ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 183 รองเจ้ากรมมหาดไทยเวินหยุนชิง
จิ้งอ๋องเพิ่งกลับมาจากวัง เมื่อเดินเข้ามาในเขตจวนยังไม่ทันได้เดินเข้าห้องก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ สายลับทุกคนคอยเฝ้าอยู่พร้อมหน้าแต่ไม่มีการรายงานเหตุการณ์ใดๆ เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดว่ามีผู้ใดอยู่ในห้องของตนหรือไม่ หรือว่าจะเป็นหวังจิ้นฮวนกันล่ะ?
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้อง โถงรับแขกไม่พบผู้ใด ในขณะที่จิ้งอ๋องกำลังจะเดินเข้าไปในห้องด้านในกลับต้องหยุดชะงัก เขาพบว่าบนตั่งมีหญิงสาวกำลังนอนอยู่ ใบหน้าที่น่าเอ็นดูนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า นางนอนอยู่บนตั่ง แม้จะหลับตาอยู่แต่คิ้วของนางยังคงขมวดอยู่เล็กน้อย
นางเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาภายในห้องจึงรีบลืมตาขึ้นจ้องมองไปทางประตู เมื่อได้พบกับจิ้งอ๋องก็อึ้งอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยปาก "เสด็จอา" นางรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยขึ้นมามาก
จิ้งอ๋องส่งยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างๆหยุนชาง เขาเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยน "เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม"
หยุนชางพยักหน้า "ชางเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรเพคะ ชางเอ๋อร์นี่ทำให้เสด็จอาต้องเป็นกังวลจริงๆเลย เมื่อคืนชางเอ๋อร์ไม่ค่อยได้นอน รู้สึกง่วงแล้ว เชิญเสด็จอาพักผ่อนที่นี่เถอะเพคะ ชางเอ๋อร์จะให้คนพาไปที่โถงรับแขกเอง"
เมื่อจิ้งอ๋องเห็นหยุนชางพูดจบและกำลังจะลุกขึ้นก็รีบนำมือมาขวางร่างของหยุนชางไว้ไม่ให้ลุกไปไหน เขายิ้มและพูดขึ้นว่า "ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้านอนอยู่ที่นี่เถอะ เมื่อก่อนตอนที่อยู่ชายแดน เจ้าเองก็เคยนอนในกระโจมของข้าไม่ใช่หรือ"
หยุนชางนิ่งไปสักพักก่อนจะค่อยๆพยักหน้า นางเอนตัวลงไปอีกครั้งและหลับตา เพียงไม่นานนางก็หลับสนิท
จิ้งอ๋องเห็นว่านางหลับสนิทแล้วจึงลุกขึ้นยืน เขาเดินออกมาด้านนอกและตะโกนเรียก "จิ้งอิ่ง"
พลันมีหญิงสาวชุดดำนางหนึ่งปรากฏตัวคุกเข่าลงตรงหน้า
จิ้งอ๋องหรี่ตามองไปที่จิ้งอิ่ง สายตาของเขาแข็งกร้าว "คนที่ลักพาตัวองค์หญิงไปเป็นใคร"
"ทูลท่านอ๋อง เป็นรองเจ้ากรมมหาดไทยใต้เท้าเวินหยุนชิงเพคะ เหมือนว่าเวินหยูอวี้ธิดาของเขาเป็นผู้ขอให้เขาลักพาตัวองค์หญิง หม่อมฉันได้ยินเหมือนว่าใต้เท้าเวินหยุนชิงต้องการให้เวินหยูอวี้ทำเรื่องบางอย่างเพคะ" จิ้งอิ่งรายงานด้วยอาการแน่นิ่ง
จิ้งอ๋องจ้องมองจิ้งอิ่งด้วยสายตาเย็นชา "โอ้ เป็นรองเจ้ากรมมหาดไทยนี่เอง ฝีมือช่างหาตัวจับยากจริงๆ แต่ว่าเจ้าปล่อยให้องค์หญิงถูกลักพาตัวไป หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิง เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเจ้าและญาติพี่น้องจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต และอีกอย่าง เจ้าคอยเฝ้าติดตามองค์หญิงมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงไม่เคยส่งคนมารายงานความเคลื่อนไหวให้ข้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว?"
