ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 121 ความจริงค่อยๆปรากฏ
"ผู้ดูแลกองเครื่องหอมในวังเป็นผู้ที่รู้วิธีแยกแยะกลิ่น ฝ่าบาทไม่สู้ไปเชิญมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าแป้งหอมนี้มีอันตรายอะไรหรือไม่" พระสนมจิ่นเฟยได้ยินเช่นนี้ นางก็มีสีหน้ากังวลเล็กน้อยจึงรีบพูด
หมิงไท่เฟยแค่นเสียง "แป้งหอม แป้งหอม แป้งหอมอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะแป้งหอม ข้าอยากจะดูนักว่ามีอะไรอยู่ในแป้งหอมนี่"
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นจึงให้ขันทีเจิ้งไปตามผู้ดูแลกองเครื่องหอมมาเข้าเฝ้า นางกำลังของตำหนักฉางชุนรวมตัวกันอยู่ด้านนอกตำหนัก ต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ
หมิงไท่เฟยแค่นเสียงและกล่าวขึ้นอีกครั้ง "คืนวันนี้เป็นพวกเจ้าที่เข้าเวรหรือ? พวกเจ้าลองว่ามาว่าคืนนี้มีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น? พวกเจ้าได้ยินเสียงอะไรไหม?"
เหล่านางกำนัลและขันทีที่คุกเข่าอยู่บนหิมะโขกหัวคำนับหลายที ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีขันทีคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ "กระหม่อมได้ยินแค่เสียงแมวร้อง แต่ดูเหมือนไม่ได้อยู่ในตำหนักของเรา ช่วงนี้เหล่าเจ้านายในวังต่างก็ชอบเลี้ยงแมว หม่อมฉันจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ"
"พวกหม่อมฉันก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเช่นกัน" ข้ารับใช้ทุกคนรีบตอบ
หมิงไท่เฟยยิ้มเย็น "ไม่มีใครเห็นอะไรเลย หรือในตำหนักฉางชุนนี้มีผีหลอกหรืออย่างไร? ทหาร นำตัวไปโบยคนละยี่สิบที"
ทันใดนั้นก็มีเสียงคร่ำครวญดังมาจากนอกตำหนัก ดวงตาหยุนชางมีประกายเย็นชาขึ้นมาวูบหนึ่ง เป็นวิธีคุ้นเคยของตระกูลหลี่จริงๆ อะไรนิดหน่อยก็ระบายลงกับข้ารับใช้ในวัง ชีวิตคนไม่มีค่าในสายตาของพวกเขาเลยสักนิด
เพิ่งลากกลุ่มคนเหล่านั้นลงไป ขันทีเจิ้งก็เดินเข้าไปพร้อมกับผู้ดูแลกองเครื่องหอม นางเป็นมามาอายุราวสามสิบกว่า เมื่อมาถึงก็รีบย่อกายถวายพระพร "ถวายพระพรฝ่าบาทและเจ้านายทุกพระองค์เพคะ…"
หมิงไท่เฟยในใจกำลังอึดอัดจึงโบกมืออย่างมั่วๆ "องค์หญิงหยุนชางกล่าวว่าผ้าห่มเปื้อนไปด้วยแป้งหอม เจ้าไปเสียว่าสิ่งที่องค์หญิงพูดเป็นความจริงหรือไม่?"
มามาผู้นั้นตอบรับและก้าวเข้าไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาและสูดดมกลิ่นเล็กน้อย สีหน้าจริงจังขึ้นดูราวกับไม่แน่ใจและดมอีกครั้ง หลังจากดมแล้วนางก็เดินกลับเข้าไปคุกเข่าลงและพูดว่า "ฝ่าบาท ไท่เฟยเหนียงเหนียง แป้งหอมบนผ้าห่มเป็นสิ่งอันตราย จะทิ้งไว้ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ"
"สิ่งอันตราย?" ฮ่องเต้หนิงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น "เจ้าว่ามาซิว่าสิ่งนั้นใช้ทำอะไร?"
มามาผู้นั้นรีบตอบว่า "ผงแป้งหอมบนผ้าห่มนี้หากหม่อมฉันดมไม่ผิดควรจะเป็นผงอัญเชิญ กลิ่นหอมของมันเป็นเอกลักษณ์และสามารถดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างเช่น มด งู ตะขาบและสัตว์อื่นๆ โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว สัตว์เล็กๆ เหล่านี้มีออกมาน้อย หากเป็นฤดูร้อนละก็ผลที่ตามมาอาจถึงขั้นหายนะเพคะ"
ทุกคนในตำหนักใบหน้าซีดลงทันที หมิงไท่เฟยบีบที่เท้าแขนของเก้าอี้ไม้สาลี่ในมือแน่น กัดฟันแน่น "อวี้มามา ผ้าห่มผืนนี้เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?"
