ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 176 เรื่องเหลวไหล (๑)
เสียงกลองดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งที่สองนี้ดอกไม้ตกอยู่ในมือของหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงเข้ม หยุนชางเงยหน้ามองและอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ เป็นจิ่งเหวินซีจอมก่อเรื่องนั่นเอง
จิ่งเหวินซีเบิกตาทั้งสองกว้าง ดวงตาของนางชื้นราวกับกระต่ายที่กำลังหวาดกลัว "ว้า วันนี้ซีเอ๋อร์โชคไม่ดีเลย หวังว่าบทลงโทษจะไม่ยากจนเกินไปนัก"
จิ่งเหวินซีเดินไปจับฉลากแล้วกวาดมองอย่างรวดเร็ว สีหน้านางเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็มุงเข้ามาดูและเห็นว่าบนฉลากเขียนว่า "บอกมาว่าชายที่เจ้าชอบคือใคร?"
เขียนด้วยลายมือที่ดูแล้วเต็มไปด้วยอิสระ ในขณะที่จิ่งเหวินซีกำลังรู้สึกเขินอายก็ได้ยินหวังจินเหยียนหัวเราะเสียงดัง "อันนี้ข้าเขียนเอง กำลังคิดอยู่เลยว่าใครจะเป็นผู้จับได้ไป ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแม่นางจิ่ง ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรพวกเราก็ใช่ว่าจะเก็บความลับไม่อยู่ เจ้าพูดออกมาเถอะ"
จิ่งเหวินซีหน้าซีดลงเล็กน้อย นางยืนนิ่ง ปลายจมูกเริ่มแดง
"หืม? หรือว่าแม่นางจิ่งไม่กล้าพูด แต่ก็จริง อย่างไรก็เป็นความลับของตนเอง แม่นางจิ่งก็ยังไม่ได้แต่งงาน เอ่ยออกมาก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก" หวังจินเหยียนขมวดคิ้วและลูบปลายจมูกอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่สิ้นเสียงกลับมีเสียงหัวเราะเยาะดังแว่วมา "นางก็คงจะไม่สะดวกอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่ใช่เพราะนางไม่เต็มใจจะเอ่ยออกมาหรือเพราะนางขี้อาย แต่เพราะคนที่นางชอบหมั้นไปเสียแล้ว และคู่หมั้นของเขาก็กำลัง… "
ยังไม่ทันที่เสียงที่ส่อแววเสียดสีเล็กน้อยนั้นจะพูดจบก็เห็นแววตาโกรธเคืองของจิ่งเหวินซี และพุ่งตัวไปที่หญิงคนนั้น "เวินหยูอวี้ ข้าไปทำอะไรให้เจ้า เจ้าถึงได้พุ่งเป้ามาหาข้าไปเสียทุกเรื่อง?"
บรรยากาศเริ่มแข็งกระด้างขึ้นในทันที แต่หลายคนก็แอบสงสัยว่าจิ่งเหวินซีชอบผู้ใด ในที่นั้นมีผู้หญิงที่หมั้นแล้วอยู่ไม่น้อย ยังไม่ได้แต่งงาน สามีในอนาคตก็เป็นที่ปรารถนาของผู้อื่นไปเสียแล้ว เรื่องนี้ช่างไม่น่าอภิรมย์เลยจริงๆ
เวินหยูอวี้แค่นเสียงแล้วเลิกคิ้ว "ทำไม กล้าชอบแต่ไม่กล้าพูดงั้นหรือ? เจ้าก็ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเองเสียเลย คิดหรือว่าจิ้งอ๋องจะชอบเจ้า?"