จิ้งอิ่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหมอบลงพูดกับจิ้งอ๋องว่า "หม่อมฉันผิดไปแล้ว ทรงลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ"
จิ้งอ๋องยิ้มอย่างเยือกเย็น "ในบรรดาสายลับของข้าก็มีเพียงเจ้าที่เป็นผู้หญิง ข้าจึงมอบหมายให้เจ้าไปปกป้องดูแลนาง แต่ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการที่จะปกป้องนางล่ะก็ จะมีเจ้าหรือไม่มีเจ้าอยู่มันก็คงไม่แตกต่างกัน เจ้าจงไปขอรับโทษจากหัวหน้าของเจ้าและออกจากการเป็นสายลับเถอะ"
จิ้งอิ่งคิดว่าจิ้งอ๋องจะเพียงแค่ตำหนินางเท่านั้น ในใจนางหาได้หวั่นกลัวไม่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจิ้งอ๋องมีความคิดถึงขั้นให้นางออกจากการเป็นสายลับ ร่างของนางสั่นเทาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ นางมองไปยังจิ้งอ๋อง "ท่านอ๋อง เพียงเพราะเรื่องขององค์หญิง ท่านถึงกับจะให้หม่อมฉันถอนตัวจากการเป็นสายลับเลยหรือเพคะ"
จิ้งอ๋องมองมาที่นางด้วยแววตาแน่นิ่ง สักพักจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นคนที่ข้าคัดเลือกเข้ามาและฝึกฝนฝีมือด้วยตัวข้าเอง ข้าตระหนักในคุณค่าของพวกเจ้าทุกคน แต่ว่า ไม่ว่าคนของข้าจะเก่งกาจสักเพียงใด แต่หากคิดไม่ซื่อต่อข้าแม้เพียงเล็กน้อย สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากว่าคนผู้นี้เปิดเผยธาตุแท้ของตนออกมาเมื่อใดก็จะสร้างความเสียหายอันใหญ่หลวง ข้าจะไม่ยอมให้คนพวกนี้อยู่เคียงข้างข้าอีกต่อไป ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้าออกไปเถอะ"
จิ้งอิ่งถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไม่นานนัก ที่หางตาก็มีน้ำตารินไหล "ท่านอ๋อง หม่อมฉันยินดีปกป้องพระชายา หม่อมฉันเพียงแค่นึกสิ่งใดไม่ออกเพียงชั่วครู่ ขอท่านอ๋องทรงอภัยด้วยเพคะ ต่อจากนี้ หม่อมฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองบกพร่องในหน้าที่อีก หากแม้นเกิดอันใดขึ้นกับพระชายาแม้เพียงเล็กน้อย หม่อมฉันขอถวายชีวิตในการรับโทษเพคะ"
จิ้งอ๋องส่ายหน้า "ข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว"
"เสด็จอาไม่ต้องการตัวสายลับคนนี้แล้ว แต่ว่าชางเอ๋อร์เห็นว่านางฝีมือไม่เลวเลยรู้สึกเสียดาย ในเมื่อเสด็จอาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นขอให้ชางเอ๋อร์นะเพคะ ตอนนี้ชางเอ๋อร์ก็กำลังขาดคนอยู่พอดีเลยเพคะ" เสียงที่อ่อนโยนเอ่ยขึ้น จิ้งอ๋องและจิ้งอิ่งหันหลังไปมองก็พบว่าที่ประตูมีร่างของหญิงสาวนางหนึ่งกำลังยืนอยู่ ใบหน้างดงามราวหยก เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงมาประบ่า
จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว "หากชางเอ๋อร์ไม่มีสายลับไว้คอยคุ้มกัน ข้าก็มีให้เจ้าเลือกมากมาย เจ้าจงเลือกเอาตามที่เจ้าชอบมาจำนวนหนึ่งเถอะ"
หยุนชางยิ้มเพียงเล็กน้อย "แต่ว่า สายลับของเสด็จอาก็มีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง ชางเอ๋อร์เองก็เป็นผู้หญิง หากข้างกายมีผู้ชายคอยติดตามก็คงจะไม่เหมาะนะเพคะ" เมื่อพูดจบ นางก็มิได้ถามสิ่งใดกับจิ้งอ๋องอีก แต่นางมองไปยังหญิงที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น "ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้จะยอมติดตามดูแลข้าหรือไม่"