อวี้มามาได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า "เพิ่งเปลี่ยนวันนี้เองเพคะ ผ้าห่มก่อนหน้านี้หยวนเป่ากระโดดขึ้นไปทำสกปรก หม่อมฉันนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฝูเหม่ยเหรินมอบผ้านวมที่ปักเองมา วันนี้ข้าจึงไปเอามันออกมาเปลี่ยนโดยเฉพาะ"
"ฝูเหม่ยเหริน?" หมิงไท่เฟยหันศีรษะไปมองหลี่ฝูยีที่อยู่ด้านข้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย "นี่เป็นของที่ฝูเหม่ยเหรินส่งมาหรือไม่"
หลี่ฝูยีกัดริมฝีปากและคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "เป็นหม่อมฉันส่งมาเองไม่ผิดเพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย แมวก่อนหน้านี้ก็เช่นกันและตอนนี้ผ้าห่มผืนนี้ก็เช่นกัน ท่านอา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนที่จงใจใส่ร้ายข้า…"
หยุนชางเหลือบมองไปที่แมวบนพื้นแล้วมองไปที่ผ้าห่ม นางกัดริมฝีปากเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "มามา หากผ้าห่มนี้ถูกวางไว้ที่ห้องนอน กลิ่นหอมนี้จะลอยไปถึงนอกตำหนักหรือไม่?" นางพูดพลางชี้ไปที่แมวตายอย่างอนาถบนพื้นอีกครั้งแล้วขมวดคิ้ว "แมวตัวนี้ตายอย่างลึกลับในห้องนอนของไท่เฟยเหนียงเหนียง แต่เหล่าขันทีและนางกำนัลกลับไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ความหมายของชางเอ๋อร์คือเป็นเพราะกลิ่นหอมนี้หรือเปล่าที่อาจดึงดูดแมวเข้ามา แต่เป็นเพราะหน้าต่างถูกปิดอยู่มันจึงกระแทกหน้าต่างจนตาย?"
อวี้มามาได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวว่า "องค์หญิงทรงกำลังพูดล้อเล่นหรือเพคะ? กลิ่นนี้จะลอยออกไปข้างนอกได้อย่างไร? และหากแมวชนหน้าต่าง จะไม่ได้ยินเสียงได้อย่างไร"
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย "จริงด้วย เพียงแต่หยุนชางคิดความเป็นไปได้ข้ออื่นไม่ออกแล้ว เหล่าข้ารับใช้ในวังต่างก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ แต่บนผ้าห่มที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่กลับมีผงอัญเชิญอะไรนั่นอยู่ด้วย"
ทันทีที่สิ้นเสียงของหยุนชางก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที "หม่อมฉันคิดว่าดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้อยู่บ้าง" คนที่พูดกลับเป็นหลานกุ้ยผิน…
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็กระตุกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เฮอะ พูดไม่คิด ขณะที่พูดอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมา "ไท่เฟยเหนียงเหนียง มีสาวใช้ชราผู้หนึ่งถูกโบยจนทนไม่ไหวแล้ว นางยินดีสารภาพ"
หมิงไท่เฟยได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ ร่างกายของนางสั่นสะท้านและรีบขึ้นเสียง "พาตัวมา"
มีขันทีลากหญิงชราที่หายใจรวยรินเข้ามา เมื่อเห็นหมิงไท่เฟยนางก็รีบหมอบตัวลงกับพื้นและร้องไห้คร่ำครวญ "หม่อมฉันจะสารภาพแล้วๆ ขอร้องไท่เฟยเหนียงเหนียงโปรดอย่าโบยข้าอีกเลย"
หมิงไท่เฟยยิ้มเย็น "นี่คือชุยมามาที่รับผิดชอบการฝึกทำความสะอาดของเหล่านางกำนัลใช่ไหม?"
