ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 125 งานเลี้ยงวันส่งท้ายปีเก่า
เมื่อหยุนชางกลับมาจากถวายพระพรหมิงไท่เฟยแล้ว เฉี่ยนอินก็รีบเข้ามากระซิบข้างหู "องค์หญิง ฮ่องเต้ทรงประทานของกำนัลมาเพคะ มีพวกเสื้อผ้ากับเครื่องประดับตามฤดูกาลและมีของจากทุกตำหนักด้วยเพคะ" พูดจบแล้วนางก็มองไปรอบๆ อีกครั้ง นางลดเสียงลงและพูดว่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่าวังชีอู๋ส่งของไปสองชุด…"
"งั้นหรือ?" หยุนชางหรี่ตาเล็กน้อย "ฮองเฮาแสร้งทำเป็นตั้งครรภ์ชัดๆ เสด็จพ่อกลับยังคงเก็บเรื่องเงียบ เพียงบอกว่านางแท้งลูกแล้ว แล้วยังขับซู่เฟยเข้าตำหนักเย็น ข้าก็รู้แล้วว่าต้องมีวันนี้ ฮองเฮาเพียงแท้งลูกและต้องการการพักฟื้นเท่านั้น เมื่อหายดีแล้วนางก็จะออกมาโดยธรรมชาติ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เหล่าสมาชิกครอบครัวของขุนนางระดับสามขึ้นไปต้องเข้าวัง ในวันเช่นนี้นั้น เสด็จพ่อก็ยังต้องไว้หน้าตระกูลของอัครมหาเสนาบดีหลี่ อย่างไรในรัชสมัยนี้ตระกูลหลี่ก็ยังกุมอำนาจอยู่ แต่ว่าก็คงไม่นานแล้วล่ะ"
เฉี่ยนอินรู้ว่านายของนางก่อนหน้านี้ได้ฝึกคนไว้แล้วและส่วนใหญ่จะต้องเข้ารับราชการ เกรงว่าองค์หญิงคงจะจะคาดถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้แต่แรกแล้ว
"องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินมาว่าจอหงวนของปีนี้ชื่อว่าหลิวฉีเหยียน ดูเหมือนหม่อมฉันจะเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน?" เฉี่ยนอินยิ้มบางๆ ดวงตาของนางฉายแววสัพยอกขึ้น
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็กระตุกยิ้มมุมปาก "ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าสองคนสนิทกันมากในระหว่างการฝึก เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าชอบเขา? หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นจอหงวนแล้วไม่รู้ว่าเขาจะชอบสาวน้อยเช่นเจ้าหรือไม่…"
เฉี่ยนอินได้ยินดังนั้น หน้าของนางก็แดงระเรื่อ เดิมทีนางเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น แต่กลับทำให้ตนเองกินปูนร้อนท้อง จึงทำได้เพียงพูดอย่างร้อนรน "องค์หญิง เจ้ากำลังพูดอะไร… ตอนนี้หม่อมฉันอายุเพียงสิบสี่ปีเท่านั้น"
หยุนชางหัวเราะเสียงดังและกล่าวกลั้วหัวเราะว่า "วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เจ้าไปเอาชุดพิธีการสีแดงเข้มนั่นมาเถอะ วันนี้ข้าจะใส่ชุดนั้น เครื่องประดับผมก็ใช้อันที่ปราณีตเสียหน่อยเถอะ"
เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็รีบรับคำ หยิบเสื้อผ้าที่หยุนชางพูดถึงออกมาจากกล่องข้างๆ ช่วยหยุนชางสวมมันให้เรียบร้อย ธรรมดาหยุนชางไม่ชอบแต่งกายด้วยสีสันสดใสเช่นนี้ ทันทีที่นางสวมมัน ฉินยีที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ตกตะลึง ชุดกระโปรงสีแดงเข้มขับของหยุนชางให้ดูขาวราวหิมะและกระโปรงยาวที่พาดไปข้างหลังก็ยิ่งส่งให้นางดูหรูหราสง่างาม
"วันนี้องค์หญิงสวยจังเลยเพคะ ใครๆ ก็บอกว่าองค์หญิงหัวจิ้งเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหนิง แต่หม่อมฉันว่าองค์หญิงหัวจิ้งเทียบองค์หญิงไม่ได้เลยสักส่วนเดียว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาองค์หญิงงามขึ้นเรื่อยๆ ให้หม่อมฉันช่วยองค์หญิงทำผมเถอะเพคะ แต่งหน้าบางๆ อีกเล็กน้อย จะต้องทำให้คุณชายเหล่านั้นไม่สามารถละสายตาจากองค์หญิงไปได้อย่างแน่นอน" ฉินยียิ้มพลางเดินไปช่วยประคองหยุนชางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