จิ้งอิ่งถึงกับตะลึง บทสนทนาเมื่อครู่นี้ องค์หญิงหยุนชางคงจะได้ยินแล้วและต้องทรงทราบว่าตนนั้นไม่ชอบนาง แต่ว่าเพราะอะไรนางจึงอยากให้ตนคอยอยู่รับใช้ข้างกายนะ? จิ้งอิ่งรู้ดีว่า ตนนั้นลึกๆแล้วก็แอบอิจฉาองค์หญิงองค์นี้ไม่น้อยเลย นางมีฐานันดรศักดิ์อันสูงส่ง เมื่อครั้งที่จิ้งอ๋องส่งตนไปดูแลนาง ตนยังคิดว่า สิ่งที่นางมีก็คงจะเป็นเพียงแค่ฐานันดรศักดิ์ขององค์หญิงเท่านั้น แต่ว่าที่ผ่านมา ตนเห็นนางทำเพื่อผู้คน แม้ว่าในใจจะไม่ชอบนาง แต่ก็รู้สึกชื่นชมนางไม่น้อย องค์หญิงน้อยองค์นี้อายุน้อยกว่าตนมาก แต่ในหลายๆเรื่องแล้ว จิ้งอิ่งถามตัวเองในใจ หากว่าตนเป็นนาง คงจะไม่สามารถทำออกมาได้ดีเหมือนกับนางแน่ๆ
ด้วยประจักษ์แล้วว่านางนั้นเลิศเลอเพียงใด มีความเหมาะสมที่จะเคียงคู่ชายที่ตนแอบรักมานาน เมื่อนึกเช่นนี้แล้ว ในใจนางก็รู้สึกเจ็บปวด ดังนั้น เรื่องที่จะให้คอยติดตามดูแลหยุนชาง นางเองจึงรู้สึกประหม่า
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สุดท้ายแล้ว ตนนั้นจะต้องมายืนอยู่จุดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เมื่อตนเองกำลังพบเจอเรื่องราวสะเทือนใจเช่นนี้ ผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้างตนกลับเป็นคนที่ตนไม่ชอบมาโดยตลอด ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ้งอิ่งจึงทำการคารวะเบื้องหน้าหยุนชาง "หม่อมฉันจิ้งอิ่งจะจงรักภักดิ์ดีต่อองค์หญิงเพคะ" แม้ว่าเจ้านายของตนนั้นตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นองค์หญิงหยุนชางแล้ว แต่ว่า ขอเพียงได้มีโอกาสพบเจอเขาอีกครั้ง เพียงเท่านี้ตนก็พอใจแล้ว
หยุนชางประเมินสถานการณ์แล้วพยักหน้า "เสด็จอาเพคะ ในเมื่อจิ้งอิ่งยอมรับให้หม่อมฉันเป็นนายคนใหม่แล้ว เช่นนั้น หม่อมฉันอยากจะขอร้องเสด็จอาแทนนางเรื่องหนึ่ง ขอให้เสด็จอาทรงยกโทษให้นางด้วยเพคะ"
สายตาของจิ้งอ๋องจ้องมองไปยังคนทั้งสอง คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ในเมื่อนางยอมให้เจ้าเป็นนาย นางก็เป็นคนของเจ้าแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร ก็สุดแล้วแต่เจ้าเถอะ"
หยุนชางขานรับ "เพคะ" แล้วมองไปที่จิ้งอิ่ง "ท่านไปรอฟังคำสั่งที่อื่นก่อนเถอะ ข้าง่วงนอนแล้ว จะขอพักผ่อน"
จิ้งอิ่งพยักหน้าแล้วมองดูหยุนชางเดินเข้าห้องไป จิ้งอ๋องก็เดินตามนางเข้าไปด้วย จิ้งอิ่งแน่นิ่งอยู่สักพัก นางคุกเข่าอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานกว่าจะลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม
ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุม ณ จวนเวิน เวินหยูอวี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะด้วยท่าทางเหมือนคนไร้วิญญาณ ท่านฮูหยินที่นั่งหันหน้ามาหาประตูใหญ่ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น "อวี้เอ๋อร์ วันนี้เป็นอะไรไปน่ะ ไยจึงดูเซื่องซึม หรือว่าเจ้าไม่สบายตรงไหน? ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าตามแม่เจ้าไปที่จวนซุ่นชิ่งอ๋อง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม"
