ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 144 พระราชินีเสียอำนาจไป
"แม้แต่เรื่องเลวร้ายเช่นนี้เจ้าก็สามารถทำออกมาได้ เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ? เสด็จแม่สั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?" หยุนชางเห็นว่านางกำลังลังเล และนางทราบดีว่าซิ่วซินมิใช่คนธรรมดาที่จัดการได้ง่ายๆ หากว่านางได้ทราบรายละเอียดของเรื่องแล้ว นางจะพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นหากนางได้พูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกมา แผนของตนก็จะล้มเหลว นางจึงจงใจกวนใจ เพราะซิ่วซินนั้นจงรักภักดีต่อพระราชินีเสมอมา และแน่นอนว่านางต้องยอมแบกรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตนเอง และไม่ยอมที่จะให้พระราชินีมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
และผลเป็นไปอย่างที่นางคิด ทันทีที่ซิ่วซินได้ยินเช่นนี้ นางก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีกแล้ว จึงถวายบังคมต่อจักรพรรดิหนิง " ฝ่าบาททรงใจเย็นเพคะ เรื่องนี้เป็นแผนการของหม่อมฉันเพียงผู้เดียวเพคะ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชินีเพคะ วันนั้นหม่อมฉันเห็นว่าพระราชินีทรงให้องค์หญิงฮุ่ยกั๋วไปอวยพรแสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติของพระชายาซุ่นชิ่งอ๋อง หนำซ้ำท่านกลัวว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วจะไม่มีของที่จะนำไปถวาย จึงได้นำหยกลูกท้อมงคลมรกตที่ล้ำค่าอย่างมากให้องค์หญิง หม่อมฉันไม่โปรดองค์หญิงมานานแล้ว องค์หญิงฮุ่ยกั๋วมิใช่พระราชธิดาของเหนียงเหนียง แต่ทว่าฝ่าบาททรงปฏิบัติต่อนางดีกว่าองค์หญิงหัวจิ้งเป็นอย่างมาก หม่อมฉันรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมต่อพระราชินีเพคะ ตั้งแต่ที่พระราชินีเข้าพระราชวังมา ท่านก็ทรงเป็นพระราชินี พระมเหสี และพระมารดาที่ดี มีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นที่ทราบถึงความยากลำบากของท่าน หม่อมฉันจึงคิดว่า หากหม่อมฉันสามารถกำจัดองค์ฮุ่ยกั๋วไปได้ พระราชินีก็คงจะสุขสบายมากยิ่งขึ้น หม่อมฉันจึงตัดสินใจโดยมิได้รับอนุญาตจากท่าน และสั่งทำลูกท้อมงคลมรกตตัวปลอมขึ้นมา และไปหาพระชายาจวิ้นอ๋องเพคะ"
มีเหงื่อออกเล็กน้อยจากพระหัตถ์ของฮองเฮา จนทำให้ผ้าซับพระพักตร์ในมือของนางเปียกชุ่ม เจ้าซิ่วซิน เหตุใดเจ้าจึงมาทำอะไรที่เหลวไหลในยามสำคัญเช่นนี้? แค่คิดก็รู้แล้วว่านี่เป็นกับดัก ไม่ต้องพูดถึงว่าพระชายาซุ่นชิ่งอ๋องมิเป็นอันตรายใดๆ แค่นี้ก็มากพอที่จะสงสัยแล้ว อีกทั้งสิ่งที่พระชายาจวิ้นอ๋องกล่าวมาเมื่อสักครู่นั้น ทั้งเรื่องถุงหอมหรืออะไรก็ตาม แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่ทราบ แต่นางรู้ดี นางไม่เคยสั่งให้ซิ่วซินทำเช่นนี้เลย
