ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 120 หมิงไท่เฟยตรวจสอบแมวที่ตาย
หมิงไท่เฟยได้ฟัง ก็ไม่ทรงตรัสอะไรมาก เพียงตรัสตรงๆว่า "มานี่สิ ตรวจดูให้ดี ใครเป็นเจ้าของแมวตัวนี้ แล้วก็กงกงและนางกำนัลที่เป็นเวรยามในคืนนี้ ตามมาให้ครบ"
นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ รับตอบกลับ และถอยไปอย่างรวดเร็ว
"คงเป็นเพราะคนที่ลงมือในวันนี้ไม่ต้องการชีวิตแก่ๆของข้า มิฉะนั้น เกรงว่าข้าจะไม่สามารถมานั่งพูดอยู่ที่นี่ได้แล้ว" เห็นได้ชัดว่าหมิงไท่เฟยโกรธมากและพระขนงของนางขมวดแน่น
"ในวังมีนางในและกงกงมากมาย ถึงกับไม่มีใครเห็น ไม่สมควรเลยจริงๆ…" หลานกุ้ยผินหาวและพูดอย่างเฉยเมย
หมิงไท่เฟยกวาดพระเนตรมองยังหลานกุ้ยผิน รู้สึกขยะแขยงผุดขึ้นในพระทัย ฮองเฮากล่าวว่านางสามารถเชื่อถือได้ ช่างเป็นมือไม่พายยังเอาเท้าลาน้ำจริงๆ
"พี่หลานพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ นี่พี่หญิงกำลังกล่าวหาผู้ใต้บังชาของไท่เฟยเหนียงเหนียงไร้กฏเกณฑ์" หยิงเจี๋ยยวี๋ลืมตาขึ้นและมีคำประชดประชันออกจากปากของนาง "หม่อมฉันคิดว่า มันต้องเป็นเพราะขโมยคนนั้นเก่งเกินไป จึงรอดพ้นสายตาผู้คนไปได้"
"เอะอะอะไรกัน" จักรพรรดิหนิงขมวดพระขนง ก้มพระพักตร์ลง แล้วตรัสเบาๆ กับหญิงในพระทรวงว่า "ง่วงหรือไม่ ถ้าง่วงก็ให้ไท่เฟยเหนียงเหนียงเตรียมฟูกนุ่มให้เจ้านอนพัก"
สนมจิ่นส่ายหัวแล้วยิ้มเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเพคะ" แต่หันกลับมามองหยุนชาง "ชางเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ดูเหมือนเจ้าจะเหนื่อยมาก"
นี่คือครั้งแรกที่สนมจิ่นพูดกับหยุนชางเช่นนี้ในท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมา หยุนชางตกตะลึง แต่รู้ว่านางสนมจิ่นมีเหตุผลลึกๆในการทำเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นมองสนมจิ่นด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า "ไม่เป็นไรเพคะ"
ฉินยีกลับพูดอย่างรวดเร็ว "องค์หญิงกลัวความหนาวเล็กน้อยเพคะ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่วิหารแคว้นหนิง เมื่ออากาศหนาวทำได้แค่นอนบนเตียงและจะล้มป่วยได้ง่ายเมื่อตากลมหนาวเพคะ"
หยุนชางรู้ว่าฉินยีและสนมจิ่นเป็นบ่าวและนายมานานแล้ว และนางรู้เจตนาของสนมจิ่นเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงปล่อยให้นางพูดจบ จากนั้นจึงหันไปตำหนิฉินยีเล็กน้อย "ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ฉินยีพูดสักหน่อย หลายปีมานี้ ภายใต้การดูแลของเจ้าอาวาสอู๋น่าร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่เป็นไร เสด็จแม่มิต้องกังวลเพคะ"