มามาเฒ่ารีบโขกศีรษะคำนับหลายครั้งแล้วตอบว่า "หม่อมฉันเองเพคะ"
"งั้นเจ้าว่ามาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น?" หมิงไท่เฟยหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา แม้ว่าในใจของหมิงไท่เฟยจะโมโหอย่างยิ่ง แต่ภายนอกของนางก็ยังดูสงบนิ่ง
ชุยมามารีบพูด "ทั้งหมดเป็นเพราะหม่อมฉันถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อย แมวที่ตายนั้นเป็นหม่อมฉันปล่อยเอง ผงแป้งหอมบนผ้าห่มก็เป็นฝีมือของหม่อมฉันเอง ที่หม่อมฉันทำเช่นนี้ก็เพราะคนๆ นั้นต้องการใส่ร้ายฝูเหม่ยเหริน"
"คนๆ นั้น?" หมิงไท่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยและแค่นเสียงพ่นลมหายใจออกมา "เจ้าบอกมาสิว่าคนๆ นั้นคือใคร?"
ชุยมามาโขกศีรษะ "หม่อมฉันจะพูด เพียงแต่หม่อมฉันขอร้องให้ไว้ชีวิตหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อยากตาย…"
หมิงไท่เฟยแค่นเสียง "กลัวตายเสียจริง ยังไม่ลืมขอให้ไว้ชีวิตอีก ข้าอนุญาต ให้คนมากมายนั่งอยู่ที่นี่เป็นพยานก็แล้วกัน"
ชุยมามารีบพูดอย่างรวดเร็ว ขอบพระทัยที่ไท่เฟยเหนียงเหนียงไว้ชีวิต คนๆ นั้นก็คือ…" ชุยมามาหันหน้ากลับไปทางผู้คน กวาดตามองไปรอบๆ แล้วจึงยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง "เป็นหลานกุ้ยผิน…"
ทุกคนต่างตกใจ หลานกุ้ยผินตกใจจนไม่ได้สติไปอยู่นาน หมิงไท่เฟยขมวดคิ้วและยิ้มอย่างเย็นชา "ในเมื่อถึงตอนนี้แล้วก็ยังกล้าใส่ร้ายผู้อื่น ดูแล้วคงยังโบยไม่หนักพอ พานางไปโบยต่อ…"
ชุยมามารีบโขกศีรษะหลายครั้ง "คำพูดของหม่อมฉันเป็นความจริงทั้งสิ้น หรือว่าไท่เฟยเหนียงเหนียงเป็นคนไม่รักษาคำพูดอย่างนั้นหรือ?"
"เช่นนั้นก็ดี เจ้าบอกว่าหลานกุ้ยผินบงการเจ้าแล้วเจ้ามีหลักฐานอะไร?" สายตาของหมิงไท่เฟยทิ่มแทงไปที่ชุยมามาราวกับมีด หยุนชางก้มศีรษะลงเล็กน้อยและคำนวณในใจ
เหตุที่หมิงไท่เฟยไม่เชื่อที่ชุยมามากล่าวว่าทุกอย่างได้รับคำสั่งมาจากหลานกุ้ยผินน่าจะเป็นเพราะหลานกุ้ยผินเดิมเป็นคนข้างกายของฮองเฮา เรื่องของนางหยุนชางก็เคยไปสืบมาเช่นกัน บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางระดับเจ็ดเล็กๆ เท่านั้น การที่หลานกุ้ยผินสามารถไต่เต้าจากนางกำนัลไปจนถึงตำแหน่งกุ้ยผินได้ต้องมีแรงสนับสนุนของฮองเฮาอยู่ไม่น้อย จึงสามารถกล่าวได้ว่าหลานกุ้ยผินเป็นผู้ที่ฮองเฮาฝึกมา ก่อนหน้านี้เกรงว่านางคงช่วยฮองเฮาทำเรื่องเลวร้ายมาไม่น้อย
สายตาของหยุนชางมองดูผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างประเมิน เสด็จแม่นั่งอยู่ข้างนางท่าทางไม่ใส่ใจ ในใจนางแอบตื่นตระหนก เรื่องผงหอมเมื่อครู่เป็นเสด็จแม่เองที่แอบเอาให้หยุนชาง นางคิดมาเสมอว่าเสด็จแม่ของนางอยู่ในตำหนักเย็นมากว่าสิบปี อำนาจคงน้อยจนน่าสงสาร แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อถึงยามลงมือแล้วแม้ว่าตอนนี้หมิงไท่เฟยจะยังไม่เชื่อ แต่ท้ายที่สุดจะต้องทำให้หลานกุ้ยผินไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีกอย่างแน่นอน