ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 131 สนมจิ่นทรงแท้งพระครรภ์
หยุนชางสลัดจิ้งอ๋องที่มากวนใจ ในหัวคาดเดาเหตุผลที่จิ้งอ๋องทำเช่นนั้น เดินมุ่งไปยังตำหนักชิงซิน เท้าของนางก็ลื่นไถล กำลังจะล้มลง เฉี่ยนหยินที่อยู่ข้างหลังรีบก้าวเข้ามา รับร่างของหยุนชางไว้
หลังจากที่หยุนชางยืนมั่น ก้มศีรษะลงและมองดู นี่เป็นทางเดียวที่จะไปวังหลัง คนในวังได้กวาดหิมะบนทางไปแล้ว เพียงแต่ ใต้เท้าของหยุนชาง มีตะไคร่น้ำบนพื้น..ที่เปียก…
หยุนชางผงะ ก้มลง ตะไคร่น้ำนี้ไม่งอกบนหิน และยังมีความชื้นอยู่ด้วย
"เอาตะเกียงมา…" หยุนชางขมวดคิ้ว นัยน์ตาจริงจังเล็กน้อย
ฉินยีรีบถือตะเกียงและเดินไปที่ด้านข้างของหยุนชาง หยุนชางรับตะเกียงมาส่องดู ต่อหน้านาง มีตะไคร่กระจายอยู่ทั่วทุกทาง หยุนชางเร่งความเร็วและเดินไปข้างหน้าครู่หนึ่ง และหลังจากทางแยกบนถนนก็ไม่มีร่องรอยของตะไคร่น้ำอีก ด้วยร่องรอยความสงสัยในใจหยุนชาง กลับไปที่ตำหนักชิงซิน หลังจากที่นางถอดเสื้อคลุม นางก็เห็นกงกงลื่นล้มข้างนอกอย่างกระทันหัน สีหน้าดูกังวลเล็กน้อยไม่สนใจใดๆรีบลุกขึ้น และกล่าวด้วยความตื่นตระหนก "องค์หญิง รีบไปพระราชวังชีอู๋เร็วเถอะพ่ะย่ะค่ะ พระสนมจิ่นล้มลง ตกพระโลหิต เกรงว่าจะแท้งพ่ะย่ะค่ะ"
ตกพระโลหิต? หัวใจของหยุนชางจมลง จากนั้นหันหลังออกจากประตูตำหนักชิงซิน
"องค์หญิง องค์หญิง อากาศหนาวสวมเสื้อคลุมก่อนเพคะ…" ฉินยีรีบหยิบเสื้อคลุมขนาดใหญ่ที่วางไว้ข้างหลังนางแล้ววิ่งออกไป
หยุนชางเร่งฝีเท้าเดินอย่างรวดเร็ว แต่ปากของนางถามกงกงที่มารายงานข้างนางว่า "พระสนมจิ่นล้มลงได้อย่างไร"
กงกงวิ่งไล่ตามฝีเท้าของหยุนชาง หอบอย่างหนักและกล่าวว่า "หลังจากออกมาจากตำหนักจินหลวน ฝ่าบาททรงสงสารพระสนมจิ่นที่ทรงตั้งพระครรภ์ จึงทรงให้พระสนมจิ่นนั่งในเกี้ยวนั่งมังกรด้วยกัน เดินไปถึงอุทยานหลวง กงกงที่ยกเกี้ยวนั่งมังกรที่อยู่ข้างหน้าก็ลื่น ล้มลง พระสนมจิ่นและฝ่าบาทตกลงมาจากเกี้ยวนั่งมังกร แต่โชคดีที่ฝ่าบาททรงกอดพระสนมจิ่นไว้ มิเช่นนั้นคงแย่กว่านี้ แต่บางทีอาจเพราะตกพระทัย พระสนมจิ่นก็ทรงตกพระโลหิตพ่ะย่ะค่ะ…… "
ล้มลง? หยุนชางขมวดคิ้ว นึกถึงตะไคร่น้ำบนทางเดินก่อนหน้านี้
หยุนชางมาถึงพระราชวังชีอู๋ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก่อนเข้าประตูวัง ก็เห็นฮองเฮากำลังเดินเข้ามาจากระยะไกล หยุนชางไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น หันหลังรีบก้าวเข้าสู่พระราชวังชีอู๋ต่อหน้าฮองเฮา
"โอ้ นี่ไม่ใช่องค์หญิงหยุนชางหรือ ทำไมถึงมาที่พระราชวังชีอู๋แล้วเพคะ องค์หญิงหยุนชางมิทรงเห็นฮองเฮาที่อยู่ด้านหลังพระองค์หรือเพคะ ไม่รู้ที่จะถวายพระพร และยังทรงเสด็จเข้าประตูวังก่อนฮองเฮา องค์หญิงหยุนชางต้องเรียนกฎระเบียบใหม่ให้ดีๆแล้วเพคะ" ด้านหลังมีเสียงของซิ่วซินกูกูที่พูดด้วยความแดกดันเล็กน้อย
หยุนชางหันศีรษะและมีแสงเย็นวาบในดวงตาของนาง "ถึงข้าจะไม่มีกฏระเบียบยังไงก็ยังเป็นองค์หญิง ถึงคราวที่ทาสอย่างเจ้ามาสอนข้ารึ?" หลังจากพูดเสร็จ นางก็วิ่งไปที่ห้องโถงด้านข้างโดยไม่คำนึงอะไร
"บังอาจ!" ฮองเฮาขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม แต่หยุนชางไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับ
หยวนเจินฮองเฮากัดฟันและพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า "กบฏแล้ว เป็นแค่องค์หญิง ถึงกับไม่มีข้าไว้สายตาของนาง!"
