ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 126 พระราชทานสมรสในวันส่งท้ายปีเก่า
หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ในช่วงที่ผ่านมานี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวังหลัง เกรงว่าคงจะต้องการสมาชิกใหม่มาเพิ่มเสียบ้างแล้ว มีขันทีหยิบกระบอกฉลากเข้ามา หยุนชางหยิบไปโดยสุ่มมาหนึ่งชิ้นและเห็นว่าบนนั้นเขียนว่าบรรเลงหนึ่งเพลง หยุนชางเลิกคิ้วและเหลือบมองหัวจิ้งด้านข้าง แต่กลับเห็นกระดาษของนางเขียนว่า: ลงโทษดื่มเหล้าสามถ้วย
ลงโทษดื่มเหล้า… หยุนชางยิ้มขึ้น ดวงตาของนางก้มลงมองที่ท้องของหัวจิ้ง เพียงครู่เดียวนางก็รีบเบนสายตาออกทันที
"เริ่มจากตรงไหนดี เริ่มจากองค์หญิงหัวจิ้งกันเถอะเพคะ" จิ่นเฟยเป็นนางสนม ดังนั้นโดยธรรมชาตินางจึงได้รับการยกเว้น หัวจิ้งได้ยินเช่นนั้นนางก็ยิ้มและกล่าวว่า "จิ้งเอ๋อร์โชคดี จับได้ฉลากลงโทษดื่มเหล้าสามถ้วย เช่นนั้นข้าก็จะดื่มเหล้าสามถ้วยก็แล้วกันเพคะ"
ขณะที่พูด นางก็หยิบถ้วยเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นดื่มลงไป นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างก็รีบเติมเหล้าจนเต็ม เพียงพริบตาทั้งสามถ้วยก็ว่างเปล่า
"ดี! องค์หญิงหัวจิ้งเป็นสตรีหาญอย่างแท้จริง ได้ใจข้ายิ่งนัก"
ฮ่องเต้จ้องมองไปที่หัวจิ้ง แววสังหารสว่างวาบในดวงตาของเขาชั่วครู่และเมื่อทอดมองหยุนชาง สายตาของเขาอ่อนโยนลง เล็กน้อย "ชางเอ๋อร์ เจ้าได้อะไรล่ะ?"
หยุนชางยิ้มและชูฉลากในมือของนางขึ้นกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์ได้บรรเลงหนึ่งบทเพลงเพคะ"
จากนั้นก็มีนางกำนัลยกโต๊ะและกู่ฉิน*มาวาง หยุนชางเล่นเพลงตามใจนางไปหนึ่งเพลงก็ผ่านด่าน ผู้ที่นั่งข้างหลังหยุนชางเป็นหลานสาวของอัครมหาเสนาบดี ตอนนี้อายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี นางท่าทางงดงามและสง่าผ่าเผย หากหยุนชางจำไม่ผิด หญิงสาวผู้นี้ชื่อหลี่อิ๋งอิ๋ง เมื่อมองผ่านๆ ท่าทางของนางช่างดูคล้ายกับฮองเฮา (*เครื่องดนตรีจีนโบราณ ลักษณะคล้ายกู่เจิงแต่ขนาดเล็กกว่า)
"หม่อมฉันโชคดีจับได้ฉลากบรรเลงผีผา*หนึ่งบทเพลง มีเรื่องอยากจะขอทุกท่าน" หลี่อิ๋งอิ๋งยิ้มและยืนขึ้น หยิบผีผาขึ้นมาเล่นเพลง นางดีดผีผาได้อย่างเชี่ยวชาญอยู่บ้างเพียงแต่ดูราวจะร้อนรนไปเสียหน่อย เมื่อดีดจบแล้วหยุนชางจึงเข้าใจว่าเหตุใดเสียงผีผาของนางจึงมีแววร้อนรน นางโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า "หม่อมฉันขอดื่มให้จิ้งอ๋องหนึ่งจอกเพคะ หวังว่าจิ้งอ๋องจะไม่ปฏิเสธ" (*เครื่องสายจีนโบราณ ลักษณะคล้ายกีตาร์)
จิ้งอ๋อง… คราวนี้หยุนชางจึงจ้องมองไปที่หลี่อิ๋งอิ๋งอย่างเต็มตา หลี่อิ๋งอิ๋งผู้นี้ หรือว่านางจะถูกใจจิ้งอ๋อง? ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าจิ้งอ๋องและตระกูลหลี่ไม่ได้ลงรอยกันนัก นี่หมายความว่าอย่างไร
หยุนชางเบนสายตาออกไปก็พบว่าแววตาของฮ่องเต้มีแววหม่นมัว ในใจจึงเริ่มชัดเจน หรือว่าเขาต้องการยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อกับจิ้งอ๋อง?
