ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 184 เวินหยูอวี้ใจโฉด (๑)
เวินหยูอวี้เห็นใบหน้าของหยุนชางมีบาดแผลลึกเต็มไปทั่วทั้งหน้าและมีเลือดไหลออกมาไม่ขาดสาย "หึๆ" นางแสยะยิ้ม "แหม ดีจริงๆเลยนะ ดูซิว่าต่อจากนี้ไปเจ้าจะไปยั่วยวนชายใดได้อีก? แต่ว่าเจ้าคงไม่ถึงกับตายเพียงเพราะข้าทำให้เจ้าต้องเสียโฉมแค่นี้หรอกนะ?" เวินหยูอวี้ปรบมือ คนที่อยู่ด้านนอกก็นำตัวชายสองคนเข้ามาด้านใน ชายทั้งสองนั้นมีกระดูกเอวโค้งงอ เสื้อผ้ามอมแมม ดูคล้ายกับเป็นขอทานที่ถูกนำตัวมาจากข้างถนน
"แม่นางผู้นี้ ข้าขอมอบให้พวกเจ้า" จากนั้นนางมองไปที่หยุนชาง "คืนนี้ เจ้าจงปรนนิบัติเขาทั้งสองให้ดีๆล่ะ หึ" พูดจบ นางก็เดินจากไป
ชายขอทานทั้งสองมองหน้ากัน ตอนที่คุณหนูคนเมื่อครู่นำตัวพวกเขามาได้บอกกับพวกเขาว่าจะให้พวกเขาจัดการธุระบางอย่างให้ และยังมอบค่าตอบแทนให้อีกคนละ 2 ตำลึง เงิน 2 ตำลึงนี้มากพอที่จะประทังชีพของพวกเขาไปได้นานเกินกว่าครึ่งปี พวกเขาจึงยอมตามมาด้วยความยินดี
"ฮ่าๆๆๆๆ……" เวินหยูอวี้หัวเราะอย่างมีความสุข แล้วเดินออกมาจากที่แห่งนั้น
หารู้ไม่ว่า การกระทำทุกอย่างของนางนั้นได้หลุดรอดไปยังสายตาสองคู่ที่จับจ้องมาจากบนหลังคา หยุนชางตะลึงงัน มือของผู้ที่ตะลึงงันไม่แพ้กันอีกคนหนึ่งกุมมือนางไว้แน่น หยุนชางค่อยๆคลายความวิตก นางยิ้มเล็กน้อย "หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ"
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ในขณะที่เวินหยูอวี้ใช้กริชจ่อไปบนร่างตัวแทนหยุนชางที่กำลังนอนอยู่นั้น หยุนชางเองก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปหานางและบีบคอนางเสียให้ตาย หยุนชางยิ้มอย่างเยือกเย็น ทำไมมีแต่คนอยากจะทำให้คนอื่นเสียโฉมกันนักนะ? หัวจิ้งในชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ในชาตินี้เวินหยูอวี้ผู้นี้ก็ทำเรื่องเช่นนี้อีก ความอำมหิตของเวินหยูอวี้มีพอๆกันกับหัวจิ้ง เมื่อชาติก่อนหัวจิ้งใช้มีดกรีดไปบนใบหน้าของตนและยืนดูโม่จิ้งหรานนำลูกของหยุนชางโยนลงมาจากห้องใต้หลังคาจนเสียชีวิต แต่เวินหยูอวี้นอกจากจะกรีดหน้าของนางแล้ว ยังให้ขอทานมาสร้างความอัปยศเสื่อมเสียให้กับนางอีกด้วย
คนสองคนนี้ นางไม่มีวันปล่อยไปเป็นอันขาด
หยุนชางจ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ขอทานทั้งสองเปลื้องผ้าของนางออกไปจนหมด และมอบจูบลงไปเกือบจะทั่วร่างของหญิงสาว ขอทานคนที่ร่างกายกำยำหน่อยผลักขอทานอีกคนหนึ่งไปให้พ้นทาง เขายกขาของหญิงสาวขึ้น แทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะนำร่างของตนพุ่งเข้าไปหา ส่วนขอทานอีกคนเห็นดังนั้นก็พยายามเบียดตัวเองเข้าไป แต่ทว่าร่างของหญิงสาวได้ถูกยึดครองจากขอทานอีกคนหนึ่งไว้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เรียวปากของหญิงสาว
หยุนชางแสยะยิ้ม ไม่รู้ว่าวันพรุ่ง หากคนในจวนเวินได้ทราบว่าหญิงสาวนางนั้นแท้ที่จริงแล้วคือผู้ใด พวกเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ
ในขณะที่หยุนชางกำลังครุ่นคิด ก็มีมือมือหนึ่งมาปิดตาของนางไว้ หยุนชางสะดุ้ง พลันได้ยินคนทำเสียงเข้มพูดขึ้นว่า "นี่เจ้าชอบดูภารกิจลับของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกันเนี่ย หืม"
เสียง "หืม" ที่ต่อท้ายลากยาวเป็นพิเศษ จนทำให้หยุนชางฉุกคิดขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนนั้นยังคงอยู่ในสถานการณ์คับขัน
หยุนชางหยุดความคิดเรื่องการแก้แค้นไว้ชั่วขณะ จิ้งอ๋องประคองร่างของนางและพานางหนีไปจากจวนเวิน