จิ้งอ๋อง… ทุกคนต่างก็ได้ยินคำสำคัญที่ออกมาจากปากของเวินหยูอวี้ ที่แท้คนที่จิ่งเหวินซีชอบก็คือจิ้งอ๋อง? ทุกคนลอบมองดูหยุนชางอย่างเงียบๆ แต่กลับเห็นว่าหยุนชางดูเฉยเมยราวกับไม่ใส่ใจ แววตาของนางยังคงดูอ่อนโยนและเสียงของนางก็สงบนิ่ง "แม่นางทั้งสอง วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเสด็จอา ขอแม่นางทั้งสองอย่าได้นำความแค้นส่วนตัวมาพูดกันที่นี่เลย"
เมื่อทุกคนเห็นหยุนชางวางตัวนิ่งเฉยจึงไม่พูดอะไร เพียงแต่ก็คงไม่สามารถเล่นสนุกกันต่อไปได้อีกเช่นกัน คนรู้จักของจิ่งเหวินซีและเวินหยูอวี้ต่างก็พาทั้งสองไปนั่งลง เมื่อนั่งลงก็ได้ยินเสียงหญิงสาวกรีดร้องดังมาจากจากทางทิศตะวันออก
หยุนชางขยับตัวและกระตุกรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก
"องค์หญิง เกิดเรื่องขึ้นหรือเพคะ? ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่จิ้งอ๋องให้พ่อบ้านพาฮ่องเต้ไปพักที่เรือนทางตะวันออก เสียงนี้ดูเหมือนจะมาจากห้องทางตะวันออก…" พระชายาซื่อจื่อหน้าซีดก้าวเข้ามาอย่างรีบร้อน
จักรพรรดิหนิงกำลังพักอยู่ทางด้านตะวันออกของจวน หากเกิดอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องพลอยติดร่างแหไปด้วยอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนี้สีหน้าทุกคนก็ดูไม่ค่อยดีนัก
หยุนชางใคร่ครวญครู่หนึ่งและมองไปทางทิศตะวันออก "ไปดูกันเถอะ" นางพูดพลางเรียกเฉี่ยนอิน "จิ้งอ๋องอยู่ด้านหน้าไม่แน่ว่าอาจจะยังไม่รู้เรื่อง เจ้าไปที่ลานด้านหน้าแล้วบอกให้เขารู้ที"
หลังเฉี่ยนอินรับคำและจากไปแล้ว หยุนชางก็พาทุกคนเดินตามทิศทางของเสียงนั้นไป
เมื่อหยุนชางเดินมาถึงที่ประตูสู้เรือนตะวันออกก็เห็นจิ้งอ๋องและแขกเดินมาจากลานหน้าบ้านเช่นกัน หยุนชางจึงรีบเข้าไปรับหน้าและกล่าวว่า "เสด็จอา ในจวนไม่มีองครักษ์หรือเพคะ? รู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "ไม่ใช่เรือนตะวันออก ฝ่าบาทกำลังพักผ่อนอยู่ที่นั่น ข้าส่งหน่วยลับไปคุ้มครองแล้ว ที่เกิดเรื่องเป็นหอสดับเสียงที่อยู่ถัดจากเรือนตะวันออก
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเห็นอักษรสามคำที่เขียนอยู่บนเรือนด้านตะวันออก "หอสดับลม"
หยุนชางหลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของนางไว้และตามจิ้งอ๋องไป เมื่อไปถึงหอสดับเสียงที่อยู่ด้านข้าง หยุนชางจึงเริ่มสังเกตผู้ที่ติดตามจิ้งอ๋องมา แต่คนๆ นั้นกลับไม่อยู่
เมื่อเดินมาที่ด้านหน้าหอสดับเสียงก็เห็นประตูรั้วของหอไม่ได้ปิดสนิท เมื่อผลักเข้าไปก็เห็นเสื้อคลุมของชายคนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ในสนามและมีเสียงแปลกๆ ดังแว่วมาจากด้านใน สีหน้าของบางคนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
จิ้งอ๋องชะงักฝีเท้าเล็กน้อยแล้วจึงก้าวต่อไปข้างหน้าและผลักประตูให้เปิดออก เดิมทีหอสดับลมก็เป็นเรือนพักผ่อนที่เตรียมไว้สำหรับแขก ดังนั้นการจัดวางของจึงค่อนข้างเรียบง่าย เป็นเพียงแค่ห้องนอนห้องเดียวเท่านั้น