สนมจิ่นทำหน้าไม่เชื่อเล็กน้อย จึงเอื้อมมือไปกุมมือของหยุนชางไว้ เมื่อนางจับมือ คิ้วของนางก็ขมวดคิ้ว "ทำไมมือเจ้าเย็นเช่นนี้"
เมื่อสนมจิ่นพูดจบ นางก็หันศีรษะและมองไปยังจักรพรรดิหนิงและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ให้คนเอาผ้าห่มมาให้ชางเอ๋อร์เถอะเพคะ"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและตรัสกับหมิงไท่เฟยว่า "เสด็จแม่ ชางเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เด็ก เจิ้นกลัวว่านางจะป่วย ให้อวี้มามานำผ้าห่มมาให้ชางเอ๋อร์สักผืนเถอะ"
หมิงไท่เฟยมองหยุนฉางด้วยแววตาเย็นชาเล็กน้อย "อวี้มามา ไปเอาผ้าห่มมาให้องค์หญิงเถอะ"
อวี้มามาเดินเข้าไปในห้องโถงด้านใน และในไม่ช้า ก็ออกมาพร้อมผ้าห่ม ฉินยีรับมาอย่างรวดเร็ว กางออกและช่วยคลุมให้หยุนชาง หยุนชางดึงมือเข้าไปในผ้าห่ม สอดเข้าไปในแขนเสื้ออย่างเงียบๆ และสัมผัสบางสิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะถูกห่อด้วยกระดาษ มีผงละเอียดอยู่ข้างใน หยุนชางหันศีรษะและเห็นสนมจิ่นจ้องมองไปที่ผ้านวมบนร่างกายของนาง หยุนชางตกตะลึง ยื่นมือออกมา และเทห่อกระดาษลงบนผ้าห่มบนร่างกายของนาง
พระเนตรของหมิงไท่เฟยกวาดดูฝูงชนรอบหนึ่ง และในที่สุดก็หยุดบนใบหน้าของหลี่ฝูยี "แผลของฝูเหม่ยเหรินที่ถูกแมวข่วนในก่อนหน้านี้ ใช้ยาแล้วดีขึ้นไหม"
หลี่ฝูยีตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ดูเหมือนมึนงงอยู่ตลอด ได้ยินหมิงไท่เฟยเรียกตัวเอง ร่างกายของนางก็สั่น แล้วนางก็กลับมารู้สึกตัวว่า "ทูลไท่เฟยเหนียงเหนียง ดีขึ้นแล้วเพคะเพียงแต่ว่าทายาแล้วรู้สึกคันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงเพคะ" พูดจบก็ก้มหน้าลง เผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่คอ เห็นแล้วรู้สึกสงสารจริงๆ
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา
"เอ๋…" จู่ๆ หยิงเจี๋ยยวี๋ก็ส่งเสียงที่ดูเหมือนจะค่อนข้างน่าสงสัย และทุกคนก็มองมาที่หยิงเจี๋ยยวี๋ แต่เห็นว่าดวงตาของหยิงเจี๋ยยวี๋ตกอยู่ที่แมวบนพื้น "เมื่อครู่หม่อมฉันถูกแมวนี่ที่เต็มไปด้วยเลือดนี้ทำให้ตกใจ ไม่ได้ใส่ใจ เมื่อครู่เพียงชำเลืองมอง แม้ว่าเจ้าแมวนี่จะมีรอยเปื้อนบนตัว แต่ก็มองเห็นสีขนซึ่งเป็นสีเหลืองได้อย่างลางๆ หากหม่อมฉันจำไม่ผิด ไม่นานมานี้ หลังจากที่ฝ่าบาทประทานหยวนเป่าให้ไท่เฟยเหนียงเหนียง ก็ประทานแมวสีเหลืองตัวหนึ่งให้ฝูเหม่ยเหรินด้วย แต่เดิมในวังมีแมวและสุนัขไม่มากนัก แมวที่มีขนสีเหลืองยิ่งมีน้อย ฝูเหม่ยเหรินลองดูสิ ใช่ของตำหนักเจ้าหรือไม่?"