เมื่อกลับมาถึงจวนจิ้งอ๋องแล้ว จิ้งอ๋องเห็นหยุนชางยังคงอยู่ในสภาวะเหม่อลอยก็ขมวดคิ้วถามขึ้นเบาๆว่า "เจ้าจะกลับวังหรือไม่"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นสบตาเขา อมยิ้มและส่ายหน้า "ช้าก่อนเพคะ หากหม่อมฉันกลับเข้าวังไป การแสดงที่นางกำลังดำเนินอยู่จะแสดงต่อไปได้อย่างไรกันล่ะเพคะ" พูดจบนางก็กลับไปใช้จินตนาการของนางต่อ
จิ้งอ๋องมองไปที่นางแล้วก็ถอนหายใจ เขาขมวดคิ้ว เวินหยูอวี้ หากวันหนึ่งได้มาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว เขาจะทำให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดให้สาสมแล้วค่อยจัดการในภายหลัง แม้เพียงแค่คิดว่าหากสายลับติดตามหยุนชางไปไม่สำเร็จแล้วล่ะก็ เกรงว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนางนั้นก็คงจะเป็นหยุนชาง ในใจของลั่วชิงเหยียนพลันก็ร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที
"เสด็จอาเพคะ……" ผ่านไปไม่นาน เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนหวานดังขึ้น จิ้งอ๋องพลันได้สติกลับคืนมา เขาเก็บซ่อนแววตาแห่งความเคียดแค้นเอาไว้ ค่อยๆหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยท่าทีสบายๆ "ว่าอย่างไรหรือ"
หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ สีหน้าของนางจริงจัง "ทำไมหม่อมฉันจึงรู้สึกอยู่บ่อยๆว่าหลังจากที่คณะทูตเข้ามาในพระราชวังแล้ว ก็มีเหตุการณ์มากมายที่ผิดแปลกไป ช่างเป็นเรื่องที่บังเอิญเสียจริง เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนมีการเชื่อมโยงมาที่หม่อมฉันแทบจะทุกเรื่องเลยนะเพคะ"
จิ้งอ๋องไตร่ตรองและหันกลับไปมองหยุนชาง "เจ้ากำลังสงสัย ชางเจียชิงซูงั้นหรือ?"
หยุนชางกลับส่ายหน้า "ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะรู้จักชางเจียชิงซูไม่มาก แต่หม่อมฉันก็รู้สึกได้ว่าเรื่องพวกนี้ต้องไม่ใช่ฝีมือของเขา จริงๆแล้ว คนที่หม่อมฉันสงสัยก็คือ ท่านอ๋องเจ็ดเซี่ยโหจิ้งแห่งแคว้นเซี่ยเพคะ นอกจากงานเลี้ยงในวังครั้งแรกแล้ว งานเลี้ยงในวังครั้งต่อๆมาเขามักจะอ้างว่าตนเองไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่ได้มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ทว่า หากแม้นว่าเขาร่างกายอ่อนแอจริงๆ แล้วเพราะอะไรฮ่องเต้แคว้นเซี่ย ยังจะส่งเขามาที่แคว้นหนิงอีกล่ะเพคะ?"
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หยุนชางเห็นเช่นนั้นแล้วจึงพูดต่อไปว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงหลังมานี่ เป็นเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมาที่หม่อมฉัน แม้ว่าหม่อมฉันจะรับมือมาได้โดยตลอด แต่ก็ต้องใช้กลวิธีต่างๆมากมาย อีกอย่าง เมื่อมาคิดดูดีๆแล้ว เรื่องราวทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวโยงกัน หม่อมฉันครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่อาจพบว่าจุดเชื่อมโยงที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใดกันแน่"
"เสด็จอา ท่านคิดว่าอย่างไรหรือเพคะ?" หยุนชางใช้ความคิดอย่างหนัก นางกุมขมับแล้วหันไปถามจิ้งอ๋อง
จิ้งอ๋องนิ่งเงียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน "คืนนี้ดึกมากแล้ว เจ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ เรื่องพวกนี้ข้าจะส่งคนไปจัดการเอง" กล่าวจบก็เตรียมตัวเดินออกไปจากห้อง แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าแขนเสื้อของตนนั้นถูกดึงเอาไว้เบาๆ
