ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 153 จิ่นเฟยโน้มน้าวหยุนชาง
หยุนชางกล่าวว่าขอเวลาคิดเรื่องนี้สักหน่อย แต่นางก็ยังไม่มีจุดยืนในใจ หลังจากคิดไปคิดมาแล้วนางก็ตรงไปที่เมืองเฟิ่งไหลเพื่อไปหาจิ่นเฟย เมื่อนางมาถึงฟ้าก็สว่างแล้ว การป้องกันของวังไหลเฟิงนั้นเข้มงวดมาก หยุนชางใช้ความพยายามอย่างมากกว่าเจิ้งมามาจะออกมาและพานางเข้าไป
จิ่นเฟยงีบอยู่ท่ามกลางดอกไห่ถาง นางตั้งท้องได้ประมาณหกเดือนแล้ว ท้องก็ยื่นออกมามากแล้ว หยุนชางเดินไปหานางและรู้สึกว่าหัวใจของนางสงบลง ไม่นานนักจิ่นเฟยก็ตื่นขึ้น หันหน้ามาก็เห็นหยุนชางนั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ นางกล่าวยิ้มๆ ว่า "ชางเอ๋อร์มาที่นี่ได้อย่างไร?"
ชางเอ๋อร์กะพริบตาเล็กน้อยและตอบด้วยรอยยิ้ม "ไม่เจอเสด็จแม่มานานแล้ว คิดถึงเสด็จแม่จึงได้มาดูเยี่ยมเพคะ เสด็จแม่อยู่ที่นี่สบายดีไหมเพคะ?"
จิ่นเฟยพยักหน้า "ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ ข้าชอบมาก"
"ได้พบท่านตาหรือไม่เพคะ?" หยุนชางจำได้ว่าเมืองที่เซียวหย่วนซานอาศัยอยู่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่
"พบแล้วล่ะ ท่านพ่อก็สบายดีทีเดียว" ใบหน้าของจิ่นเฟยสงบราบเรียบ
หยุนชางกลับไม่ได้บอกเรื่องของนางกับจิ้งอ๋องออกมา เพียงแค่เดินไปรอบๆวังกับเสด็จแม่ของนางเท่านั้น ดูแลนางอยู่สองวันแล้วก็กลับเมืองหลวงไป ในไม่กี่วันต่อมาคณะทูตแห่งแคว้นเย้หลางก็มาถึง นางจะต้องคอยดูหัวจิ้งพ่ายแพ้ยับเยิน
ในวันสุดท้ายของการมาเยือนวังไหลเฟิ่ง จิ่นเฟยก็เรียกหยุนชางเข้ามาหานาง "แม้ว่าเจ้าจะบอกว่าเจ้ามาเยี่ยมข้าเป็นพิเศษ แต่ข้าก็ดูออกว่าเจ้ามีอะไรอยู่ในใจ เจ้าอยากจะเล่าให้แม่ฟังไหม? แม่รู้ว่าเจ้ามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาหลายปีแล้วและไม่มีใครข้างกายที่เจ้าจะสามารถพูดในสิ่งที่เจ้าต้องการได้ แม่ไม่ต้องการเห็นเจ้าเก็บความทุกข์ทั้งหมดไว้ในใจอยู่คนเดียว"
หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดของตนเองกับจิ้งอ๋องให้นางฟัง ตั้งแต่นางรู้จักจิ้งอ๋องจนถึงคืนเปิดใจก่อนหน้านี้
จิ่นเฟยได้ฟังแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ชิงเหยียนก็เป็นคนหนึ่งที่ข้าได้เฝ้าดูเขาเติบโตมา นิสัยของเขาข้าก็พอรู้อยู่บ้าง แม้ว่าจะดูเย็นชาเล็กน้อย แต่หากอยู่ในใจเขาแล้ว เขาก็ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจ ที่จริงใจเจ้าอาจจะไม่ใช่ไม่มีเขา เพียงแต่เจ้าปกป้องตัวเองมากเกินไป ดังนั้นทุกเรื่องที่เขาทำ เจ้าจะต้องคิดว่าเขามีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ อันที่จริงสำหรับเขาแล้วมันออกจะไม่ยุติธรรมเลยใช่ไหม?"
