงามมากมายมาร่วมงาน จักรพรรดิหนิงแม้จะมีพระธิดาถึง 2 องค์แล้วแต่ก็ยังไม่มีพระโอรส งานชมบุปผชาติที่จัดขึ้น จริงๆแล้วมีไว้คัดสรรบรรดาหญิงงามให้ได้เข้าวัง
จิ้งอ๋องพยักหน้า เขาแอบรู้สึกใจหาย "ก็ได้ ข้าได้ยินมาว่า เซี่ยโหจิ้งนั้นได้ตกปากรับคำเชิญให้มาร่วมในงานชมบุปผชาติแล้ว" เซี่ยโหจิ้ง เขาก็คืออ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยนั่นเอง…….