หยุนชางยิ้มบางๆ ในชาติที่แล้วนางเป็นคนขลาดเขลา นางเชื่อฟังคำพูดของฮองเฮาและหัวจิ้งอย่างสุดใจ นางเลือกเพียงเสื้อผ้าสีฉูดฉาดและเครื่องประดับก็เลือกเพียงแบบที่ราคาแพงเท่านั้น ยามบ้าคลั่งขึ้นมาก็ประโคมทุกอย่างใส่บนร่างกาย ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่ามีหญิงสาวกี่คนที่แอบหัวเราะนางลับหลังจนแทบฟังร่วง ในชาตินี้ พอมาคิดดูแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ตอนนี้เมื่อมองตัวเองในกระจกอีกครั้งก็แทบจะจำตัวเองไม่ได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของนางแตกต่างจากชาติก่อนนี้มากเหลือเกิน
หลังจากทำผมเสร็จ หยุนชางก็ให้ฉินยีทำขนมมาให้นางกินรองท้อง ในงานเลี้ยงอีกครู่นั้นเกรงว่านางจะไม่มีเวลาได้รับประทานอะไร "องค์หญิง ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้างนอกหิมะยังไม่หยุดตก หม่อมฉันจะช่วยพาองค์หญิงไปที่ตำหนักจินหลวนนะเพคะ" ฉินยียิ้มและสวมเสื้อคลุมสีขาวให้หยุนชาง หยิบร่มและตามหยุนชางไปที่ตำหนักจินหลวนพร้อมกับเฉี่ยนอิน
เมื่อหยุนชางมาถึงตำหนักจินหลวนก็มีขันทีนำนางไปนั่งในตำแหน่งที่สามทางด้านซ้าย ทันทีที่หยุนชางนั่งลง นางก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน
หยุนชางไม่ได้เติบโตอยู่ในวังตั้งแต่ยังเด็กและหลังจากกลับมาที่วังแล้ว นางก็ไม่ค่อยปรากฏตัวนัก ดังนั้นผู้คนมากมายในเมืองหลวงจึงต่างไม่รู้จักนาง แต่เพียงแค่มองตำแหน่งที่นางนั่งก็สามารถเดาสถานะของนางได้ไม่ยาก ในพระราชวังแห่งนี้ นางสนมที่มีตำแหน่งต่ำกว่าระดับเฟยไม่สามารถร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ได้ นางในผู้ที่มีระดับเฟยขึ้นไปก็มีเพียงฮองเฮาและจิ่นเฟยเท่านั้น หากฮองเฮาเสด็จมาก็ควรนั่งบนที่นั่งหลัก เมื่อไล่ลงมาแล้วจิ่นเฟยจะนั่งลำดับแรก องค์หญิงหัวจิ้งเป็นองค์หญิงที่ประสูติแด่ฮองเฮาจึงควรนั่งในลำดับที่สอง ลำดับที่สามจึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหยุนชาง
ทุกคนกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเรื่องของนาง หยุนชางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและนั่งเงียบๆในที่นั่งของนางโดยไม่ขยับเขยื้อน
จิ่นเฟยก็เข้ามาในตำหนักแล้วและนั่งลงในตำแหน่งแรก หยุนชางมองไปที่หน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของนาง ดวงตาอ่อนโยนลงเล็กน้อย
"เฮ้ องค์หญิงหัวจิ้งที่มาแล้ว…" "ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้องค์หญิงหัวจิ้งไปที่ชายแดนเพื่อตามหาสามีของนาง ช่างเป็นหญิงที่ยึดมั่นในความรักและคุณธรรมเสียจริง" "องค์หญิงหัวจิ้งดูตรอมใจอยู่มาก คงเป็นเพราะนางวิ่งเต้นเรื่องสามี…" ทันใดนั้นเสียงที่ไม่นับว่าเบาก็แว่วเข้ามาในหู หยุนชางเงยหน้าขึ้นก็เห็นหัวจิ้งในชุดสีฟ้าเดินเข้ามา ยกเว้นที่คาดผมแล้วก็ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่นอีก นางดูเหมือนว่าจะตรอมใจจริงๆ…
หยุนชางหลุบตาลงและปกปิดรอยยิ้มในดวงตาของนาง หลังจากที่นางรู้สึกได้ว่าหัวจิ้งนั่งลงที่ด้านข้างนางแล้ว นางจึงกระซิบถาม "เสด็จพี่ ดูท่านซีดเซียวนัก ไม่สบายหรือเปล่าเพคะ?"
