ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 165 วางกลยุทธ์ (๑)
หัวจิ้งมองดูจักรพรรดิหนิงด้วยความสยดสยองเมื่อนางได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางจึงส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า "เจ้าอย่าเข้ามา อย่าเข้ามา" จากนั้นนางก็ขดตัวไปที่มุมด้านในสุดของพระแท่นบรรทม
หยุนชางขมวดคิ้ว หากว่าตอนนี้ตนมองไม่ออกว่าหัวจิ้งผิดปกติไป เช่นนั้นหนึ่งชาติที่ตนเคยผ่านมานั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใด หยุนชางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก แววตานางจ้องมองไปที่หัวจิ้ง
"พูดมา!" จักรพรรดิหนิงตะคอกด้วยความโกรธเคืองอย่างกะทันหัน ทำให้หัวจิ้งที่ขดตัวอยู่มุมนั้นตกตะลึงอย่างมาก นางจ้องมองจักรพรรดิหนิงด้วยดวงตาที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ราวกับว่านางตกใจอย่างมาก
จักรพรรดิหนิงตรัสด้วยความไม่สบอารมณ์ "ในเมื่อเจ้าไม่ยอมกล่าวมาว่าทารกที่อยู่ในครรภ์นั้นเป็นของใคร เช่นนั้นเจิ้นก็จะไม่เก็บจ้าไว้เช่นกัน เจิ้นจะลดตำแหน่งเจ้าให้เป็นเพียงสามัญชน แล้วส่งตัวเจ้าไปที่ชายแดนเพื่อทำงานแรงงาน"
หยุนชางไม่พลาดสายตาของความเกลียดชังที่แวบเข้ามาในดวงตาของหัวจิ้งทันทีที่นางได้ยินจักรพรรดิหนิงกล่าวเช่นนี้ หยุนชางยิ้มมุมปาก แสร้งทำเป็นบ้างั้นหรือ ช่างเป็นกลอุบายที่ดีเชียวนะ หยุนชางเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า " เสด็จพ่อเพคะ ดูเหมือนว่าเสด็จพี่จะผิดปกติไป เสด็จพ่อจะทรงตามหมอหลวงมาตรวจดูหรือไม่เพคะ?"
เมื่อพูดถึงหมอหลวง สตรีที่อยู่บนพระแท่นบรรทมก็แสดงท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง "อย่าเข้ามา พวกเจ้าอย่าแตะต้องตัวข้า อย่ามาแตะต้องตัวข้า"
จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ "ตามหมอหลวงมา"
บ่าวใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็รีบตอบรับและออกไป ขณะที่รอหมอหลวงนั้น มีองครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามา
"ข้าน้อยขอถวายบังคมต่อฝ่าบาท จิ้งอ๋องและองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงได้ตรวจอาหารของม้ารักของท่านอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยก็ได้สั่งให้คนตรวจสอบสิ่งที่ท่าหยุนกินเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยพบว่า……….."
"เจ้าว่าอย่างไรนะ?" จักรพรรดิหนิงหันหน้ามาเมื่อได้ยินเช่นนี้ "เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?"
"ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอได้ตรวจดูอาการของท่าหยุน พบว่าเกิดจากการกินยาระบายพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยได้ตรวจสอบสิ่งที่ท่าหยุนกินไปในวันนี้ และไม่พบสิ่งแปลกอันใดพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่า ข้าน้อยพบถั่วดำที่ผสมยาไว้อยู่ในป่าทึบพ่ะย่ะค่ะ…….." องครักษ์รีบตอบกลับ
สีหน้าของจักรพรรดิหนิงมืดลงเล็กน้อย มิน่าเชื่อว่าช่างกล้าที่จะลงกลอุบายต่อชางเอ๋อร์ในงานเช่นนี้ พระองค์ทรงพิโรธขึ้นกว่าเดิมอย่างหนัก "ตรวจสอบ!"
องครักษ์รีบตอบรับแล้วถอยกลับ จากนั้นจิ้งอ๋องจึงพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "สิ่งที่ม้าเหงื่อโลหิตชอบที่สุดนั้นคือถั่วดำ คนที่มิทราบเรื่องม้าคงไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นกระหม่อมสันนิษฐานว่าคนที่ลงมือคือคนที่คุ้นเคยเกี่ยวกับม้าเหงื่อโลหิตเป็นอย่างมาก อีกทั้งนางยังคาดการณ์ได้ว่าชางเอ๋อร์จะทรงท่าหยุนของกระหม่อม……."
แน่นอนว่าหยุนชางทราบรู้ดีว่าใครเป็นคนลงมือเรื่องนี่ แต่นางต้องปิดบังห้ามให้จักรพรรดิหนิงดูออก แต่ก็ต้องเปิดเผยเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิหนิงอย่างไร้ความน่าสงสัย นางจึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า "เสด็จอานับจำนวนม้าตามจำนวนรายชื่อของคุณหญิงที่ทรงม้าได้ในพระราชวังนี้ ชาง
เอ๋อร์ทรงม้าไม่เป็น เสด็จอาเกรงว่าม้าจะไม่พอ และแน่นอนว่าท่านต้องให้ชางเอ๋อร์ทรงท่าหยุนของท่าน เพียงแต่ว่า ใครกันที่ทราบว่าชางเอ๋อร์ทรงม้าไม่เป็น และทราบว่าชางเอ๋อร์จะเข้าร่วมการแข่งม้าเพคะ?"