จิ้งอ๋องก้มหน้ามองไปที่หยุนชางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ นางมีแววตาที่มุ่งมั่น แม้ว่าหยุนชางดูเผินๆจะเป็นเพียงเด็กอายุ 13-14 ปี ใบหน้าของนางยังคงดูไร้เดียงสา แต่แววตาของนางกลับไม่เหมือนแววตาของเด็กทั่วๆไป "เสด็จอาเพคะ หากท่านได้ข่าวอะไรมา ชางเอ๋อร์อยากขอให้ท่านช่วยบอกชางเอ๋อร์ด้วยนะเพคะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชางเอ๋อร์ ชางเอ๋อร์ไม่อยากถูกปิดบัง แล้วอีกอย่าง เสด็จอา ท่านคงทราบดีแล้วว่าชางเอ๋อร์นั้นหาใช่เด็กอมมืออีกต่อไปแล้ว"
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นจึงฉุกคิดขึ้นมา หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้จะมองว่านางเป็นเด็กคงจะไม่ได้ นางไม่ใช่เด็กอมมือ อีกอย่าง ความสามารถในการจัดการเรื่องราวต่างๆของนางก็ไม่เลวเลย จิ้งอ๋องไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว หากได้ข่าวอะไรมา ข้าจะมาบอกให้เจ้ารู้ ดึกมากแล้ว เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ"
หยุนชางพยักหน้า แล้วเดินเข้าห้องอย่างเชื่อฟัง
เช้าวันถัดมา จวนเวินก็ต้องพบกับความโกลาหล คนของจวนซุ่นชิ่งอ๋องมารายงานว่า เมื่อคืนนี้พระชายาซื่อจื่อบอกว่าปวดศีรษะจึงรีบเข้าห้องพักผ่อนแต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้จะเสาะหากันจนทั่วจวนท่านอ๋องแล้วแต่ก็ไม่มีผู้ใดพบนาง เมื่อไม่กี่วันก่อนเห็นว่าพระชายาซื่อจื่อมีปากเสียงกับซื่อจื่อ ทางจวนซุ่นชิ่งอ๋องจึงคิดว่าเวินหยูซินอาจจะน้อยใจและกลับมาที่จวนของนางก็เป็นได้
พระชายาซื่อจื่อหายตัวไป นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เวินหยุนชิงแม้จะเจรจากับคนของจวนซุ่นชิ่งอ๋องไปแล้ว แต่เขาก็กังวลว่าธิดาที่เขาเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมแต่เล็กจนโตนั้นจะรู้สึกน้อยใจจริงๆและกลับมาซ่อนตัวอยู่คนเดียวที่ไหนสักแห่งในจวนเวิน เมื่อคราที่เวินหยูซินเป็นเด็ก นางชอบนำแมวไปซ่อน นางย่อมรู้ดีว่าภายในจวนเวินแห่งนี้มีที่ใดที่เหมาะกับการซ่อนตัวบ้าง
เวินหยุนชิงคิดได้ดังนั้นแล้วก็ให้คนตระเวนหาให้ทั่วจวน เว้นไว้แต่ห้องข้างจวนที่ขังคนเอาไว้ เวินหยูอวี้กลัวว่าคนของจวนซุ่นชิ่งอ๋องจะมาทำการค้นหาคนในห้องนี้ นางรีบมุ่งหน้าไปยังห้องดังกล่าว สั่งคนให้เข้าไปดูสถานการณ์ภายในห้อง ไม่ว่านางจะโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นไร แต่นางก็ยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน อย่างไรเสียก็ต้องระวังรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของตนไว้ก่อน
คนรับใช้เข้าไปดูในห้องเป็นนานสองนาน เวินหยูอวี้เริ่มขมวดคิ้ว จู่ๆก็มีเสียงร้องออกมาจากด้านในด้วยความตกใจสุดขีด
"มีอะไร เกิดอะไรขึ้น?" เวินหยูอวี้ตกอกตกใจ นางเดินไปยังประตูแล้วลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ผลักประตูเข้าไป ได้แต่ยืนพิงประตูและเอ่ยถาม
มีเสียงย่ำเท้าอย่างทุลักทุเลลอดออกมาจากด้านใน ประตูถูกผลักออกอย่างแรง เวินหยูอวี้ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น นางเซไปมาแต่ก็กลับมาทรงตัวตามเดิมได้อีกครั้ง
"มีเรื่องอะไรกันแน่! รีบพูดมาเร็วเข้า!" เวินหยูอวี้ที่เกือบจะล้มหน้าทิ่มกลัวว่าตนจะถูกคนรับใช้หัวเราะเยาะก็รีบทำหน้าขรึมและถามเสียงเข้ม
คนรับใช้ทั้งสองหน้าซีด สักพักจึงพูดขึ้นมาอย่างลนลาน "คุณหนูขอรับ เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้วขอรับ!"
"เกิดเรื่องอะไรล่ะ? หรือว่าหนิงหยุนชางนั่นตายแล้ว? หรือว่าขอทานสองคนนั่นตายแล้ว? ถ้าหากว่าเป็นขอทานสองคนนั่นตาย พวกเจ้าก็แค่ลากออกไปฝังก็เท่านั้น แต่ถ้าหากเป็นหนิงหยุนชางตายล่ะก็ ก็รีบไปรายงานท่านพ่อของข้า ในเมื่อท่านพ่อมอบคนพวกนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการ จะตายก็ตายๆไปเถอะน่า"