หยุนชางอึ้งไปครู่หนึ่ง นางอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับคำพูดของจิ่นเฟย นางเคยประสบกับเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อนในชาติที่แล้ว ดังนั้นนางจึงมีกำแพงสูงกับคนอื่น นอกจากนี้จิ้งอ๋องเองก็เป็นคนเจ้าแผนการและมีความทะเยอทะยานสูง การปรากฏกายของเขาดูราวกับว่าจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ที่จริงแล้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่รู้จักเขามาจนถึงตอนนี้ที่เขาได้ใช้ประโยชน์จากนางก็ใช่ว่าไม่มี แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการช่วยเหลือนาง
จิ่นเฟยยิ้มบางๆและมองไปที่หยุนชาง "ในสถานการณ์ตอนนี้ของเรา แม้จิ้งอ๋องจะมีแผนการ แต่แผนนั้นทำร้ายเรามากน้อยเพียงใดกัน? ในแง่ของอำนาจ ตำแหน่งและอำนาจของจิ้งอ๋องแข็งแกร่งกว่าเราไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ หากจะพูดถึงด้านวางแผน เกรงว่าพวกเราคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ พวกเรามีอะไรคู่ควรมาให้เขาคิดคำนวณได้? นอกจากนี้ชางเอ๋อร์ทั้งงดงามและฉลาดเฉลียว หรือว่าเจ้าไม่มั่นใจในตัวเองและรู้สึกว่าเจ้าไม่คู่ควรแก่ความรู้สึกของจิ้งอ๋อง?" หยุนชางตกใจและอดหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นไม่ได้ มันเป็นจริงดังสำนวนที่ว่าผู้ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นมักมืดมัวส่วนผู้ไม่เกี่ยวข้องจะมองสถานการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นางคิดได้ไม่ตกเท่าเสด็จแม่ เหตุผลทั้งหมดนั้นไม่ใช่เหตุผลเลย แต่เป็นเพียงเพราะนางไม่เชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น
"ชางเอ๋อร์เข้าใจแล้ว" หยุนชางพิงอ้อมกอดของจิ่นเฟย สูดกลิ่นหอมจางๆของดอกไห่ถางบนร่างนางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ครั้งหน้าที่ได้พบเสด็จแม่ น้องชายน้องสาวก็คงจะคลอดแล้ว เสด็จแม่อยากให้เป็นน้องสาวหรือน้องชายเพคะ?"
จิ่นเฟยยิ้มและหรี่ตาลง "เด็กผู้หญิงแล้วกัน เด็กผู้หญิงจะได้ไม่ต้องลำบากมาก ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อของเจ้าต้องการให้ลูกชายมาสืบทอดตำแหน่ง แต่ตำแหน่งนั้นนองเลือดเกินไป นั่งอยู่บนนั้นจะทำตามใจทุกอย่างไม่ได้ ไม่สู้เป็นลูกสาวจะดีกว่า"
ดวงตาของหยุนชางฉายแวววิบวับ นางยิ้มบางแล้วกล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นน้องชายหรือน้องสาว ลูกก็จะปกป้องพวกเขาอย่างดี เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล"
จิ่นเฟยยิ้มและจิ้มลงบนหน้าผากหยุนชาง "เจ้ายังเป็นเด็กเกือบโตเท่านั้นเอง แต่ชางเอ๋อร์ก็ได้หมั้นหมายแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งงาน ในชั่วพริบตาชางเอ๋อร์ก็จะโตขึ้นแล้ว"
หยุนชางขอบตาร้อนผ่าว นางหลุบตาลงแล้วยิ้ม "ชางเอ๋อร์เป็นลูกของเสด็จแม่ตลอดไป"
หลังจากที่พักอีกคืนที่เมืองเฟิ่งไหล วันรุ่งขึ้นหยุนชางก็ตื่นแต่เช้า ทันทีที่ฉันออกจากวังไหลเฟิ่ง นางก็เห็นรถม้าที่งดงามจอดอยู่ด้านนอก หยุนชางคลี่ยิ้ม เสด็จแม่ช่างใส่ใจเหลือเกิน แล้วจึงขึ้นรถม้า เมื่อแหวกม่านบนรถม้ารอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อไป "เสด็จอา"
ชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนรถม้าเป็นจิ้งอ๋อง สีหน้าจิ้งอ๋องราบเรียบ เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองหยุนชาง เขาเพียงตอบรับอืมเบาๆ "ไม่เข้ามาหรือ?"
