ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 119 เรื่องสยองกลางดึก (แมวที่ตายอีกแล้ว)
"ปกติแล้วข้ารู้สึกว่าเจ้าทำงานระมัดระวังอยู่เสมอ แต่ทำไมวันนี้เจ้าจึงประมาทเลินเล่อขนาดนี้ เครื่องหอมอะไรนั่น เจ้าทำใส่แค่ตัวยัยเด็กนั่นก็พอ ทำไมถึงทำให้ตัวเจ้าและข้าต้องสัมผัสมันด้วย? ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าทิ้งเข็มนั่นได้อย่างทันท่วงที คงจะถูกตรวจเจอเป็นแน่ ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่ขโมยไก่ไม่ได้แต่ยังต้องเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ" หมิงไท่เฟยขมวดพระขนง นัยน์ตาไม่พอพระทัยเล็กน้อย
ยวีมามารีบก้มศีรษะคำนับอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "เป็นอย่างที่เหนียงเหนียงตรัสเพคะ หม่อมฉันประมาทเกินไป เพียงแต่หม่อมฉันคาดไม่ถึงว่าว่าองค์หญิงหยุนชางถึงกับใช้เหตุผลที่ว่าเป็นห่วงพระวรกายเหนียงเหนียง และให้คนมาตรวจดูเพคะ"
"ฮ่า ยัยเด็กนั่นน่าสนใจเล็กน้อย แกล้งทำเป็นอ่อนแอ แต่บางครั้งนางก็ดูฉลาดมาก แต่ความฉลาดนั้นจงใจเกินไป ทำให้คนอื่นคิดว่าความฉลาดของนางนั่นแหล่ะที่แกล้งทำออกมา" หมิงไท่เฟยโบกมือและตรัสว่า "ช่างเถอะช่างเถอะ มันเป็นอย่างนี้แล้ว หลายปีมานี้ข้าว่างที่สุด อาจเพราะไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว ดูเจ้าสิไม่คุ้นมือแล้ว คราวหน้าระวังหน่อย หญิงในวังนี้ ล้วนไม่ธรรมดา อย่าประมาทศัตรูอีกต่อไป"
ยวีมามารีบตอบ "หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ เหนียงเหนียง ดึกแล้ว เข้าบรรทมก่อนดีกว่านะเพคะ"
หมิงไท่เฟยพยักหน้า "อากาศนับวันยิ่งเย็นลง ประเดี๋ยวไฟถ่านในห้องจุดให้แรงขึ้นหน่อย"
"เพคะ" ยวี่มามาตอบรับ ลุกขึ้นยืน ปรนนิบัติหมิงไท่เฟยเปลี่ยนชุด และเอาโถน้ำร้อนใต้ผ้าห่มที่อุ่นผ้าห่มไว้ออกมา ให้หมิงไท่เฟยนอนลงก่อนจะคลุมผ้าห่มให้ หันหลังกลับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ จากนั้นเดินไปที่เตาเพื่อจุดไฟให้แรงขึ้น ดับไฟในห้อง แล้วเดินไปที่ห้องเล็กด้านนอกเพื่อนอน
หมิงไท่เฟยนอนหลับอย่างสะลึมสะลือ ฝันถึงแมวตัวหนึ่งร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย และพุ่งเข้าหาตัวเอง หมิงไท่เฟยลืมตาขึ้นทันที และตื่นขึ้น เพียงพบว่านางแค่ฝันไป เช็ดหน้าผากของนาง เหงื่อที่เย็นเยียบ กำลังจะหลับพระเนตร ก็ได้ยินเสียงแมวร้อง แผ่วๆหลายครั้งมาจากนอกหน้าต่าง เสียงร้องยิ่งโศกเศร้า
แมวมาจากไหน? หมิงไท่เฟยขมวดพระขนง บางทีอาจเป็นเพราะความฝันในเมื่อครู่ รู้สึกตื่นตระหนกในใจ จึงตะโกนว่า "ยวี่มามา…"
เสียงแผ่วเบาดังมาจากห้องข้างๆ ตามด้วยเสียงของยวี่มามาที่ดังขึ้น "หม่อมฉันอยู่เพคะ"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไฟก็สว่างขึ้น และยวี่มามาก็เข้ามาพร้อมกับตะเกียงเคลือบ "เหนียงเหนียง เกิดอะไรขึ้นเพคะ กระหายน้ำหรือเพคะ?"
หมิงไท่เฟยส่ายพระเศียร ฟังอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย จึงถามว่า "มามา เมื่อครู่เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่ อย่างเช่น เสียงแมวร้อง"
ยวี่มามาได้ฟังก็ส่ายหัว "ไม่เพคะ เหนียงเหนียงทรงได้ยินเสียงอะไรรึเพคะ"
หมิงไท่เฟยขมวดพระขนง "เมื่อครู่ข้าได้ยินแมวร้อง"
"แมว?" ยวี่มามางงเล็กน้อย "ไม่มีนะเพคะ ทำไมมีแมวร้องในเวลานี้ได้เพคะ ยามค่ำยามคืนในวัง สัตว์เลี้ยงทั้งหมดมิได้ปล่อยออกจากวังของมันเลยนะเพคะ?"