ฉินยีรีบตามมาและได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของฮองเฮา เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระองค์คงจะหมายถึงองค์หญิงหยุนซาง ฉินยีรู้สึกตกใจและคำนับฮองเฮา "ขอฮองเฮาโปรดประทานอภัยโทษเพคะ พระสนมจิ่นเกิดเรื่องแล้วเพคะ องค์หญิงทรงเป็นกังวล มิได้จงใจหยาบคายต่อฮองเฮาเลยเพคะ"
"อะไรนะ เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร สนมจิ่นเกิดเรื่องรึ?" ฮองเฮาดูตื่นตระหนก ดวงตาเบิกบานด้วยความปิติยินดี และนางถามอย่างรวดเร็ว
ฉินยีก้มศีรษะลง ไม่เห็นสีหน้าของฮองเฮา และเพียงตอบเบาๆว่า "เพคะ เมื่อครู่กงกงมารายงานว่ามีพระสนมจิ่นเกิดอุบัติเหตุ แม้ว่าพระสนมจิ่นและองค์หญิงจะมิได้สนิทชิดใกล้กัน แต่พระองค์ก็ทรงเป็นพระมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์หญิง ดังนั้น องค์หญิงจึงทรงเป็นกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพคะ"
ฮองเฮาไม่มีใจที่จะฟังคำอธิบายของนาง หันศีรษะสบสายตากับซิ่วซิน แล้วรีบมุ่งหน้าไปตำหนักข้าง
ทันทีที่ไปถึงตำหนักข้าง ก็เห็นหัวหน้าเจิ้งเฝ้าอยู่หน้าประตู หยุนชางก็ยืนอยู่ข้างๆ เขย่งเท้ามองเข้าไปในห้องโถง ฮองเฮาตกพระทัย ถ้ามองแบบนี้ ฝ่าบาทก็คงจะประทับอยู่ด้านในเป็นแน่ ครั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้าครั้งนี้สามารถทำให้หายนะในท้องของสนมจิ่นหายไปได้ ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าสนมจิ่นเกิดอุบัติเหตุที่ไหน ถ้าเกิดในพระราชวังชีอู๋ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะลบล้างข้อสงสัย
"เจิ้งกงกง ข้าได้ยินว่าพระสนมจิ่นเกิดอุบัติเหตุ เลยมาดู…" ฮองเฮาเงยศีรษะขึ้นและมองไปยังหัวหน้าเจิ้ง
หัวหน้าเจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยความอึดอัดว่า "ฮองเฮา ไม่ใช่ว่ากระหม่อมมิให้พระองค์เข้าไป แต่ฝ่าบาทได้สั่งไม่ให้ใครเข้าไป ฮองเฮาท่านว่า… "
ฮองเฮาหรี่ตาลง ในใจไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่ไม่สามารถยับยั้งความสุขที่หลั่งไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้ จึงเหลือบมองหยุนชาง และหันไปหาซิ่วซิน ตรัสว่า "ไปที่วัง นำเก้าอี้มาสองตัว ข้าเป็นห่วงสนมจิ่น จะรออยู่ที่นี่"
ซิ่วซินตอบอย่างรวดเร็ว ก้าวถอยหลัง และในไม่ช้าก็นำเก้าอี้มาสองตัว ตัวหนึ่งวางไว้ด้านหลังฮองเฮา และอีกตัวมอบให้หยุนชาง
หยุนชางผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองไปที่ฮองเฮา จากนั้นสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย นั่งลงบนเก้าอี้ แต่ค่อยๆเริ่มคาดเดาในใจ ตั้งแต่นางเกิดไม่มีองค์หญิงหรือองค์ชายใดเกิดในวัง เหล่าสนมที่ตั้งครรภ์ก็น้อยมาก และแม้จะตั้งครรภ์ได้ ก็ไม่มีใครที่จะคลอดตรงกำหนด พระครรภ์นี้ของสนมจิ่นเป็นที่สะดุดตาจริงๆ เหล่ากงกงที่ยกเกี้ยวนั่งมังกรล้วนได้รับการฝึกฝน หากมีเพียงความมืดและหิมะตก ก็ไม่น่าจะล้มลง…