หยุนชางเห็นว่าเมื่อตนกล่าวจบ แววตาของจักรพรรดิหนิงนั้นกำลังครุ่นคิด และพิจารณาอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์จึงลุกขึ้นและกล่าวว่า " เรื่องนี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน เจิ้นจะไปจัดการประเดี๋ยวนี้"
หลังจากตรัสจบ พระองค์ก็ทรงชี้ไปที่หัวจิ้งและกล่าวว่า "ตามหมอหลวงมาดูอาการให้นางสารเลวนี้ประเดี๋ยวนี้ หากว่านางไม่ให้ความร่วมมือ ก็มัดตัวนางไว้ เมื่อหมอหลวงตรวจดูเรียบร้อยก็ทูลเจิ้น" หัวหน้าเจิ้งที่อยู่ข้างๆ ตอบรับอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิหนิงเสด็จออกไปอย่างเร่งรีบ หลังจากที่จักรพรรดิหนิงเสด็จ หยุนชางก็หันไปมองหัวจิ้งที่ดูสับสนและขดตัวอยู่มุม จากนั้นนางก็ยิ้มออกมาและเดินออกจากห้องไป
เมื่อเดินออกจากห้องที่หัวจิ้งอาศัยอยู่นั้น หยุนชางก็ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดเรื่องกระไร หลังจากนั้นไม่นาน นางก็หันหน้าไปมองเฉี่ยนอิน "ไปสืบมา ว่ามีใครไปพบองค์หญิงหัวจิ้งบ้าง"
เฉี่ยนอินตอบกลับและจากไป จิ้งอ๋องมองดูเงาร่างของเฉี่ยนอิน จากนั้นจึงหันหน้ากลับไป "ชางเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าหัวจิ้งผิดปกติไปหรือ?"
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา "เมื่อสักครู่หม่อมฉันคิดว่าเมื่อเสด็จพ่อถามเช่นนั้น หัวจิ้งก็จะพูดความจริงเรื่องชางเจียชิงซูออกมา อย่างไรก็ตามหัวจิ้งกลัวความตายอย่างมาก แต่หม่อมฉันไม่คาดคิดว่านางจะคิดกลวิธีที่แสร้งทำเป็นบ้าออกมาได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางจะคิดขึ้นมาเองอย่างแน่นอน ดังนั้นหม่อมฉันจึงแน่ใจว่ามีคนวางกลอุบายแทนนาง"
"ชางเอ๋อร์ชาญฉลาดเสียจริง" จิ้งอ๋องอมยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
หยุนชางผงะ รู้สึกร้อนรุ่นที่ใบหน้าเล็กน้อย และหันไปมอง "แต่หม่อมฉันกลับไม่เข้าใจ ในเมื่อก่อนหน้านี้ชางเจียชิงซูได้กล่าวไว้แล้วว่า อยากให้หัวจิ้งอภิเษกสมรสไปที่แคว้นเย้หลาง แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ใช้โอกาสนี้ยอมรับว่าทารกในครรภ์ของหัวจิ้งเป็นของเขา หากเป็นเช่นนั้น ฮองเฮาและมหาเสนาบดีหลี่ก็คงไม่มีทางคัดค้านได้ ถึงอย่างไรแล้วในใจของเสด็จพ่อนั้นชื่อเสียงของราชวงศ์สำคัญยิ่งกว่าหัวจิ้งอยู่มาก"
จิ้งอ๋องยิ้มและส่ายหน้า "เจ้าเห็นเพียงแค่หนึ่งด้าน ชางเจียชิงซูคิดอยากจะอภิเษกกับหัวจิ้ง ต้องการการสนับสนุนจากฮองเฮาและตระกูลหลี่ เพื่อที่เขาจะได้ครองราชย์บัลลังก์ แต่ทว่าด้วยเหตุนี้ เขาจึง ยอมรับไม่ได้เด็ดขาดว่าทารกที่หัวจิ้งแท้งไปในวันนี้เป็นบุตรของตน เจ้าลองคิดดู ท่านหมอเพิ่งบอกว่าหัวจิ้งตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว สามเดือนก่อนพวกเราและแคว้นเย้หลางกำลังสู้รบกันอยู่ ในเวลาแบบนี้หัวจิ้งและชางเจียชิงซูกลับมาความเกี่ยวพันกัน และมีบุตร หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ฝ่าบาทจะคิดอย่างไร และปวงประชาจะคิดเช่นไร?"
ดวงตาของหยุนชางเป็นประกาย และนางกำลังจะหันไปกล่าว แต่พบว่าเฉี่ยนอินกำลังเดินกลับมา "องค์หญิงเจ้าคะ หม่อมฉันถามมาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อสักครู่นั้นฮูหยินอัครมหาเสนาบดีมาเจ้าค่ะ"
"เช่นนี้นี่เอง" หยุนชางเลิกคิ้ว "ข้าคิดว่า ข้าทราบวิธีที่จะจัดการกับตระกูลหลี่แล้วล่ะ" ขณะที่กล่าวเช่นนี้ นางก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาแห่งความชาญฉลาดวาบผ่านดวงตาของนาง
จิ้งอ๋องเลิกคิ้ว แต่ผ่านไปครู่เดียว เขาก็ทราบว่าหยุนชางคิดจะทำอะไร หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องก็พยักหน้า " แผนนี้ใช้ได้ หากว่าเจ้ามีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วย เจ้าบอกกับข้าได้เลย"
หยุนชางพยักหน้าและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม "แน่นอนอยู่แล้วเพคะ"
ในขณะเดียวกัน อีกห้องหนึ่งของตำหนักนอกวังนั้น มีชายชุดดำยืนอยู่ในห้องด้วยความเคารพ และกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ต่อฉากกั้นว่า "ท่านขอรับ ข้าน้อยสืบได้เรื่องแล้วขอรับ ทารกในครรภ์ขององค์หญิงหัวจิ้งเป็นของชางเจียชิงซูขอรับ"
หลังจากที่ชายชุดดำพูดจบไป ก็ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับ เมื่อชายชุดดำนั้นคิดว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ ก็มีเสียงที่อ่อนโยนอย่างมากก็ดังขึ้น "จริงหรือ? ทารกที่อยู่ในครรภ์ขององค์หญิงหัวจิ้ง มีอายุสามเดือนแล้วใช่หรือไม่? สามเดือนก่อนชางเจียชิงซูและจิ้งอ๋องนั้นกำลังสู้รบกันอย่างหนักที่ชายแดน แล้วเขาจะไปมีส่วนเกี่ยวพันกับหัวจิ้งได้อย่างไร?"
ชายชุดดำยืนตัวตรง น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งอย่างมาก "เรียนท่านขอรับ ประมาณเมื่อสี่เดือนที่แล้ว พระสวามีขององค์หญิงหัวจิ้งได้หายตัวไปจากสนามรบขอรับ องค์หญิงหัวจิ้งจึงไปที่ชายแดนเพื่อตามหาพระสวามีของนาง แต่ทว่านางได้หายไปเป็นเวลานาน อาจเป็นเพราะว่า……."
"หึ น่าสนใจเสียจริง ข้าคิดว่าชางเจียชิงซูมาที่แคว้นหนิงเพื่อนองค์หญิงฮุ่ยกั๋วเสียอีก แต่ไม่คาดคิดว่ามาเพื่อองค์หญิงหัวจิ้ง แต่ทว่าแม้เขาก็คงจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ อยากทราบเช่นกันว่าชางเจียชิงซูจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แต่ว่าชางเจียชิงซูคิดว่าหากเขาอภิเษกสมรสกับองค์หญิงหัวจิ้ง ก็จะได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนิงเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์หรือ?" เสียงที่ส่งมาจากด้านในนั้นมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย
ชายชุดดำเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ท่านขอรับ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ"
หลังจากเงียบอยู่นาน ก็มีเสียงที่แผ่วเบามาจากด้านหลังฉากกั้น "ไม่เป็นกระไร มหาเสนาบดีไม่มีทางยอมให้หัวจิ้งอภิเษกกับชางเจียชิงซูอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องป้องกันไว้ก่อน ถ้าเกิดชางเจียชิงซูคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วยอมเสี่ยงดีกว่า แล้วเลือกที่จะประกาศออกมาโดยตรงว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นกับหัวจิ้ง เมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงบังคับให้หัวจิ้งอภิเษกสมรสกับเขา"
หลังจากหยุดอยู่ชั่วครู่ เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแค่ว่ามีความเย็นชาซ่อนอยู่ในความอ่อนโยน "แต่ทว่า ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรอก เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้จักรพรรดิหนิงลดตำแหน่งหัวจิ้งให้เป็นสามัญชน ให้ตระกูลหลี่ตัดสัมพันธ์กับนางเถอะ หากว่ายังไม่ได้ผล ก็จัดการนางทิ้งเสีย"
ชายชุดดำพยักหน้า "ข้าน้อยทราบขอรับ" พูดจบเขาก็หายตัวไป
มีเสียงบ่นพึมพำเบาๆ ดังขึ้นมาในห้องว่า "ตัวหมากที่หมดประโยชน์แล้ว ก็ถึงเวลาต้องทิ้ง หากเก็บมันไว้ กลับจะได้ให้มีปัญหา" หลังจากพูดจบ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา มีตัวหมากหลายตัวกลิ้งออกมาจากด้านหลังของฉากกั้น ไม่นาน มือที่ขาวซีดและผอมบางก็ยื่นออกมาจากด้านหลังฉากกั้น แล้วเก็บหมากที่กลิ้งอยู่ขึ้นมาทีละตัว และโยนมันออกไปนอกหน้าต่าง