ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 179 สุขแล้วจึงทุกข์
หนิงเชียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "หนิงเย่มีวิทยายุทธ์ไม่เบาและเขาก็ระมัดระวังตัวมาก แทบจะไม่ใช่คนเดียวกับที่ลือกันว่าเป็นคุณชายเสเพล"
"เขาอยู่ในจวนซุ่นชิ่งอ๋อง แม้ว่าซุ่นชิ่งอ๋องมักจะเอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นการแก่งแย่งชิงดีภายในจวนไปได้ เกรงว่าคงจะเป็นหมาป่าสวมหนังแกะเสียมากกว่า" หยุนชางพูดเบาๆ
แต่หนิงเชียนกลับส่ายหัว "ข้าน้อยพบว่าวันนี้ลายมือของหนิงเย่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ข้าน้อยจึงแอบส่งคนไปสืบได้ความว่าหนิงเย่ตกน้ำเมื่อสี่ปีก่อนและป่วยหนัก จากนั้นก็เปลี่ยนไปมาก…"
หยุนชางได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง เหตุการณ์นี้ดูมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เป็นไปได้ไหมว่าหนิงเย่จะเป็นเหมือนนาง?
"ไม่กี่วันก่อน หนิงเย่ติดต่อกับบุคคลผู้หนึ่ง คนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์ชายสามแห่งเย้หลาง…" หนิงเชียนกล่าวเบาๆ
องค์ชายสามแห่งเย้หลางงั้นหรือ? ร่างกายของหยุนชางสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนแปลงจนยากจะคาดเดา หรือว่าหนิงเย่เป็นสายลับที่ชางเจียชิงซูส่งมา? สถานะนี้ช่างปกปิดไว้มิดชิดนัก ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ายิ่งไม่สะดุดตาเท่าไหร่ยิ่งดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะใช้สายลับเข้ามาแทนที่จวิ้นอ๋องผู้สูงส่ง
"เจ้าจับตาดูต่อไป อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น" หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเบาๆ
หนิงเชียนพยักหน้าและกล่าวว่า "จวนทุกจวนในเมืองหลวงนั้น ข้าน้อยได้แทรกคนเข้าไปตามคำสั่งของนายหญิงแล้ว โดยเฉพาะจวนของอัครมหาเสนาบดี ข้าส่งคนเข้าไปทั้งหมด 73 คน ทางกองทัพที่ชายแดนก็เตรียมการพร้อมแล้ว คนเหล่านั้นเมื่อสืบเบื้องหลังแล้วล้วนขาวสะอาด พวกเขาจะสืบอย่างไรก็จะไม่มีทางสืบมาถึงองค์หญิงและพวกเขาก็ยังฉลาดอีกด้วย อีกไม่นานพวกเขาคงจะสามารถใช้งานได้"
หยุนชางพยักหน้า "เรื่องที่เจ้าจัดการ ข้าวางใจเสมอ"
หนิงเชียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของนางแล้วยื่นให้หยุนชาง "เหล่านี้เป็นข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมโดยพี่น้องของเราในช่วงนี้ ข้าน้อยคัดกรองอย่างคร่าวๆ และจดทุกอย่างที่คิดว่าเป็นประโยชน์มาแล้ว"
หยุนชางรับมาอ่านอย่างรวดเร็วและขมวดคิ้วเล็กน้อย นางหยิบหินจุดไฟออกมาจุดไฟ โยนกระดาษลงบนจานแล้วเผาทิ้งจนกลายเถ้าถ่าน
"ดี ข้ารู้แล้ว เสด็จแม่ใกล้คลอดแล้ว เจ้าส่งคนไปเพิ่มหน่อย หมอตำแยที่ทางวังส่งไปข้าไม่ไว้ใจนัก เจ้าหาคนที่รู้จักดีส่งไปที่นั่น ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้วิธีการบางอย่าง อย่างไรก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จแม่และลูกในท้องของนางให้ได้" หยุนชางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
"เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" หนิงเชียนตอบและหยุนชางก็โบกมือให้นางไป
ทันทีที่หนิงเชียนจากไป หยุนชางก็ไปหาจิ้งอ๋องที่ห้องนอนของเขา ทันทีที่นางเข้าไปก็เห็นจิ้งอ๋องสวมเสื้อคลุมสีขาวนอนอยู่บนเบาะ ผมที่ใช้มงกุฎหยกเกล้าไว้ก็ถูกปล่อยลงมาแผ่สยายเต็มเบาะ เทียบกับความเย็นชาในยามปกติแล้วเขาดูราวกับมีกลิ่นอายของความเกียจคร้านจางๆ ปะปนอยู่
หยุนชางชะงักฝีเท้าแล้วจึงเดินเข้าไป
"คุยกันเสร็จแล้วหรือ?" จิ้งอ๋องลืมตาขึ้นเหลือบมองนางและทำให้หยุนชางตะลึงงันอีกครั้ง นางเคยชินกับการเห็นความงามมาทุกรูปแบบ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัวและแอบร้องอยู่ในใจว่าแย่แล้ว
หยุนชางยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานก่อนที่จะรู้สึกตัว นางก้มศีรษะลงและมองไปยังชายที่นอนอยู่บนเบาะ แต่นางไม่ได้สังเกตเห็นว่ามุมปากของจิ้งอ๋องยกขึ้นเล็กน้อยและสีหน้ามีความสุขมาก "อืม ขอบคุณเสด็จอามากเพคะ" หยุนชางกล่าวเบาๆ
จิ้งอ๋องตอบ "อืม" เบาๆ และไม่พูดอะไรอีก หยุนชางไม่กล้าเงยหน้าจึงไม่รู้ว่าจิ้งอ๋องมีสีหน้าอย่างไร หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยปากขึ้น "เมื่อครู่เฉียนเฉี่ยนบอกข้าว่าหนิงเย่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ คราวก่อนหลังจากเทศกาลเชงเม้ง ชางเอ๋อร์พบว่าคุณชายหวังดูเหมือนจะกำลังลองเชิงหนิงเย่ทั้งอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ คิดว่าเสด็จอาคงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว"
"หือ?" จิ้งอ๋องเลิกคิ้ว "อะไรนะ? ข้าไม่รู้ แม่นางเฉียนเฉี่ยนบอกอะไรเจ้า?"
หยุนชางอึ้งไปเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่กลับเห็นว่าเขาจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้วจึงทำให้นางตกใจและรีบก้มหน้าลงอย่างตื่นตระหนก "เฉียนเฉี่ยนบอกว่า หนิงเย่คนนั้นถูกช่วยหลังจากตกลงไปในน้ำเมื่อสี่ปีก่อน หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน นิสัยก็ไม่เหมือนเดิม ความชอบก็ไม่เหมือนเดิมแม้แต่ลายมือของเขาก็เปลี่ยนไปมาก
"หือ?" บางทีอาจเป็นเพราะปฏิกิริยาของหยุนชางเมื่อครู่ทำให้จิ้งอ๋องอารมณ์ดี เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้มในดวงตา แม้แต่สีหน้าก็ยังสบายๆ ไปด้วย น่าเสียดายที่หยุนชางมัวแต่ก้มหน้าก้มตาแต่ไม่ได้เห็นเข้า
"เฉียนเฉี่ยนบอกว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนหนิงเย่ได้ติดต่อกับคนของชางเจียชิงซู ชางเอ๋อร์รู้สึกว่าหนิงเย่ผู้นี้อาจจะเป็นสายลับของแคว้นเย้หลางก็เป็นได้"
"อืม ดี" จิ้งอ๋องกล่าวเสียงต่ำ แต่แล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หยุนชางจึงพบว่านางกำลังถูกจิ้งอ๋องแกล้ง ว่าแล้วเชียว ในเมื่อเขาสั่งให้หวังจิ้งฮวนไปลองเชิงแล้วเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
หยุนชางเงยศีรษะขึ้นด้วยความรำคาญเล็กน้อยและมองไปที่ชายหนุ่มท่าทางสำราญใจที่อยู่บนเบาะ นางหน้าบึ้งลงเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้นว่า "เสด็จอา แกล้งชางเอ๋อร์เล่นทำให้ท่านมีความสุขมากขนาดนี้เชียวหรือเพคะ?"