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ทุกคนก็เห็นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น มีทั้งชุดของบุรุษและสตรี ฉากกั้นที่อยู่ตรงข้ามประตู ก็ยังมีผ้าคาดเอวของผู้หญิงแขวนไว้ผืนหนึ่ง มองผ่านฉากกั้นไปก็เห็นเงาร่างทั้งสองอย่างเลือนราง พวกเขาอยู่ในท่าทางแปลกๆ และมีเสียงอู้อี้ดังแว่วมา
ในตอนนี้เอง แม้สตรีที่ไม่รู้ความก็พอจะรู้แล้วว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้น สีหน้าของพวกนางต่างก็เปลี่ยนไปทีละคน
สีหน้าของจิ้งอ๋องนั้นแย่มาก เขากล่าวออกมาด้วยโทสะ "ข้าอยากจะรู้นักว่าใครกล้าทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้ในจวนของข้า ทำให้จวนของข้าต้องแปดเปื้อน นำตัวหญิงร้ายชายเลวคู่นี้โยนออกมาเสีย"
"ขอรับ" ทันทีที่สิ้นเสียงของจิ้งอ๋องก็มีทหารคนหนึ่งบุกเข้าไป
ด้านในมีเสียงคำรามอย่างโกรธเคือง หยุนชางก็ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก เสียงนี้นางรู้จักดี เมื่อหันไปก็เห็นว่าเหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องหลังของจิ้งอ๋องทุกคนตกตะลึงค้าง หยุนชางมองไปที่พวกเขา พวกเขาต้องคิดเสียใจแน่ที่ตามมากับจิ้งอ๋อง แม้กระทั่งบางคนก็ก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างเงียบๆ แต่ทหารในจวนจิ้งอ๋องจัดการอย่างรวดเร็วเสมอและไม่ให้พวกเขาได้รับโอกาส ร่างขาวร่างหนึ่งถูกโยนลงพื้นอย่างแรงแถมยังเปลือยเปล่าไม่มีแม้เสื้อผ้าสักชิ้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่ลานด้านนอกดังขึ้น เหล่าสตรีหลายคนรีบปิดตาและพึมพำไม่หยุด "ผิดจริยาห้ามดูๆ"
แต่ก็มีผู้ที่ใจกล้าเช่นหยุนชางและหวังจินเหยียนที่เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มองดูหญิงสาวบนพื้นตามปกติ หญิงสาวคนนั้นถูกดึงออกมาจากความหฤหรรษ์อย่างกะทันหัน บนใบหน้านางจึงยังมีรอยยิ้มอยู่เล็กน้อย แต่ก็ขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวดแล้วค่อยยืนขึ้นและมองดูทุกคนด้วยสีหน้างุนงง
"เอ๊ะ นี่ไม่ใช่แม่นางชางยาง บุตรสาวบุญธรรมของราชครูแห่งแคว้นเย้หลางหรือ? ทำไม ทำไมถึงได้… ที่นี่…? แล้วยัง…" หวังจินเหยียนขมวดคิ้วและพูดด้วยความประหลาดใจ ทำให้ทุกคนรู้ถึงตัวตนของบุคคลด้านหน้าพวกเขา
เมื่อนึกถึงเสียงบุรุษอันคุ้นเคยจากด้านในในใจก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก ผู้หญิงคนนี้… กับเขาได้อย่างไร?
ขณะที่กำลังคิดก็ได้ยินเสียงดังแว่วมา "ฮ่องเต้เสด็จ"
ทุกคนได้สติจึงรีบหันไปถวายคำนับ
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและมองดูเหล่าคน "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น? เจิ้นอยู่อีกด้านได้ยินเสียงดัง"
จิ้งอ๋องขมวดคิ้วและเล่าถึงสถานการณ์เมื่อครู่ จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนพื้น "แล้วผู้ชายล่ะ?"
จิ้งอ๋องยิ้มเย็นชา "ยังไม่รีบออกมาอีกเหรอ?"
"จากนั้นทหารก็คุมตัวคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากห้อง เพียงแต่เขาต่างจากหญิงที่เปลือยกายตรงที่ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแล้ว เขาเดินออกมาจากด้านในด้วยสีหน้าซีดเผือด…