หยุนชางยืนขึ้นและพูดกับหัวหน้าเจิ้ง "เจิ้งกงกง คนที่ยกเกี้ยวนั่งมังกรในเมื่อครู่อยู่ที่ไหน"
หัวหน้าเจิ้งพูดอย่างรวดเร็ว "คุกเข่าอยู่บนหิมะนอกพระราชวังชีอู๋พ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางพยักหน้า หันหลังออกจากประตูตำหนักข้าง พบกงกงทั้งแปดที่ยกเกี้ยวนั่งมังกร ชี้ไปที่คนหนึ่งและพูดว่า "ตามข้าไปดูที่เกิดเหตุในเมื่อครู่"
กงกงผู้นั้นตัวสั่นจากความหนาวเย็น ต้องยืนขึ้นหลายครั้งกว่าที่จะลุกขึ้นอย่างฝืนกำลัง เดินตามหยุนชางไป
การแสดงออกของหยุนชางเย็นชาเล็กน้อย "เจ้าคิดให้ดีๆ ว่าล้มลงที่ไหน"
กงกงผู้นั้นพยักหน้า และพาหยุนชางไปที่มุมหนึ่งของอุทยานหลวง "ทูลองค์หญิง ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นผู้ยกเกี้ยวหลัง กระหม่อมจำได้แค่ว่าตอนที่กำลังจะเลี้ยว จู่ๆข้างหน้าก็เอียงต่ำลงไป"
หยุนชางตอบรับคำ และหันไปหาฉินยีแล้วพูดว่า "โคมไฟ" ฉินยียื่นโคมไฟอย่างรวดเร็ว หยุนชางรับโคมไฟ มองหารอบๆบนพื้น ก็เห็นว่ามีรอยลื่นเส้นยาวอยู่บนหิน คิดว่าต้องเป็นจุดนี้ หยุนชางขมวดคิ้วและคุกเข่าตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่นาน ก็หยิบเส้นใยสีเขียวจากรอยลื่น หยุนชางหรี่ตาเล็กน้อย น่าจะมีตะไคร่น้ำที่นี่มาก่อน แต่คงจะมีคนมาจัดการแล้ว หากไม่สังเกตให้ดี จะไม่พบใยสีเขียวเลย
หยุนชางยืนขึ้นและเดินไปที่ที่นางเกือบจะล้มลงในก่อนหน้านี้เพื่อตรวจสอบ และตามที่คาดไว้ ตะไคร่น้ำที่กระจัดกระจายในระยะทางก็หายไปแล้ว
"องค์หญิง มีคนเคยมาที่นี่แล้ว?" ฉินยีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และทันใดนั้นก็เข้าใจ "มีใครบางคนจงใจมากำจัดหลักฐาน?"
มุมปากของหยุนชางโค้งงอ "ใช่ วิธีการนี้ล้ำลึกมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเหยียบแล้วเกือบล้มลงไปในก่อนหน้านี้ ถึงจะมาลองตรวจดูอีกครั้ง แม้เจอเส้นสีเขียวนี้แล้ว ก็คงคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร"
"แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว เบาะแสก็หายไปแล้วมิใช่หรือเพคะ?" ฉินยีพูดเบาๆ "ใครกันนะที่อยากทำร้ายพระสนม?"
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา "กลับไปที่พระราชวังชีอู๋ก่อน ดูว่าเสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง…"
กลับถึงพระราชวังชีอู๋ ฮองเฮาไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว หยุนชางเลิกคิ้ว ความเกลียดชังของฮองเฮาที่มีต่อเสด็จแม่ นางจะพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไรกันนะ?
หัวหน้าเจิ้งดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หยุนชางคิด และรีบกล่าวว่า "เมื่อครู่ฝ่าบาททรงเสด็จออกมาเห็นฮองเฮา ทรงให้นางกลับไปก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"อ่อ…" หยุนชางหันกลับไปมองที่ประตูของตำหนักข้าง เห็นนางกำนัลนางหนึ่งลับๆล่อๆอยู่ที่ประตูตำหนักข้าง ก็รู้อยู่แก่ใจว่า คงเป็นนางกำนัลที่ฮองเฮาส่งมาเพื่อฟังข่าว ก็ไม่ได้ระบุนางกำนัลผู้นั้น หันหลังเข้าไปในตำหนักข้าง