จิ้งอ๋องได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อยและตอบว่า "ก็ไม่เลว"
หยุนชางทั้งเขินทั้งอายจนกลายเป็นความโกรธ นางจ้องไปที่จิ้งอ๋องอย่างแค้นใจอยู่นานก่อนจะกัดฟันพูดว่า "เช่นนั้นก็เชิญเสด็จอาหัวเราะต่อไปเถอะ ชางเอ๋อร์ขอตัว" พูดจบแล้วก็เดินออกไปด้วยความโกรธ
เฉี่ยนอินและฉินยีตกใจเมื่อเห็นหน้าหยุนชางแดงก่ำและรีบเดินออกมาอย่างโกรธเคือง "องค์หญิงเป็นอะไรไปเพคะ? ใครกันที่มารังแกองค์หญิง"
ขณะที่พวกนางกำลังพูดก็ได้ยินเสียงหัวเราะของจิ้งอ๋องดังลั่นมาจากในห้องนอน เสียงนั้นต่ำและแหบแห้งแต่กลับน่าฟังอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่เมื่อหยุนชางได้ยิน สีหน้าของนางกลับแข็งกระด้างยิ่งขึ้น นางกระทืบเท้าและรีบออกจากลานบ้านไป
เฉี่ยนอินและฉินยีชำเลืองมองกันและกัน ในใจก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงรีบตามไป "องค์หญิง รอหม่อมฉันด้วยเพคะ"
หยุนชางขึ้นรถม้า ในใจยังคงนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของจิ้งอ๋อง นางกัดริมฝีปากพลางถอนหายใจ แม้ว่าจะถูกเขาแกล้งเล่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาช่างหล่อเหลาจริงๆ
นางตกใจกับความคิดลึกๆ ในใจของนางว่ายังคงคิดถึงเรื่องของเขา…
ในใจนางตกตะลึง หยุนชางกัดฟันเล็กน้อย ไม่ได้ นางจะตกหลุมพรางนั้นไม่ได้อีก เรื่องรักๆใคร่ๆ นั้น ในชาตินี้นางไม่อาจพ่ายแพ้ให้มันอีก นอกจากนี้คนอย่างจิ้งอ๋องนางยังไม่อาจไว้ใจได้อย่างสมบูรณ์ นางจะต้องไม่ลืมว่าเขามีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์ แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะไม่ใช่สามีที่ดีหรือเป็นพ่อที่ดีนัก แต่เขาก็เอาใจใส่งานราชการมาก อย่างน้อยเขาก็พอจะถูไถไปได้ว่าเขาเป็นกษัตริย์ที่ดี
นางปกป้องเสด็จแม่ไปตลอดชีวิตไม่ได้ ดังนั้นหากครั้งนี้เสด็จแม่ให้กำเนิดบุตรชาย เช่นนั้นนางย่อมต้องผลักดันน้องชายของนางไปยังตำแหน่งนั้นด้วย มีเพียงแต่ต้องมีอำนาจสูงสุดเท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องคนที่นางต้องการปกป้องได้
เฉี่ยนอินและฉินยีมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของหยุนชางก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อรถม้าหยุดลง หยุนชางจึงได้รู้สึกตัว "เอ๊ะ ถึงแล้วหรือ?" นางเหม่อมาตลอดทางเลยหรือ?
เฉี่ยนอินและหยุนชางต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เฉี่ยนอินยิ้มและเหยียดมือออกไปจับราวจับของประตูรถม้าและกำลังจะผลักออกไป แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงไก่ดังขึ้นจากด้านนอก เฉี่ยนอินและหยุนชางก็ผงะไป สีหน้าของหยุนชางกลายเป็นไม่ค่อยดีนัก "ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ประตูของพระราชวัง… "
ฉินยีปิดปากลง ดวงตาของเฉี่ยนอินฉายแววตื่นตระหนกขึ้นมาวูบหนึ่งแต่ก็สงบลงทันที "องค์หญิง… "
หยุนชางกลับไม่มีท่าทีร้อนรน แม้จะรู้สึกรำคาญตนเองเล็กน้อยที่มัวแต่เหม่อลอย แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ บนใบหน้าของนาง แต่นางก็รู้ว่าการคิดเรื่องนี้ในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว นางจึงทำเสียงขรึมและตะโกนออกไปนอกรถม้า "ไม่รู้ว่าใครช่างลำบากพาข้ามาถึงที่นี่?"