หลี่ฝูยีสั่นทั้งร่าง ก้มหัวต่ำ "แมวนั่นเต็มไปด้วยเลือดช่างน่ากลัวจริงๆ หม่อมฉันมิกล้าดูเพคะ…"
หยิงเจี๋ยยวี๋ยิ้ม หันหน้าไปทางนางกำนัลที่อยู่ข้างหลังหลี่ฝูยีและพูดว่า "ในเมื่อหลี่ฝูยีไม่กล้าดู เช่นนั้นก็ให้นางกำนัลข้างหลังเจ้าดูเถอะ ของในตำหนักเจ้า คิดว่านางกำนังก็คงจะรู้"
พระเนตรของหมิงไท่เฟยจ้องมองไปที่ร่างของหยิงเจี๋ยยวี๋อย่างเฉยชา ไม่นานนางก็หันไปมองนางกำนัลที่อยู่ข้างหลังหลี่ฝูยี "ก็ลองดูๆเถอะ"
นางกำนัลเงยขึ้นอย่างหวั่นๆ เหลือบมองแมวที่ตายบนพลั่วอย่างรวดเร็ว แล้วรีบหันหนี "ดูเหมือนว่า ดูเหมือนว่าจะเป็น… แมวของนายท่าน…"
หลี่ฝูยีขมวดคิ้ว ยืนขึ้นและกล่าวว่า "ในเมื่อจื่อรุ่ยบอกว่าเป็นของหม่อมฉัน เช่นนั้นก็คงจะไม่ผิด เพียงแต่ว่าไท่เฟยเหนียงเหนียงโปรดตรวจสอบ ก่อนจะเข้าบรรทมหม่อมฉันยังหยอกเล่นกับมัน ดังนั้นเมื่อครู่จึงไม่คิดว่าจะเป็นแมวในตำหนักหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม มันถึงมานี่นี่ได้เพคะ เพียงแต่ว่า หม่อมฉันไม่มีทางทำร้ายไท่เฟยเหนียงเหนียงเป็นแน่เพคะ ถ้าหม่อมฉันมีความคิดเช่นนั้นจริงๆ ทำไมต้องใช้แมวของตัวเองล่ะเพคะ…"
หมิงไท่เฟยรู้ดีว่า ในใจว่าหลานสาวของนางมีความคิดมากมาย และตอนนี้ในเวลาเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะลงมือกับตน จึงโบกพระหัตถ์ แล้วตรัสว่า "ข้ารู้ดีว่าไม่ใช่เจ้า เพียงแต่ว่า คนในตำหนักของเจ้าต้องตรวจให้ละเอียด เจ้าหลับแล้ว แน่นอนว่าประตูต้องล็อคทั้งๆที่ล็อคประตู แล้วแมวตัวนี้มาปรากฏตัวที่นี่โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยได้อย่างไร "
"ฮัดเช้ย…" หยุนชางจามทันที แล้วรีบพูดว่า "ไท่เฟยเหนียงเหนียง ชางเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะท่าน แต่แค่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ชางเอ๋อร์ได้กลิ่นที่ฉุนตลอดเลย ดังนั้นกลั้นไม่ไหว… ชางเอ๋อร์แพ้แป้งหอม… ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่เมื่อครู่ไม่มีกลิ่นเช่นนี้ ทำไมจู่ๆถึงมีได้…"
หญิงในวังหลังทั้งหมดล้วนเป็นคนที่ฉลาดและตื่นตัวมาก เมื่อพวกนางได้ยินคำพูดของหยุนชาง พวกนางก็มีข้อสงสัย หมิงไท่เฟยขมวดพระขนง พึมพำ "แป้งหอม?"