"เมื่อครู่เสด็จพี่ก็กล่าวแล้วว่าไม่อาจปฏิเสธได้ เช่นนั้นข้าคงต้องรับ คุณหนูหลี่ช่างจับได้ฉลากที่ดีเสียจริง" รอยยิ้มที่มุมปากของจิ้งอ๋องดูเย็นชาเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ทุกคนในตำหนักเข้าใจอย่างชัดเจนมาก ความหมายนี้ก็คือหากไม่ใช่ฮ่องเต้กล่าวไว้ว่าห้ามปฏิเสธและหลี่อิ๋งอิ๋งจับฉลากได้พอดี จิ้งอ๋องก็คงจะไม่ยอมเห็นด้วยอย่างแน่นอน
หลี่อิ๋งอิ๋งตาแดงเล็กน้อย นางนั่งลงอย่างเศร้าใจ หยุนชางเห็นนางแอบกำมือแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อ หญิงสาวของตระกูลหลี่ไม่มีใครที่ธรรมดาเลย หยุนชางแอบคิดกับตัวเอง
มีหญิงสาวอีกสองสามคนขึ้นแสดง แต่หยุนชางมองไปที่ท่าทางของฮ่องเต้แล้วเขาดูเหมือนจะไม่สนใจ หยุนชางมองไปที่ที่นั่งที่ใกล้ที่สุดแล้วก้มศีรษะดื่มเหล้า
"หม่อมฉันจับฉลากได้รำดาบ…" ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น เสียงต่ำไพเราะน่าฟังทำให้ผู้คนตะลึง ดวงตาของผู้คนหันไปทางเสียง ผู้พูดนั่งชิดด้านหลัง ใบหน้าแปลกหน้า หยุนชางเห็นเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่างก็ดูอยากรู้อยากเห็น
"แม่นางคนนี้คือ?" ฮองเฮายิ้มบางๆ และมองไปที่หญิงสาวคนนั้น
"ทูลฮองเฮาเพคะ นี่เป็นน้องสาวของกระหม่อม หลิวชิงหย่า" ผู้พูดก็คือจอหงวนคนใหม่หลิวฉีเหยียน
"อ้อ…" ดวงตาของทุกคนเข้าใจขึ้นมา น้องสาวของจอหงวนคนใหม่ มิน่าแปลกใจที่นางดูไม่คุ้นเคย
เพียงแต่มีฉลากรำดาบในหมู่ผู้หญิงด้วยหรือ? แต่หญิงที่ชื่อหลิวชิงหย่ากลับไม่ลังเลใจ นางยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า "หม่อมฉันไม่ถนัดระบำ แต่เมื่อจับฉลากได้จึงไม่อาจปฏิเสธได้ หม่อมฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วเดี๋ยวจะกลับมาเพคะ"
ฮองเฮาพยักหน้าอนุญาต
ผู้ต่อไปจึงเริ่มแสดงสิ่งที่ตนจับฉลากได้อีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานหลิวชิงหย่าก็กลับมา นางไปกระซิบอยู่ด้านข้างนักดนตรี จังหวะเพลงเปลี่ยนไปกลายเป็นเพลง "ซุ่มโจมตีจากสิบทิศ" …
ฝูงชนตื่นตะลึง พวกเขารีบรวบรวมสมาธิอย่างรวดเร็วและจ้องมองไปที่หญิงสาวในชุดสีแดง เมื่อครู่นางสวมชุดสีน้ำเงินดูอ่อนโยนและน่ารัก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะดูงดงามและเย็นชา
เสียงดนตรีโหมโรงอันทรงพลังดังขึ้น เทียนสองสามเล่มในตำหนักก็ดับลง ร่างในชุดสีแดงสดชักดาบออกมาอย่างเฉียบขาด ร่ายรำด้วยท่วงท่าแกร่งกล้าและสง่างามแต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวน แต่ความเย้ายวนนั้นก็แฝงไปด้วยความเฉียบขาด