หัวจิ้งยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวกับตัวเองในใจ สารเลว นี่เยาะเย้ยข้าหรือ? หลังถึงฤดูใบไม้ผลิชางเจียชิงซูก็จะมาที่นี่ พอถึงเวลานั้นก่อนเถอะดูกันเจ้าจะลำพองไปได้นานแค่ไหน "ไม่เป็นไร เพียงแต่ช่วงนี้เกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน ข้าเพลียเล็กน้อยเท่านั้น" หัวจิ้งก้มศีรษะลงและทำท่าทางราวจะร้องไห้ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร
หยุนชางเลิกคิ้ว เสด็จพี่ของนางคนนี้ชักจะแสดงละครเก่งขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้ว
หยุนชางหันศีรษะไป สายตาบังเอิญสบเข้ากับจิ้งอ๋องพอดี เมื่อจิ้งอ๋องเห็นนางมองข้าม เขาก็ถอนสายตาก้มหน้าลงและเล่นกับถ้วยเหล้าในมือ
"ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ…" เสียงแหลมของขันทีประกาศขึ้น
ทุกคนรีบหยุดพูดและคุกเข่าลงกับพื้น "ขอฮ่องเต้จงทรงพระเจริญเป็นหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี ฮองเฮาจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นฮองเฮาเสด็จเข้ามาในตำหนักจินหลวนพร้อมกับเสด็จพ่อจริงๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยุนชางก็รู้สึกขัดหูขัดตาเล็กน้อย
"ทุกท่านตามสบายเถอะ" เสียงของฮ่องเต้ฟังดูราวกับมาจากที่ห่างไกล เขาเดินวนรอบตำหนักอยู่สองสามรอบก่อนที่จะหยุดลง
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" หยุนชางนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ฮองเฮาข้างกายฮ่องเต้ นางดูผอมลงเล็กน้อย แต่สีหน้าดูสงบมากราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย
"วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เป็นวันที่คนทั้งชาติเฉลิมฉลอง วันนี้เจิ้นกับทุกท่านได้มาอยู่รวมกันในตำหนักจินหลวน ไม่ต้องมีพิธีรีตองนัก ขอให้ทุกท่านฉลองกันอย่างสุขสันต์…
" เสียงของฮ่องเต้เจือแววเปรมปรี เขายกถ้วยเหล้าในมือขึ้น "หวังว่าแคว้นหนิงของเราจะเจริญรุ่งเรืองตลอดไป สงบสุขตลอดไป"
ทุกคนต่างก็ยกถ้วยเหล้าขึ้นและกล่าวตาม "เจริญรุ่งเรืองตลอดไป สงบสุขตลอดไป"
เมื่อเหล้าลงท้องแล้ว เสียงดนตรีก็ดังขึ้น นางระบำกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามากรีดกรายเต้นรำ
เมื่อเพลงจบ ฮองเฮาก็ยิ้มและกล่าวว่า "วันนี้เป็นวันดี คุณชายตระกูลดังและสาวงามผู้โดดเด่นในเมืองหลวงต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว ไม่สู้รีบใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนแสดงความสามารถของตนเอง"
ฮ่องเต้ยิ้มบางๆ "ฮองเฮากล่าวได้ถูกต้อง เช่นนี้ก็ให้ขันทีเตรียมฉลาก เราใช้การจับฉลากมาตัดสินว่าจะแสดงอะไรดีกว่า จับได้อะไรก็ต้องแสดงอันนั้น แน่นอนว่าเป็นไปได้ที่จะจับได้เหล้าลงทัณฑ์เช่นกัน ทุกท่านต้องพึ่งดวงเสียก็แล้วกัน"
หยุนชางแอบกวาดตามองโดยรอบ เมื่อเห็นว่าสตรีในตำหนักต่างก็แต่งกายกันฉูดฉาดหรูหราในใจก็เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ในวังมีงานเลี้ยงไม่มากนักและชายที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังได้ย่อมสถานะไม่ต่ำ โอกาสที่ได้มาไม่ง่ายเช่นนี้ก็ควรประทินโฉมให้งามเสียหน่อย โดยหวังว่าจะได้พบกับการแต่งงานที่ดีให้แก่ตนเองและหากได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ นั่นก็ยิ่งเป็นก้าวเดียวถึงสวรรค์* (สำนวนจีน หมายถึง การบรรลุผลสำเร็จในชั่วเวลาอันสั้น)