หมิงไท่เฟยรู้สึกงงงวยเล็กน้อยพลางคิดว่าตนได้ยินผิด จึงโบกมือแล้วตรัสว่า "ช่างเถอะ บางทีข้าอาจได้ยินผิดไป"
ยวี่มามาพยักหน้า กำลังจะทูลลา นางก็เห็นว่าหน้าต่างด้านข้างดูเหมือนจะเปิดออก ยวี่มามาขมวดคิ้ว "หือ ทำไมหน้าต่างนี้เปิดได้ หม่อมฉันจำได้ว่าเมื่อครู่ได้ปิดแล้ว แม้แต่ไฟในเตาถ่านก็ยังเบาลงนิดหน่อย"
เมื่อได้ยินยวี่มามาพูด หมิงไท่เฟยก็รู้สึกว่าหนาวเล็กน้อย "วันนี้หิมะตก บางทีอาจปิดไม่แน่น พอลมพัดก็ถูกเปิดออก"
ยวี่มามาตอบรับด้วยเสียง "อือ" นางวางโคมไฟเคลือบไว้บนโต๊ะด้านข้าง เดินไปทางหน้าต่าง ขณะที่เดิน รู้สึกว่าเท้ากำลังเหยียบอะไรบางอย่างนุ่มๆ แต่ก็เหมือนจะแข็งอยู่บ้าง ขัดเท้าเล็กน้อย ก้มหน้าลงและเห็นว่าเห็นก้อนขนปุยๆ ที่โดนเหยียบด้วยเท้าตัวเอง นางจึงมองเข้าไปใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องด้วยความตกใจ "อ๊า…"
หมิงไท่เฟยตกใจ ลุกขึ้นยืนและมองไปที่ยวี่มามา "มีอะไรรึ?"
ยวี่มามาหลับตาลง ชี้ไปที่เท้าแล้วพูดว่า "เหนียงเหนียง มันเป็นแมว มันเป็นแมวที่ตายแล้วเพคะ…"
หมิงไท่เฟยรู้สึกขนลุกซู่ทั้งร่าง ตะโกนอย่างสั่นเทาว่า "ใครก็ได้! มานี่! มานี่เร็ว!"
ค่ำคืนที่เงียบสงบในฤดูหนาว เสียงเคาะประตูดังไปทั่ววัง "ไท่เฟยเหนียงเหนียงตามเข้าเฝ้าเป็นการด่วน นายทุกองค์โปรดเปลี่ยนชุดทันที เพื่อเสด็จไปที่ตำหนักฉางชุน…"
"องค์หญิง องค์หญิง ลุกขึ้นเถิดเพคะ ไท่เฟยเหนียงเหนียงส่งคนมาเชิญ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าเจ้านายของวังทุกตำหนักต่างตื่นตระหนก" ฉินยีรีบลุกขึ้นและเรียกหยุนชาง หลังจากสวมเสื้อผ้าแล้ว นางก็รีบนำโถน้ำร้อนมายื่นให้หยุนชาง "องค์หญิง ตอนกลางคืนอากาศหนาวมาก หม่อมฉันจะเพิ่มอีกตัวให้ท่านนะเพคะ"
หยุนชางส่ายหัวแล้วกล่าวว่า "ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร ว่าแต่พวกเจ้า สวมเสื้ออีกตัวค่อยไปกัน ไม่ต้องรีบ"
ฉินยีพยักหน้า คราวนี้นางเอาเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งในห้องเล็กๆ ที่นางพักอยู่ตอนกลางคืน แล้วรีบออกไปดูว่าหิมะตกหรือไม่ จากนั้นกลับไปที่ห้องโถงด้านในและพูดว่า "องค์หญิง ไปเถอะเพคะ หิมะหยุดแล้ว"
หยุนชางพยักหน้า และพาฉินยีและเฉี่ยนอินไปที่ตำหนักฉางชุน เมื่อไปถึงครึ่งทาง ก็เห็นฉินเมิ่งและหยิงเจี๋ยยวี๋ทั้งสองเข้ามาพร้อมกัน ทั้งสองก็รีบทำความเคารพให้หยุนชาง หยุนชางพยักหน้าและไม่พูดอะไร เดินนำข้างหน้าทั้งสอง
เมื่อข้ามาถึงตำหนักฉางชุน ก็เห็นมีนางสนมหลายคนนั่งอยู่ในห้องโถงแล้ว เพียงแต่แต่ละนางไม่ได้แต่งหน้า ดูไม่มีชีวิตชีวา และหาวเป็นครั้งคราว หมิงไท่เฟยนั่งอยู่เหนือที่นั่งหลักด้วยใบหน้าที่โกรธจัด
หยุนชางโค้งคำนับแล้วก้าวออกไปนั่งลง สักครู่หนึ่ง นางกำนัลถวายน้ำชา หยุนชางยกชาขึ้นมาจิบ นางได้ยินนางสนมข้างๆ ต่างคาดเดาว่าทำไมหมิงไท่เฟยดึกเช่นนี้ยังเรียกทุกคนมาที่นี่อย่างรีบร้อน
ห้องโถงนั้นกำลังคึกครื้น และเสียงประกาศจากกงกงก็ส่งมาจากข้างนอกว่า "ฮ่องเต้เสด็จ พระสนมจิ่นเสด็จ"
หมิงไท่เฟยได้ยิน ก็ขมวดพระขนง หันกลับมาตรัสกับยวี่มามาว่า "บอกแล้วมิใช่หรือ ว่าอย่าทำให้ฮ่องเต้ตกพระทัย"
ยวี่มามายังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิหนิง "เจิ้นบังเอิญพักอยู่ที่ตำหนักสนมจิ่น กลางดึกก็ได้ยินเสียงกงกงจากตำหนักเสด็จแม่มาเคาะประตู ดูรีบร้อนนัก ไม่รู้ว่าเสด็จแม่มีเรื่องอันใดถึงเรียกทุกคนมารวมกันในยามดึกเช่นนี้"
เหล่าสนมอาจไม่เคยนึกว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาด้วย ต่างก็คิดว่าเพราะรีบร้อนจึงยังไม่ทันแต่งหน้า และรู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อย มีความขุ่นเคืองต่อหมิงไท่เฟยเล็กน้อย หมิงไท่เฟยยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อถูกจักรพรรดิกล่าว มุมพระโอษฐ์ของนางกระตุกเล็กน้อย ทำเสียงเชอะ "แน่นอนว่าเกิดเรื่องขึ้นเพคะ ก่อนหน้านี้ที่งานเลี้ยงภายใน มีละครที่ว่าแมวทำร้ายคน คืนนี้ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยม ใครก็ได้ เอามันออกมา"
กงกงสองคนรีบออกมาจากห้องโถงด้านใน ถือพลั่วอยู่ในมือ ในพลั่วมีแมวที่เปื้อนเลือด
นางสนมในห้องโถงต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องเต็มทั่วห้องโถง สีพระพักตร์ของจักรพรรดิหนิงซีดเผือด รีบสวมกอดสนมจิ่นและกดศีรษะไปที่พระทรวงของตน ไม่ยอมให้นางหันไปมอง "ยวี่มามา เจ้ามาบอกกับทุกคน ว่าเกิดอะไรขึ้น…" เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนเช่นนี้ หมิงไท่เฟยพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
ยวี่มามารีบเดินออกมา โค้งคำนับฝูงชน "วันนี้ไท่เฟยเหนียงเหนียงทรงเหนื่อยเล็กน้อย ก็เลยเข้าบรรทมแต่เช้า หม่อมฉันรอรับใช้อยู่ในห้องข้างๆ กลางดึก หม่อมฉันก็ได้ยินเสียงไท่เฟยเหนียงเหนียงทรงเรียกหม่อมฉัน หม่อมฉันรีบเข้ามา ไท่เฟยเหนียงเหนียงก็ทรงตรัสว่า พระองค์ดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องของแมว แล้วทรงถามหม่อมฉันได้ยินหรือไม่ หม่อมฉันหลับลึกแล้วเลยไม่ได้ยิน ไท่เฟยเหนียงเหนียงจึงคิดว่าพระองค์ฟังผิด พอหม่อมฉันกำลังจะกลับไปที่ห้องด้านข้าง แต่ทันใดนั้นก็พบว่าหน้าต่างในตำหนักของไท่เฟยเหนียงเหนียงได้ถูกเปิดออก หม่อมฉันคิดว่าถูกลมพัดดันออก จึงเดินเพื่อจะไปปิดหน้าต่าง แต่ใครจะรู้ว่าเหยียบเข้ากับเจ้าสิ่งนี้ทำให้หม่อมฉันและไท่เฟยเหนียงเหนียงตกพระทัยมากเพคะ"
หมิงไท่เฟยทำเสียงเชอะ "ตอนงานเลี้ยงเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้น และสิ่งนี้ปรากฏขึ้นในตอนกลางคืน ข้าว่า ในวังหลังแห่งนี้ บรรยากาศเริ่มไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าวันนี้ไม่ตรวจสอบให้ดีๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต ฮ่องเต้ เรื่องในคืนนี้หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ก็ทรงเหนื่อยกับงานหลวงในช่วงเช้าแล้ว แต่เดิมหม่อมฉันไม่ต้องการที่จะรบกวนพระองค์ เรื่องวังหลังเดิมเป็นเรื่องของผู้หญิง แต่ตอนนี้ พระองค์อยู่ที่นี่แล้ว ในวันนี้พระองค์ก็ทรงมาเป็นพยานเถอะเพคะ"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและตรัสว่า "วังหลังแห่งนี้ควรได้รับการดูแลจัดการให้ดี เสด็จแม่โปรดทรงวางพระทัย เจิ้นจะยืนในฝั่งที่ถูกต้องเสมอ"