จิตใจของทุกคนเคลื่อนไหวตามร่างที่ยังคงรำไม่หยุด ราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ชายแดน มองดูวีรบุรุษนับล้านต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เมื่อเพลงจบลงแล้วทุกคนก็ยังไม่ออกจากภวังค์ แต่กลับเป็นฮ่องเต้ที่มีความประหลาดใจในแววตาเป็นผู้แรกที่ตะโกนออกมาว่า "ยอดเยี่ยม! คิดไม่ถึงเลยว่าจอหงวนเขียนเรียงความได้ดี การแสดงรำดาบของน้องสาวท่านก็น่าประทับใจยิ่งนัก"
ฮองเฮาจ้องไปที่ร่างของหลิวชิงหย่าอยู่ครู่หนึ่ง หันกลับมาเห็นแววตาของฮ่องเต้ ในใจนางก็กระตุกวาบพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม "งดงามจริงๆ ฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นว่าแม่นางผู้นี้หน้าตาสะสวยและเต้นรำก็สวย ในใจรู้สึกชอบยิ่งนัก ไม่สู้ให้นางเข้ามาอยู่ในวังเป็นเพื่อนหม่อมฉันดีไหมเพคะ?"
ทุกคนต่างตกใจ นี่หมายความว่าจะให้หลิวชิงหย่าเข้าวังหรือ?
ฮ่องเต้ก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาหันไปเหลือบมองฮองเฮา หลังจากนั้นอยู่นาน เขาจึงขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ให้ฮองเฮาตัดสินใจเถอะ"
หยวนเจินฮองเฮายิ้ม "เช่นนี้หม่อมฉันจะตัดสินใจนะเพคะ แต่งตั้งหลิวชิงหย่าเป็นเจาอี๋รอวันถวายตัว"
หลิวฉีเหยียนและหลิวชิงหย่ารีบกล่าวขอบคุณรับราชโองการอย่างรวดเร็วและถอยกลับไปที่ตำแหน่งของพวกเขา หยุนชางก้มศีรษะลงและยิ้มที่มุมปาก จอหงวนคนใหม่เป็นเพียงสามัญชนและครอบครัวก็ยากจน ผู้หญิงที่ไม่มีภูมิหลังทางครอบครัวย่อมจัดการง่ายกว่าสตรีชั้นสูงคนอื่นๆ เสียงดีดลูกคิดของฮองเฮาช่างเสียงดังนัก
ในที่นั่งชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามถนนส่วนใหญ่จับได้ฉลากวาดภาพ ประดิษฐ์อักษร วิชาดาบและอื่นๆ หยุนชางต่างก็ดูพวกเขาทั้งหมด ตระกูลหลี่มีคุณชายมาสามคน ส่วนที่เหลือก็มีเพียงองค์ชายจากครอบครัวของซุ่นชิ่งอ๋องเท่านั้นที่พอจะโดดเด่น ซุ่นชิ่งอ๋องเป็นน้องชายของฮ่องเต้องค์ก่อน ตอนนี้เป็นเพียงองค์ชายที่เกียจคร้าน เขาไม่ได้สนใจจัดการเรื่องในราชสำนักมากนัก
ในท้ายที่สุดก็คือจิ้งอ๋อง ไม่รู้ว่าวันนี้เขาโชคดีมาจากไหนจึงจับได้ฉลากขออะไรก็ได้จากผู้ที่อยู่ที่นี่
ทันทีที่ฉลากของจิ้งอ๋องถูกอ่านออกมา บรรดาหญิงสาวต่างก็ยืดคอมอง ไม่มีใครไม่รู้ว่าตอนนี้จิ้งอ๋องเป็นมีคะแนนนิยมสูงมากในการเลือกเป็นสามี หากได้รับเลือกจากจิ้งอ๋องแล้วคงจะเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