หยุนชางพยักหน้า กำลังจะพูด แต่จามอีกครั้ง "ฮัดเช้ย…"
"มีกลิ่นหอมนิดหน่อย ดูเหมือนว่าจะเพิ่งปรากฏขึ้นไม่นานมานี้ แต่เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ไม่มี" หยุนชางสูดหายใจเข้าและขมวดคิ้ว
เมื่อครู่ไม่มี แต่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น หมิงไท่เฟยคร่ำครวญครู่หนึ่ง พระเนตรของนางจับจ้องไปที่ร่างของหยุนชาง และทุกคนก็อยู่ที่นั่นตลอดเวลา แต่สิ่งเดียวที่ปรากฏขึ้นในทันใดก็คือ…ผ้าห่มผืนนี้บนตัวหยุนชาง
ดูเหมือนว่าหยุนชางจะนึกสิ่งนี้ได้ในทันใด ดังนั้นนางจึงก้มศีรษะของนางและสูดหายใจเข้าลึกๆ กับผ้าห่ม "ฮัดเช้ย…" "ฮัดเช้ย…"
หยุนชางจามหลายครั้งติดต่อกัน สนมจิ่นที่อยู่ข้างๆรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นำผ้าห่มออกจากหยุนชาง ดึงหยุนชาง ให้หยุนฉางมายืนข้างตน
"ดีขึ้นแล้วหรือยัง?" สนมจิ่นมองหยุนชาง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล
หยุนชางพยักหน้า "ดีขึ้นแล้วเพคะ"
หมิงไท่เฟยทอดพระเนตรไปยังสนมจิ่นและหยุนชางเป็นเวลานาน จากนั้นจึงหันไปหาอวี้มามาตรัสว่า "ผ้าห่มผืนนี้เปื้อนแป้งหอมงั้นหรือ"
สีหน้าของอวี้มามาก็งงงวยเหมือนกัน "ไม่เคยนะเพคะ ผ้าห่มผืนนี้เป็นผืนที่เหนียงเหนียงห่มประจำ เมื่อครู่ฝ่าบาททรงรีบร้อนให้เอา ผ้าห่มจำนวนมากในกล่องยังมิได้ผึ่งแดด หม่อมฉันจึงนำผ้าห่มบนฟูกนุ่มของท่านออกมา"
อวี้มามากล่าว เดินไปยังเก้าอี้ที่หยุนชางเพิ่งนั่งและยกผ้าห่มขึ้นมาดมกลิ่น "ไม่มีนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้กลิ่นหอมพิเศษอะไรเลยเพคะ"
หยุนชางก้มศีรษะขึ้นเพื่อดมกลิ่น ก็จามอีกครั้ง พยักหน้าซ้ำๆและพูดว่า "มี มีอยู่ มามาท่านดมดูอีกครั้ง"
อวี้มามาดมอีกครั้ง ดวงตาของนางยังคงสับสน "กลิ่นบนผ้าห่มกับกลิ่นรมควันธูปบนเสื้อผ้าของไท่เฟยเหนียงเหนียงเหมือนกัน คงจะเป็นนางกำนัลรมควันธูปเสื้อแล้วได้รมควันธูปกลิ่นหอมนี้ใส่ไปด้วยเท่านั้น"
"รมควันธูป?" หยุนชางพึมพำกับตัวเองและเงยหน้าขึ้นมองหมิงไท่เฟย "ไท่เฟยเหนียงเหนียง ชางเอ๋อร์ขอดมกลิ่นรมควันธูปที่อยู่บนตัวพระองค์ได้ไหมเพคะ?"
แม้ว่าหมิงไท่เฟยจะรูสึกว่าหยุนชางค่อนข้างไร้มารยาท แต่ก็ตอบตกลง
หยุนชางเดินไปหาหมิงไท่เฟยและก้มไปดมกลิ่น "มันไม่ถูกต้องนะ กลิ่นหอมบนผ้าห่มนี้คล้ายกับกลิ่นรมควันธูปบนเสื้อไท่เฟยเหนียงเหนียง แต่ว่าไม่ควรเป็นเช่นนั้น กลิ่นบนผ้าห่มนี้เป็นกลิ่นของแป้งหอมอย่างชัดเจน……"