เวินหยูอวี้ได้สติกลับมา นางรีบส่ายหน้า "ท่านย่า อวี้เอ๋อร์ไม่เป็นอะไรค่ะ เพียงแต่กำลังคิดว่าลายดอกไม้ที่ข้ากำลังปักอยู่ในช่วงนี้ จะใช้วิธีปักแบบใดจึงจะดี ลวดลายต่างๆก็เก่าหมดแล้ว อวี้เอ๋อร์กำลังคิดจะปักลวดลายที่แปลกใหม่ดูเท่านั้นน่ะค่ะ"
เวินหยุนชิงมองไปที่เวินหยูอวี้ แต่ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
ท่านฮูหยินได้ยินดังนั้นก็ดีใจ "อวี้เอ๋อร์ช่างมีความสามารถจริงๆ ไม่กี่วันก่อนป้าของเจ้าพูดว่า เจ้าสามารถปักผ้าสองด้านได้แล้ว ตอนข้าเป็นสาวข้าก็เคยเรียน แต่ว่าเรียนมาตั้งนานก็ยังปักไม่ได้เสียที เจ้าเรียนรู้เพียงไม่กี่วันก็สามารถทำได้แล้ว ช่างหลักแหลมเสียจริง พระชายาซุ่นชิ่งอ๋องทรงชื่นชอบงานปักมาก ข้าจะให้คนไปหาลวดลายใหม่ๆ เมื่อเจ้าปักเสร็จแล้ว ก็นำไปถวายพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องเถอะ พี่สาวของเจ้าเป็นพระชายาซื่อจื่อ หากพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องชื่นชอบเจ้า พี่สาวของเจ้าก็จะพลอยได้ดีไปด้วย จวนเวินของพวกเราก็มีพี่สาวของเจ้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูล เจ้าเองก็ต้องพยายามเข้านะ"
เวินหยูอวี้ขมวดคิ้ว นางรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจแสดงออกมาทางสีหน้าได้ ได้เพียงขานรับเบาๆและไม่เอ่ยคำพูดใดอีก
เมื่ออยู่เป็นเพื่อนท่านฮูหยินแล้วก็รับประทานอาหารเย็นที่ห้องของท่านฮูหยิน หลังจากนั้นเวินหยูอวี้ก็ถูกเวินหยุนชิงเรียกพบเพื่อสั่งการธุระบางอย่าง แล้วจึงปล่อยตัวนางออกมา
เวินหยูอวี้กลับมายังห้องพักของตน นางเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นอาศัยแสงโพล้เพล้ในช่วงพลบค่ำเดินไปยังที่ที่หนึ่ง
คนเฝ้าเวรหน้าห้องข้างจวนรู้สึกเป็นกังวลเมื่อเห็นเวินหยูอวี้เดินมา แต่ก็ไม่ได้แสดงออกแต่อย่างใด พวกเขาพานางเข้าไปด้านใน คนเฝ้าเวรยังคงหวั่นใจเล็กน้อย เพราะเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพวกเขาทั้งสองแอบหลับยามไปโดยที่ไม่รู้ตัว โชคดีที่เมื่อรู้สึกตัวแล้วเข้าไปตรวจตรา คนผู้นั้นยังคงอยู่ด้านใน มิเช่นนั้นล่ะก็ หากเกิดเรื่องขึ้น ก็คงจะโดนทำโทษจนถึงแก่ความตายเป็นแน่
เด็กหญิงที่นอนอยู่บนกองหญ้าแห้งนั้นดูเหมือนจะยังไม่ฟื้น นางนอนขมวดคิ้ว ท่าทางจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก เวินหยูอวี้เมื่อได้พบกับหยุนชาง สายตาของนางก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น นางพูดอย่างเยือกเย็นว่า "นึกไม่ถึงเลยว่า วันหนึ่งเจ้าจะตกมาอยู่ในกำมือของข้า น่าเสียดายที่เจ้าโดนยาสลบ จึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ว่า ต่อให้ข้าจะอยากให้เจ้ารู้สึกตัวขึ้นมาเพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม แต่ข้ารู้ว่าการชิงลงมือตอนที่เจ้าไม่มีทางสู้นั้นสามารถทำได้โดยง่าย ดังนั้นข้าก็จะขอลงมือเลยแล้วกัน"
เวินหยูอวี้ยิ้มอย่างสะใจ นางคว้าเอากริชที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ถอดฝักที่ครอบกริชออก ความเลื่อมของกริชเล่นแสงแวววับ เวินหยูอวี้นำกริชจ่อไปยังหน้าของหยุนชาง ยิ้มกริ่มแล้วจึงพูดขึ้นว่า
"ใบหน้านี้สินะ ที่ทำให้ใครต่อใครก็รักใคร่เอ็นดูเจ้า ให้ข้าช่วยเจ้าทำลายมันเสียเถอะ……" พูดจบ มือของนางที่ถือกริชก็พุ่งเข้าหาใบหน้าและกรีดไปบนใบหน้าของหยุนชางตัวปลอม……