เพียงแต่ว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่สามารถช่วยกระไรได้ พระชายาจวิ้นอ๋องสารภาพผิดไปแล้ว แม้แต่ซิ่วซินก็แบกรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตน แล้วนางจะทำอะไรได้อีก เกรงว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็คงไม่ไว้ใจตนอีกต่อไป เกรงว่าครั้งนี้แม้เสด็จพ่อก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้ ฮองเฮารู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นๆ ที่หยดลงมาจากหน้าผากของตน และตอนนี้แม้แต่เอ่ยปากกล่าวบางอย่างนางก็รู้สึกว่ายากเย็นเหลือเกิน ผ่านไปอยู่นาน นางก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าเศร้าโศก " หม่อมฉันดูแลนางกำนัลได้ไม่เข้มงวดมากพอเพคะ ฝ่าบาทโปรดลงโทษหม่อมฉันได้เลยเพคะ"
จักรพรรดิหนิงหลับตาลง ใบหน้าขาวซีด ช่างดีเหลือเกิน ราชินีของตนคิดจะใส่ร้ายพระราชธิดาของตน อีกทั้งตอนนี้ซิ่วซินยอมรับความผิดทั้งหมดไว้ที่ตน และยังมีเสนาบดีคอยคุ้มกันให้ แม้ว่าตนจะทราบเป็นอย่างดีว่าส่วนใหญ่เป็นความคิดของฮองเฮา แต่ก็ไม่สามารถทำกระไรนางได้ เมื่อนึกถึงที่ตนเองที่ไม่สามารถปกป้องแม้แต่พระราชธิดาที่หญิงสาวสุดโปรดปรานของตนให้กำเนิดได้ จึงรู้สึกอ้างว้างมากยิ่งขึ้น
"ทหาร ซิ่วซินจงใจคิดจะประสงค์ร้ายต่อพระราชธิดา ดึงมันออกมาแล้วเฆี่ยนจนถึงแก่ชีวิต พระราชินีมิอาจสั่งสอนนางกำนัลของตนได้ จึงลงโทษให้คัดลอกพระคัมภีร์ในวังซีอู๋ หากมิได้รับอนุญาต ห้ามออกจากวังซีอู๋แม้แต่ก้าวเดียว" จักรพรรดิหนิงหลับตาลงเล็กน้อยและมีเส้นเลือดจาง ๆ อยู่บนหน้าผากของพระองค์
มีทหารเข้าไปเตรียมนำตัวซิ่วซินออกไป แต่ซิ่วซินสงบอย่างมาก นางกราบฮองเฮาไปสามครั้ง และกล่าวว่า " หม่อมฉันขอประทานโทษนะเพคะพระราชินี ความกรุณาธิคุณของเหนียงเหนียงหม่อมฉันจะมาชดใช้ในชาติหน้าเพคะ"
ซิ่วซินติดตามตนมานานหลายปี เป็นการโกหกหากจะบอกว่าตนไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อนาง ฮองเฮามองดูซิ่วซินเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าโศก จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน " ซิ่วซินกูกูไปดีเถิด ข้าขอส่งเพียงเท่านี้" เมื่อกล่าวจบก็ทรงหันหลังกลับและก้าวออกจากตำหนักฉินเจิ้งไป
ซิ่วซินออกไปพร้อมกับทหาร จักรพรรดิหนิง เงยหน้าขึ้นมองหยุนชางที่มีสีหน้าเศร้าโศกอย่างมาก จึงถอนหายใจและทรงตรัสว่า " ชางเอ๋อร์วันนี้เจ้าคงตกใจอย่างมาก พระอนุชาโปรดส่งนางกลับไปที่ตำหนักชิงซินเถิด พระชายาจวิ้นอ๋องก็ให้ซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายานำตัวกลับไปลงโทษเสีย นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเจ้า เจิ้นก็จะไม่ยุ่งวุ่นวาย"
เมื่อทุกคนเห็นจักรพรรดิหนิงยกมือขึ้นถูขมับ ก็ทราบว่าพระองค์คงเหนื่อยจากเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ทุกคนก็ถอยกลับไป
หลังจากออกจากตำหนักฉินเจิ้งแล้ว หยุนชางก็หันหน้าไปกล่าวกับจิ้งอ๋องว่า " ตำหนักชิงซินอยู่ไม่ไกลนัก ชางเอ๋อร์จำทางได้เพคะ ดังนั้นขอไม่รบกวนเสด็จอานะเพคะ"
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์กำลังจะขอให้ข้าขัดต่อพระราชกฤษฎีกาหรือ? ข้ามิอาจรับโทษนี้ได้หรอก หากว่าชางเอ๋อร์มิอยากให้ข้าไปส่ง ก็ไปทูลกับฝ่าบาทให้ชัดเจนแล้วกัน"
หยุนชางกัดฟัน ใช้โอกาสที่ทราบว่าวันนี้ตนจะไม่รบกวนเสด็จพ่ออีก จึงกล้าพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่? หยุนชางเหลือบมองเขาด้วยสายตาที่แหลมคม จากนั้นจึงหันหลังเดินไปข้างหน้า
มุมปากของจิ้งอ๋องมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เขาตามนางไปโดยไม่รีบร้อน แต่ก็กล่าวพึมพำว่า "วันนี้ชางเอ๋อร์เล่นบทบาทนั้นได้ดีเยี่ยมเสียจริง หากว่าข้าไม่รู้จักชางเอ๋อร์มาก่อน ข้าคงคิดว่าชางเอ๋อร์เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในพระราชวังนี้เสียแล้ว"
หยุนชางหยุดชะงัก และยิ้มมุมปากขึ้นมา "หากพูดถึงเรื่องการแสดง ชางเอ๋อร์คงสู้เสด็จอามิได้หรอกเพค่ะ ทั้งๆ ที่มิได้โปรดปรานนัก แต่กลับทำเหมือนว่าตนเองมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อชางเอ๋อร์ คนที่ไม่ทราบเรื่องราวคงคิดว่าเราทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์มาระยะหนึ่งแล้ว เสด็จอาทำเช่นนี้จะทำให้หญิงสาวเสียชื่อนะเพคะ คิดๆ แล้วคงจะทำเรื่องเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ใช่หรือไม่? ตอนนี้หยุนชางมีอายุเพียง15ปี แต่เสด็จอาจะ30แล้ว จริงอยู่ที่ว่าวัวแก่กินหญ้าอ่อน"
จิ้งอ๋องประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเห็นนางพูดจาแหลมคมเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ชางเอ๋อร์พูดเก่งเสียจริง เจ้าเป็นหญ้า ข้าคือวัวแก่ กินหญ้านั้นเป็นหน้าที่ของวัวอยู่แล้วมิใช่หรือ?"
หยุนชางรู้สึกชะงัก จึงจ้องมองเขาอย่างดุดัน และไม่สนใจอีกต่อไป
จิ้งอ๋องก็ไม่อยากยั่วยุนางอีก จึงตามหยุนชางไป เมื่อไปถึงที่ตำหนักชิงซิน เขาไม่สนว่าหยุนชางจะเชิญหรือไม่ก็ตาม ก็ก้าวเข้ามา ฉินยีและเฉี่ยนอินเห็นว่านานแล้วหยุนชางก็ยังไม่กลับมา แม้ว่าจะทราบความสามารถของหยุนชางอยู่แล้ว แต่ก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น พวกนางก็รีบทักทาย "องค์หญิงเจ้าคะ ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
เมื่อเห็นจิ้งอ๋องที่ตามหลังมาจึงตกตะลึง "ขอถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ"
หยุนชางจึงทราบว่าเขาเข้ามาในตำหนักชิงซินอย่างดื้อด้านเช่นนี้ สีหน้าของนางก็แย่ลงทันที " เสด็จพ่อตรัสเพียงแค่ว่าให้ท่านส่งชางเอ๋อร์กลับมาที่ตำหนัก แต่มิได้สั่งให้ชางเอ๋อร์ต้อนรับท่าน ท่านอ๋องโปรดกลับเถิดเพคะ"
หัวใจของฉินยีสั่นสะท้านอย่างหนัก ทุกคนทราบดีว่าระหว่างองค์หญิงและจิ้งอ๋องนั้นเป็นสมรสพระราชทาน อีกทั้งตนและฉินยีได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวว่า แม้ว่าจิ้งอ๋องจะดูเย็นชาไปบ้าง แต่ก็เป็นคนที่สามารถไว้วางใจได้ ดังนั้นก็ดีใจที่ได้เห็นการสมรสนี้ อีกอย่างวันที่ฝ่าบาททรงพระราชทานสมรสนั้น องค์หญิงมิได้มีข้อปฏิเสธแต่อย่างใด จึงคิดว่าท่านก็คงจะเต็มใจเช่นกัน แต่ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงจะทำสีหน้าเช่นนี้ต่อท่านจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องนั้นเป็นท่านอ๋องสุดเยือกเย็นที่โด่งดังอย่างมาก หากว่าท่านทรงพิโรธขึ้นมาจริงๆ ละก็ จะทำอย่างไรดี
ฉินยีแอบเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของจิ้งอ๋อง แต่พบว่าท่านมิได้โกรธเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มแย้มเสียอีก และนางกำลังจะพูดบางอย่างแทนองค์หญิง จิ้งอ๋องก็ทรงเอ่ยปากก่อน " เมื่อสักครู่นั้นองค์หญิงโกรธเคืองข้าเล็กน้อย ไม่เป็นอันใดหรอก ตลอดทางที่กลับมานั้นองค์หญิงตัวเย็นเล็กน้อย มือของนางเย็นมาก พวกเจ้าไปนำน้ำร้อนมาอุ่นมือองค์หญิงหน่อยแล้วกัน"
ฉินยีเงยหน้าขึ้นและสบตากับเฉี่ยนอิน จึงพยักหน้า ขณะที่กำลังจะถอยกลับ ก็ได้ยินหยุนชางพูดขึ้นมาว่า " พวกเจ้าเป็นคนของใครกันแน่? ข้ายังมิได้เอ่ยปาก แล้วใครสั่งให้พวกเจ้าไป?" ฉินยีและเฉี่ยนอินก็ไม่กล้าขยับอีก
พวกนางรู้สึกกังวล แล้วได้ยินจิ้งอ๋องถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ "ข้าก็แค่หยอกล้อกับเจ้าเพียงเท่านั้น ข้าไม่ทราบว่าเจ้าจะไม่ยอมคนเช่นนี้ หากว่าเจ้าไม่ชอบ จะลงมือกับข้า หรือดุว่าข้าก็ย่อมได้ ข้าก็อยู่ตรงนี้ เจ้าจะลงโทษเช่นไรก็ลงโทษได้เลย"
คำพูดนี้ดูมีความอ้อนวอนเล็กน้อย ฉินยีและเฉี่ยนอินต่างตกตะลึงอย่างมาก โดยปกติแล้วตนก็อยู่กับองค์หญิงตลอดเวลา แล้วองค์หญิงทรงคุ้นเคยกับจิ้งอ๋องเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหตุในพวกตนจึงไม่ทราบ? เฉี่ยนอินนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่อยู่ชายแดน องค์หญิงทรงอาศัยอยู่ในกระโจมเดียวกับท่านอ๋องเชียวนะ ตอนนั้นตนคิดว่าองค์หญิงเป็นรุ่นหลังของท่านอ๋อง และท่านอ๋องก็ทรงเลี่ยงออกไปข้างนอกทุกคืน ดังนั้นจึงไม่ได้กล่าวกระไรเลย เป็นไปได้ไหมว่าช่วงที่ตนไม่อยู่นั้น? เฉี่ยนอินรู้สึกแปลกๆ อยู่ในใจ มิน่าล่ะวันนั้นที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องขึ้น องค์หญิงทรงเป็นห่วงเช่นนั้น จนกระทั่งตามตัวทุกคนไปช่วยท่านอ๋องตนเอง
นางคิดขึ้นมาได้อีกว่า โชคดีที่หลังกลับมาได้ไม่นาน จักรพรรดิก็ทรงพระราชทานสมรสให้กับองค์หญิงและจิ้งอ๋อง ไม่อย่างนั้นมีหลายคนในค่ายได้เห็นรูปหน้าขององค์หญิงแล้ว หากว่าวันหลังข่าวนี้ถูกปล่อยออกไป ก้เกรงว่าชื่อเสียงขององค์หญิงจะเสียหาย
และวันนี้ก็เห็นว่าท่านอ๋องนั้นเชื่อฟังองค์หญิงอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ทราบว่าองค์หญิงทรงพิโรธเพราะเหตุอันใด แต่สามารถได้พบจิ้งอ๋องอ้อนวอนองค์หญิงเช่นนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เห็นได้ยากมาก
แน่นอนว่าหยุนชางไม่ทราบว่าสาวใช้ของตนคิดเรื่องนี้มากเพียงใด นางรู้สึกเพียงแค่ว่า เพราะเหตุใดโลกนี้จึงมีคนที่หน้าด้านเช่นนี้ นางจึงยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า " ที่นี่ไม่มีผู้อื่น เสด็จอาไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเช่นนั้นหรอกเพคะ นางกำนัล น้อมส่งท่านอ๋องกลับไปเถิด…"