จิ้งอ๋องยิ้มเล็กน้อย กวาดตามองเหล่าหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามและสุดท้ายสายตาก็ตกลงบนร่างของหยุนชาง "เช่นนั้น วันนี้ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว วันนี้ได้ร่วมเล่นเพลงกับองค์หญิงฮุ่ยกั๋วทำให้ข้าลืมไม่ลงมาจนถึงวันนี้ ข้าจึงอยากเชิญองค์หญิงฮุ่ยกั๋วบรรเลงเพลง "คะนึงนิรันดร์" ร่วมกับข้า… "
หยุนชางตัวสั่นสะท้าน นางรู้สึกว่าสายตาของทุกคนในตำหนักตกลงบนตัวนาง หัวจิ้งเลิกคิ้วเล็กน้อย หันไปกล่าวกับหยุนชางว่า "ข้าว่าแล้วว่าทำไมวันนี้น้องของข้าจึงได้แต่งตัวงามนัก ที่แท้…"
คำพูดต่อไปแม้ไม่พูดต่อ แต่ในใจทุกคนในตำหนักต่างก็คาดเดาได้ เมื่อมองไปที่จิ้งอ๋องและหยุนชาง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ จิ้งอ๋องเป็นอาขององค์หญิงฮุ่ยกั๋ว นี่หรือว่า…
หลี่อิ๋งอิ๋งที่อยู่ถัดจากหยุนชางก็ขบกรามแน่น ผ่านไปอยู่นานจึงฝืนยิ้มออกมาได้ "องค์หญิง ช่างโชคดีเสียจริงเพคะ…"
หยุนชางไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงต้องลุกขึ้นมาเล่นเพลง "คะนึงนิรันดร์" กับจิ้งอ๋อง บทเพลงไพเราะจับใจ ทุกคนมองไปที่คนสองคนในตำหนัก บุรุษหล่อเหลาไร้เทียมทาน หญิงสาวงดงามล่มเมือง ดูแล้วกลับเหมาะสมกันยิ่งนัก
เมื่อเพลงจบ ดวงตาของฮ่องเต้ก็เป็นประกาย เขาปรบมือและกล่าวว่า "ดี วันนี้ข้าได้เห็นเช่นนี้ ข้าก็มีเรื่องจะประกาศ จิ้งอ๋องและชางเอ๋อร์ รับราชโองการ"
ในใจหยุนชางเต็มไปด้วยความสงสัย แต่นางก็รีบคุกเข่าลงพร้อมกับจิ้งอ๋อง เสียงของขันทีเจิ้งดังแว่วมา "จิ้งอ๋องเป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิองค์ก่อน แม้มีศักดิ์เป็นอาขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วแต่ก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด จิ้งอ๋องและองค์หญิงฮุ่ยกั๋วต่างชอบพอกัน เจิ้นมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอยกองค์หญิงฮุ่ยกั๋วให้แต่งงานกับจิ้งอ๋อง รอกำหนดวันแต่งงาน…"
ทันทีที่พระราชโองการออกมา ทุกอย่างในตำหนักต่างก็เงียบกริบ หยุนชางอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่นาน ผ่านไปอยู่นาน นางอยากจะพูดแต่ก็กลับพบว่าตนเองเปล่งเสียงไม่ออกเลย หยุนชางตกใจ นางได้ยินเสียงของจิ้งอ๋องที่อยู่ด้านข้างกระซิบบอกนาง "ชางเจียชิงซูกับองค์ชายแคว้นเซี่ยจะมาถึงแคว้นหนิงอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นหากเจ้าไม่ได้ถูกหมั้นหมายไว้ เจ้าอาจรอดจากชางเจียชิงซูได้ แต่เจ้าคงไม่อาจหนีจากองค์ชายแคว้นเซี่ยได้ เจ้าอยากแต่งงานกับใครล่ะ นี่เป็นแผนรับมือชั่วคราว องค์หญิงชั่งใจให้ดีเถิด"
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ" เสียงของจิ้งอ๋องดังมาจากด้านข้างของนาง…