หยุนชางจึงทิ้งผ้าม่านลงและเข้าไปในรถม้า เมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามของจิ้งอ๋องแล้วก็เห็นเขายื่นถ้วยชามาให้ "ต้มชามาสักพักแล้ว ตอนนี้ดื่มกำลังพอดี"
หยุนชางพยักหน้ารับ "ขอบพระทัยเพคะ เสด็จอา"
"ไปกันเถอะ" จิ้งอ๋องกล่าวกับคนขับรถม้าที่อยู่ด้านนอก คนขับรถม้าตอบรับคำหนึ่งและรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่
ที่ประตูวัง จิ่นเฟยค่อยๆเดินออกมาจากด้านข้างช้าๆ มองดูรถม้าที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากของนาง
"เหนียงเหนียง ท่านแอบให้จิ้งอ๋องมารับองค์หญิงเช่นนี้ องค์หญิงจะไม่โกรธหรือเพคะ?" เจิ้งมามากังวลเล็กน้อย
จิ่นเฟยส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เกรงว่าชางเอ๋อร์คงไม่รู้ด้วยซ้ำ ที่นางไม่ชัดเจนกับความสัมพันธ์ของนางกับจิ้งอ๋องนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะชอบจึงได้ใส่ใจ คงมีวันหนึ่งนางจะคิดออก ข้าหวังว่านางจะมีความสุข"
ในรถม้าหยุนชางกัดริมฝีปาก จิ้งอ๋องรู้ได้อย่างไรว่านางอยู่ที่เมืองเฟิ่งไหล เป็นไปได้ไหมที่เสด็จแม่จะบอกเขา? เขามารับนางได้อย่างไร?
จิ้งอ๋องไม่ได้มองหยุนชาง แต่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่ เขาพลิกหน้าหนังสือแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "เจ้าหายไปอย่างกะทันหัน ข้ารับใช้ของเจ้ากระวนกระวายจะแย่อยู่แล้วจึงมาหาข้า ให้ข้าช่วยสืบหาให้หน่อยจึงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ตอนนี้ที่เมืองหลวงกำลังยุ่งเหยิงวุ่นวาย มันไม่ปลอดภัยข้าจึงมารับเจ้า"
หยุนชางแอบอุทานกับตนเองในใจว่าแย่แล้ว นางมาอย่างมีความสุขแต่กลับลืมไปว่านางแอบลอบออกมาจากวัง หากถูกพบเข้าต้องไม่ดีแน่
หยุนชางจึงรีบดึงแขนของจิ้งอ๋องและพูดอย่างร้อนรน "เสด็จพ่อรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่นี่? แย่แล้ว เรื่องที่ข้าออกจากวังนี้ข้าไม่ได้บอกเขา"
จิ้งอ๋องชะงักไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงแล้วว่า "ข้าบอกเข้าว่าข้าจะพาเจ้าไปที่วิหารแคว้นหนิงเพื่ออธิษฐาน"
หยุนชางเก็บมือกลับมาแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่เรื่องที่เสด็จพ่อรู้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น แต่หากถูกใครรู้เข้าแล้วใช้ประโยชน์จากมันก็จะรับมือยาก หากจิ้งอ๋องพานางไปที่วิหารแคว้นหนิงเพื่ออธิษฐานขอพรมันก็ดูสมเหตุสมผล
หยุนชางหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเองและไม่ได้สังเกตเห็นแววผิดหวังในดวงตาของจิ้งอ๋องยามนางชักมือกลับ
"ที่ข้าไม่อยู่สองสามวันมานี้ เกิดอะไรขึ้นในเมืองหลวงบ้าง?" หยุนชางถามขึ้นอีกครั้ง
จิ้งอ๋องหยุดความคิดของเขา "ฝ่าบาทแต่งตั้งให้อัครมหาเสนาบดีต้อนรับคณะทูตของแคว้นเย้หลางและแคว้นเซี่ย การกักบริเวณของฮองเฮาถูกยกเลิกและวังหลังมีเจาอี๋คนใหม่เพิ่มเข้ามา"
หยุนชางเบ้ปาก เป็นไปตามที่นางคาดไว้ ตั้งแต่มหาเสนาบดีกุมอำนาจ คณะทูตก็เป็นเขาที่คอยต้อนรับ ดังนั้นตั้งแต่ปีที่แล้วหลังจากที่รู้ว่าแคว้นเย้หลางและแคว้นเซี่ยกำลังจะส่งคนมาเยือน นางจึงไม่ได้ทำให้ถอดถอนฮองเฮาและหัวจิ้งอย่างสมบูรณ์ แต่เพียงทำให้เสด็จพ่อเสียความไว้วางใจในตัวพวกเขาเท่านั้น รอหลังจากที่นางทำให้ตระกูลหลี่สิ้นอำนาจไปทีละน้อยแล้ว ฮองเฮาและหัวจิ้งก็ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป