ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 134 พินิจพิเคราะห์ (สอง)
ฆาตกรทำเช่นนี้ แต่ต้องการหาแพะรับบาป
"ช่วงสองวันนี้ หัวจิ้งอยู่ที่วิหารต้าหลี่ มีคนเคยไปเยี่ยมนางหรือไม่?" หยุนชางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเมื่อนึกถึงหัวจิ้ง ได้ยินมาว่าคุกในวิหารต้าหลี่ดีมาก ไม่รู้เรื่องหัวจิ้ง องค์หญิงที่นิสัยเสียตั้งแต่เด็ก จะอยู่สบายไหม?
เฉี่ยนอินรีบกล่าวว่า "หลี่อิ๋งอิ๋งจากจวนมหาเสนาบดีได้ไปเยี่ยมองค์หญิงหัวจิ้งเพคะ ได้ยินมาว่าคุณหนูหลี่ตำหนิตนเอง ร้องไห้ฟูมฟาย องค์หญิงหัวจิ้งก็ทรงมีพลังมากเช่นกัน นางดุคุณหนูหลี่เกือบครึ่งชั่วโมง"
"อ๋อ? หลี่อิ๋งอิ๋ง?" หยุนชางพลิกหน้าหนังสือในมือ "พิษของนางขจัดออกได้หมดหรือยัง"
"ได้ยินมาว่าไม่เป็นไรมากแล้ว แต่นางก็ยังหน้าซีดเซียว เหมือนจะไอบ้างเล็กน้อย นอกเหนือจากนี้ก็ไม่เป็นอะไรเพคะ คุณหนูหลี่อะไรนั่นยังกล้าที่จะกล่าวหาองค์หญิง ทำไมไม่วางยาให้ตายไปเลยเพคะ องค์หญิง ในวันที่หม่อมฉันไปที่หอพระราชสมบัติ ควรจะวางยาพิษที่แรงลงบนผีผา ดูสิว่านางยังจะอวดดีได้อีกไหม!" เฉี่ยนอินพูดอย่างโกรธๆ
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "พอเถอะ โชคดีที่หลี่อิ๋งอิ๋งไม่เป็นไร ข้าได้ยินมาว่า นางได้รับความโปรดปรานในจวนของมหาเสนาบดี ถ้านางตายจริงๆ ท่านเสนาบดีหลี่จะไม่ฆ่าข้าเหรอ?"
ฉินยีเปิดม่านแล้วเดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิง ข้างนอกมีพระอาทิตย์ออกแล้วเพคะ เราไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงดีไหมเพคะ? พักนี้หิมะตกทุกวัน ยากที่จะได้เห็นพระอาทิตย์
ไปผึ่งแดดในเวลาเช่นนี้จะอบอุ่น รู้สึกสบาย นะเพคะ"
หยุนชางยิ้มและพยักหน้า "ก็ดี เอาแต่นอนบนฟูกกระดูกก็อ่อนไปหมดแล้ว ไปกันเถอะ" หยุนชางลุกขึ้นและสวมรองเท้า เนื่องจากมีแดดออก หยุนชาวจึงสั่งแค่เอาเสื้อคลุมหนาๆหน่อยก็ออกไป
"องค์หญิง ดูสิเพคะ ที่นั่นมีดอกเหมยขี้ผึ้งอยู่ที่นั่น มันถูกภูเขาเทียมบังไว้ หม่อมฉันไม่เคยได้เห็นในก่อนหน้านี้ ดอกเหมยขี้ผึ้งมีกลิ่นหอมกว่าดอกเหมยนิดหน่อย หม่อมฉันไปเด็ดมันมาให้องค์หญิงเอากลับไปใส่แจกันนะเพคะ" เฉี่ยนอินหัวเราะและชี้ไปที่ดอกเหมยขี้ผึ้งสองสามกิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังภูเขาเทียม นางเดินไปด้วยความสุขเล็กน้อย พอเดินไปครึ่งทาง แต่จู่ๆ ก็หยุด เห็นว่านางดูผิดปกติเล็กน้อย หยุนชางก็เดินตามไป
"เด็ดมากกว่านี้หน่อย ไท่เฟยเหนียงเหนียงชอบดอกเหมยขี้ผึ้ง เด็ดอีกสักสองสามกิ่ง ไปใส่ในแต่ละห้องโถง ไท่เฟยเหนียงเหนียงเสด็จไปไหนก็จะสามารถได้กลิ่นของดอกเหมยขี้ผึ้งได้ทุกที่ คงจะมีความสุขอย่างแน่นอน" เสียงของนางกำนัลคนหนึ่งดังขึ้น
จากนั้น ก็มีเสียงตอบรับจากกงกงท่านหนึ่ง "แต่ตอนนี้พระวรกายของฮองเฮาก็ทรงหายดีแล้ว พระสนมในตำหนักต่างๆก็ไม่ได้มาถวายพระพรที่ตำหนักฉางชุนของเราแล้ว มีความเงียบเหงาไม่น้อย แต่ถึงแม้จะไม่ได้มาถวายพระพรที่ตำหนักเรา ฮองเฮาก็มิได้ทรงนำตราประทับของฮองเฮากลับคืนไปเลย ดูเหมือนฝ่าบาทไม่ได้สั่งให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงเอาตราประทับของฮองเฮาคืนให้แก่ฮองเฮาเลย"
นางกำนัลตอบว่า "ใช่ วันนั้นตราประทับของฮองเฮาถูกขโมย ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะทรงเกรี้ยว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่มันแปลกนะ ทั้งๆที่ค้นภายในและภายนอกตำหนักฉางชุนก็ไม่พบตราประทับของฮองเฮา ทำไมจู่ๆ ถึงได้เจอมันอยู่ใต้หมอนของปี้เหยียนได้นะ…"
ดูเหมือนนางกำนัลจะยิ้ม "บางทีอาจจะหาได้ไม่ละเอียดพอ เร็วเข้า กิ่งนั้น กิ่งนั้น ตูมดอกนั้นใหญ่มาก มันจะบานออกทันทีหลังจากกลับไปปักที่แจกัน และสามารถเก็บไว้ได้อีกสองสามวัน"
ดวงตาของหยุนชางมืดมน หันหลังพาเฉี่ยนอินและฉินยีจากไป
ฝีเท้าของหยุนชางเริ่มเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ฉินยีมองไปยังทิศทางของหยุนชางราวกับว่าไม่ใช่ตำหนักชิงซิน จึงรีบกล่าวว่า "องค์หญิง ท่านจะไปไหนเพคะ"
หยุนชางหยุด มีรอยยิ้มอันเย็นชา "ฉินยี ดูเหมือนข้าจะรู้ว่าใครคือฆาตกรที่ทำร้ายเสด็จแม่…" หลังจากหยุนชางพูดจบ นางก็ยกเท้าขึ้นและเดินไปข้างหน้า ฉินยี หยุดชะงัก จากนั้นนางก็ตระหนักว่านี่ดูเหมือนจะเป็นทางไปสู่ตำหนักฉินเจิ้ง
หัวหน้าเจิ้งเห็นหยุนชางมาแต่ไกล จึงยิ้มและเข้าไปรับเสด็จ "องค์หญิงมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ในตำหนักสนทนากับจิ้งอ๋อง องค์หญิงโปรดรอสักครู่ กระหม่อมจะไปทูลฝ่าบาท"
จิ้งอ๋อง? หยุนชางผงะไปครู่หนึ่งและกำลังจะพูดว่าตนจะกลับไปก่อน รอสักครู่ค่อยมาใหม่ แต่หัวหน้าเจิ้งได้เปิดประตูตำหนักฉินเจิ้งและเดินเข้าไปแล้ว
ในใจของหยุนชางไม่ต้องการที่จะพบจิ้งอ๋องเล็กน้อย ตอนนี้พระราชโองการได้ออกกมาแล้ว เกรงว่าคนในเมืองหลวงจะรู้แล้ว แม้ว่านางจะตัดสินใจทำลายการแต่งงานครั้งนี้ แต่นางก็ยังคิดวิธีที่ดีไม่ได้ ตอนนี้เรื่องของเสด็จแม่สำคัญกว่า "องค์หญิง ฝ่าบาทเชิญพบพ่ะย่ะค่ะ" หัวหน้าเจิ้งเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม
หยุนชางพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องโถงด้านใน จักรพรรดิหนิงประทับบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะของจักรพรรดิ จิ้งอ๋องนั่งข้างๆ ทั้งสองดูเหมือนจะกำลังคุยอะไรกันอยู่ เมื่อได้ยินฝีเท้าของหยุนชาง ทั้งคู่ก็หยุดพูด หันไปมองที่หยุนชาง
หยุนชางคำนับต่อจักรพรรดิหนิง เดินไปด้านข้างและนั่งลง "ชางเอ๋อร์มีเรื่องจะปรึกษาเสด็จพ่อ แต่ดูเหมือนเสด็จพ่อและเสด็จอาจะคุยเรื่องสำคัญอยู่ ชางเอ๋อร์จะรอที่นี่เพคะ"
จิ้งอ๋องจ้องมองไปที่หยุนชาง เดิมสายตาที่เย็นชาของเขาก็อ่อนลงในทันที ทำให้จักรพรรดิหนิงผู้ซึ่งแอบมองทั้งสองคนอย่างลับๆต้องตะลึง แววตาของพระองค์ก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเล็กน้อย
"ข้ากำลังหารือกับจิ้งอ๋อง เพิ่งจะปีใหม่ เมื่อจัดการสิ่งต่างๆในวังแล้ว ข้าจะไปที่วิหารแคว้นหนิง เพื่อจุดธูปถวายเครื่องหอม เจ้าได้รับการดูแลจากเจ้าอาวาสอู๋น่ามาหลายปีแล้ว และเจ้าอาวาสอู๋น่าก็ช่วยข้าทำงานหนักมากมาย ข้าควรไปขอบคุณท่านด้วยตัวเอง" จักรพรรดิหนิงยิ้มเล็กน้อย
เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดนั้น ก็คิดในใจครู่หนึ่งก่อนจะพูดเบาๆว่า "ตามพระทัยเสด็จพ่อเพคะ แต่ทุกวันนี้หิมะตกตลอด บนถนนหิมะอาจมากพอควร อาจทำให้เสด็จลำบากเพคะ"
"ชางเอ๋อร์วางใจได้เลย ประเดี๋ยวข้าจะให้คนกวาดหิมะบนถนนสายนี้ล่วงหน้า" จิ้งอ๋องเกี่ยวที่มุมปากเล็กน้อย แววตาของเขาอ่อนโยน
หยุนชางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำว่า "ชางเอ๋อร์" ของจิ้งอ๋องที่มีความอ่อนโยนและความอ่อนหวาน แต่พูดอย่างเฉยเมยว่า "เช่นนั้นก็ดีเพคะ จะได้มิต้องพูดอีก"
จักรพรรดิหนิงยิ้มและสนทนากับจิ้งอ๋องเกี่ยวกับเครื่องหอม จากนั้นจิ้งอ๋องจึงโค้งคำนับและออกจากตำหนักฉินเจิ้ง
ทันทีที่จิ้งอ๋องจากไป หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า "เสด็จพ่อ ดูเหมือนหม่อมฉันจะรู้แล้วว่าใครคือคนที่ปองร้ายเสด็จแม่"
การแสดงออกของจักรพรรดิหนิงหยุดนิ่งทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น "โอ๋? ข้าได้ยินจากหัวหน้าเจิ้ง ก่อนหน้านี้เจ้าได้ไปตรวจสอบศพของนางกำนัลนั่นโดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าเจ้าได้พบบางสิ่งบางอย่าง หัวหน้าเจิ้งกล่าวว่าเจ้าพบร่องรอยของตะไคร่น้ำในเล็บของนางกำนัล เป็นไปได้ไหมว่า นางกำนัลคนนั้นเป็นคนทำงั้นหรือ นางกำนัลคนนั้นคือคนของตำหนักฉางชุน หรือว่า…"
แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้ตรัสออกมา แต่หยุนชางก็รู้ว่าจักรพรรดิหนิงพูดถึงใคร หยุนชางส่ายหัวและพูดว่า "แม้ว่าหมิงไท่เฟยจะเข้าร่วมด้วย นับได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ว่า ผู้ที่ทิ้งตะไคร่น้ำระหว่างทาง มิใช่นางเพคะ ในวันนั้นตราประทับของฮองเฮาในวังฉางชุนถูกขโมยไป และหมิงไท่เฟยก็คุมตัวเหล่ากงกงและนางกำนัลในวังไว้ทั้งหมด นางกำนัลที่เสียชีวิตในบ่อน้ำเมื่อเช้านี้แทบจะไม่ได้ออกจากตำหนักฉางชุนเลยเพคะ…"
"แล้วเป็นใคร" หนิงตี้พูดอย่างเคร่งขรึม
หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ในวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนในตำหนักจินหลวนสามารถหลุดพ้นข้อสงสัยได้ ผู้คนในตำหนักอื่น หม่อมฉันได้ถามแล้วเพคะ ทุกคนต่างได้รับการตรวจสอบที่ตำหนักของตน และองครักษ์ในวังล้วนเป็นของเสด็จพ่อ มันเป็นไปไม่ได้เลย"
"ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด ก็จะไม่มีใครแล้ว…" จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
หยุนชางส่ายหัว "เสด็จพ่อ ท่านลองนึกดูดีๆ ใครคือผู้ที่อยู่ในตำหนักเพียงครู่เดียวในวันนั้น?"
จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหยุนชาง "เจ้าหมายถึงหลี่อิ๋งอิ๋ง?"
หยุนชางพยักหน้า "คนที่ปองร้ายเสด็จแม่คือนาง"
"แต่วันนั้นนางถูกวางยาพิษ แม้ว่าจะไม่ถูกพิษก็ตาม มีคนอยู่ทุกหนทุกแห่งในวังแห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างแผนนี้ได้" จักรพรรดิหนิงไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันไปที่อุทยานหลวง บังเอิญได้ยินการสนทนาของนางกำนัลในตำหนักฉางชุนพูดถึง การหายไปของตราประทับของฮองเฮาในวันนั้น นางกำนัลกล่าวว่า วันนั้นไท่เฟยเหนียงเหนียงตรัสว่าตราประทับของฮองเฮาหายไป ก็ค้นหาในตำหนักก่อน แต่แล้วไม่พบอะไร จึงมาทูลรายงานเสด็จพ่อ ปิดตำหนักทั้งหมดในวัง และส่งองครักษ์ไปค้นตำหนัก แต่สุดท้ายก็พบตราประทับในตำหนักฉางชุนเอง ชางเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มีโอกาสมากที่ตราประทับของพระฮองเฮาจะมิได้สูญหายเลย หมิงไท่เฟยแค่หาข้ออ้าง ให้คนในวังทั้งหมดอยู่ในตำหนัก ด้วยวิธีนี้ทางที่เสด็จแม่ประสบอุบัติเหตุ ก็จะไม่มีใครอยู่เลย…"
หยุนชางเห็นว่าการท่าทีของจักรพรรดิหนิงค่อยๆเคร่งขรึม แล้วพูดต่อ "หม่อมฉันได้ยินมาว่า หลี่อิ๋งอิ๋งไปที่วิหารต้าหลี่เยี่ยมพี่หญิง สีหน้าของหลี่อิ๋งอิ๋งซีดเล็กน้อย ดูเหมือนมีอาการไอเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นอาการของโรคหวัด แต่ว่า ในวันนั้น หลี่อิ๋งอิ๋งถูกวางยาพิษนะเพคะ ตอนหลี่อิ๋งอิ๋งเข้ามาในห้องโถงในวันส่งท้ายปีเก่า นางคลายให้เสื้อคลุมแก่กงกงเก็บ ในห้องโถงมีเตาถ่านอยู่ ถ้าหลี่อิ๋งอิ๋งอยู่ในวัง จะไม่เป็นหวัดแน่นอน ซึ่งแสดงว่าหลี่อิ๋งอิ๋งได้ออกไป"
"เสด็จพ่อ ท่านจำได้ไหมว่า เดิมทีชางเอ๋อร์ตั้งใจจะไปดูหลี่หยิงอิ๋งอิ๋ง แต่จู่ๆพี่หญิงก็พูดคำพูดเพื่อปลุกเร้าหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่ได้ไป ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว เกรงว่าพี่หญิงก็จะมีส่วนในเรื่องนี้ด้วย พี่หญิงกลัวว่า ชางเอ๋อร์ไปที่ตำหนักข้างแล้ว จะพบว่าหลี่อิ๋งอิ๋งไม่ได้อยู่ในตำหนักข้าง จนกระทั่งชางเอ๋อร์จากไป ก็ไม่เห็นหลี่อิ๋งอิ๋งอีกเลย ชางเอ๋อร์ส่งคนไปสอบถามเรื่องนี้ หลี่อิ๋งอิ๋งออกจากวังตอนที่หม่อมฉันพากงกงไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพคะ"