ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 118 ให้เรื่องแมวบ้าคลั่งจบๆไป
ขณะที่พูดอยู่ ชายหนุ่มท่านหนึ่งที่แต่งตัวเป็นหมอหลวงเดินเข้ามา โค้งคำนับต่อหน้าฝูงชนก่อนจะกล่าวว่า "กราบทูลฝ่าบาท เมื่อครู่กระหม่อมได้ตรวจดูแมวอย่างละเอียดแล้ว พบว่ามีผงแป้งแปลกๆอยู่ระหว่างกรงเล็บและขน กระหม่อมเอาลงมาตรวจอย่างละเอียด มันคงจะเป็นแค่เครื่องหอมธรรมดา ซึ่งจะไม่ทำให้แมวบ้าคลั่งได้ ตรงกันข้าม กระหม่อมเห็นรูเล็กๆ ที่อุ้งเท้าหน้าของแมว ถ้าไม่ดูอย่างละเอียด ก็จะไม่เห็นอย่างแน่นอน รอยนั่นน่าจะถูกแทงด้วยสิ่งของที่แหลมคมเหมือนเข็มเงิน กระหม่อมเดาว่า นั่นคือเหตุผลที่แมวบ้าคลั่งไปทำร้ายคนอย่างกะทันหัน"
"อ๋อ?" จักรพรรดิหนิงทอดพระเนตรไปทางหมิงไท่เฟย "เสด็จแม่ หากได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีคม แมวคงได้รับบาดเจ็บแล้วบ้าคลั่งทันที ถึงได้ทำร้ายคนแต่ทว่า ในเวลานั้น ดูเหมือนจะเป็นยวี่มามากำลังอุ้มหยวนเป่าไว้?"
ยวี่มามาได้ยินก็รีบคุกเข่าลงทันที "ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่มีอะไรอยู่ในมือ แล้ว เอาอาวุธมีคมมาแทงที่อุ้งเท้าของหยวนเป่าต่อหน้าต่อตานายท่านทุกองค์โดยมิให้ซุ่มให้เสียงได้อย่างไรเพคะ?"
หมิงไท่เฟยไม่ตอบ แต่ทอดพระเนตรไปที่หมอหลวงหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในเมื่อครู่ และตรัสว่า "ฮ่องเต้ หมอหลวงท่านนี้ดูคุ้นหน้ามากเลยเพคะ…"
จักรพรรดิหนิงยิ้มและตรัสว่า "เสด็จแม่อาจไม่รู้ นี่คือหมอเทวดากุ่ยกู่ที่มีชื่อเสียงมากแห่งแคว้นหนิง หมอหลวงในวังนั้นต่างก็เป็นหมอธรรมดา ใครได้รับบาดเจ็บหรือป่วย แค่สั่งยายังตัวสั่นงันงก มันช่างน่าเบื่อจริงๆ ท้องของซูจิ่นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในวังนี้ไม่มีนางสนมตั้งท้องมาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าเจิ้นต้องระวังให้มากกว่านี้ ดังนั้นจึงให้จิ้งอ๋องไปเชิญหมอเทวดากุ่ยกู่มาดูแลในวังโดยเฉพาะ"
"โอ๋ หมอเทวดาที่ล่ำลือยังหนุ่มเช่นนี้เลยรึ?" หมิงไท่เฟยยิ้มอย่างเย็นชา "ในเมื่อทุกคนรู้สึกว่า ยวี่มามาคือคนที่มีโอกาสลงมือมากที่สุด ก็ให้คนมาค้นดูเถอะ ดูสิว่ามีอาวุธมีคมที่เหมือนเข็มเงินตามหมอหลวงบอกไว้บนร่างกายของยวี่มามาหรือไม่"
จักรพรรดิหนิงพยักหน้าและพูด"ไม่ใช่ว่าสงสัยยวี่มามา เพียงแต่ว่า ทุกคนในที่นี้ต่างก็น่าสงสัย ในเมื่อน่าสงสัยกัน ก็ค้นกันทั้งหมด"
หญิงชุดดำหลายคนเดินออกจากความมืด จักรพรรดิหนิงกวักมือ หญิงชุดดำก้าวเข้าไปข้างหน้าและค้นทุกคนอย่างทีละคน แม้แต่หมิงไท่เฟยก็ไม่มีข้อยกเว้น หลังจากนั้นไม่นาน หญิงชุดดำก็ถอยกลับไป "ฝ่าบาท ไม่มีเพคะ"
หยุนชางกวาดสายตามองไปทางด้านหลังยวี่มามา ซึ่งมีแจกันเคลือบสีเขียวอยู่ เมื่อครู่ ตอนที่สายตาของทุกคนมองมาที่ตนนั้น หยุนชางก็ได้ยินเสียงเบาๆจากแจกัน เสียงที่เบาและเบามาก และเสียงนั้นเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและไม่พูด
"นี่ก็แปลกแล้ว ไม่มีเลย แล้วเจ้าแมวได้รับบาดเจ็บมาได้อย่างไร" จักรพรรดิหนิงสูดหายใจเข้า มีสายพระเนตรที่เย็นชา
หลี่ฝูยีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดว่า หยวนเป่าได้รับบาดเจ็บตอนที่มันวิ่งไปท่ามกลางหิมะ สถานที่ที่องค์หญิงพบหยวนเป่าอยู่ในป่าไผ่ ในป่าไผ่มิใช่ว่าจะไม่มีแถบไม้ไผ่ เกรงว่าเมื่อครู่ตอนที่ยวี่มามาอุ้มหยวนเป่า แล้วบังเอิญไปสัมผัสบาดแผลของหยวนเป่า หยวนเป่าเจ็บปวด ก็เลยพุ่งตัวออกมา"
คำอธิบายนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล
"ที่ฝูเหม่ยเหรินพูดก็มีเหตุผลเล็กน้อย บางทีหยวนเป่าวิ่งไปทั่ว ไม่ระวังไปชนกล่องเครื่องหอมของสนมบางท่าน สัมผัสโดนเครื่องหอม แล้วบังเอิญเหยียบวัตถุมีคมโดยไม่ระวัง ทำให้ขาของมันบาดเจ็บ…" หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น รับคำมาพูดต่อ เพียงแต่คำว่าไม่ระวังสองครั้ง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่ปกติเกินไป
แน่นอนจักรพรรดิหนิงรู้ความจริง แต่ในวังหลัง ในเมื่อไม่มีผลร้ายแรง เรื่องบางเรื่อง หลับหูหลับก็ผ่านไป แม้ว่าจะไม่ค่อยพอพระทัย แต่ก็ตรัสได้เพียงว่า "เพียงแต่ว่าหยวนเป่านี้อยู่ในตำหนักของเสด็จแม่ นางกำนัลดูแลไม่ดี ก็ยากที่จะแก้ตัว แต่ละคนจะถูกปรับเงินเดือนสามเดือน งานเลี้ยงวันนี้ก็จบลงตรงนี้ เสียบรรยากาศจริง ชางเอ๋อร์ เจ้าไปเดินเล่นกับเจิ้น"
หยุนชางพยักหน้า ตามหลังจักรพรรดิหนิง และเดินออกไปข้างนอก หิมะข้างนอกหยุดแล้ว มีกลิ่นหอมของดอกบ๊วยจางๆ หยุนชางสูดลมหายใจ รู้สึกเพียงว่ากลิ่นหอมของดอกบ๊วยมาพร้อมกับกลิ่นของหิมะ ช่างชัดเจนมาก
จักรพรรดิหนิงไม่ทรงตรัสอะไร ได้ยินแต่เสียง "แชะแชะ" และ "แชะแชะ" เสียงที่เหยียบหิมะ หลังจากเดินมานานพอควร เดินถึงป่าไผ่ ได้ยินจักรพรรดิหนิงตรัสเบาๆว่า "คือที่นี่หรือ ที่ถูกแมวกระโจนเข้าใส่เจ้า?"
หยุนชางได้ยินจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย "เพคะ ทำเอาชางเอ๋อร์ตกใจ"
จักรพรรดิหนิงหยุด หันทอดพระเนตรไปที่หยุนชาง "เรื่องในวันนี้ เจ้าคิดว่าเป็นฝีมือของใคร?"
หยุนชางหรี่ตา เสด็จพ่อเรียกตนไว้ เพียงเพื่อถามตนกับเรื่องนี้? เสด็จพ่อ… หยุนชางลังเล ช่วงแรกในตอนที่เกิดใหม่ เคยคิดว่าจะให้เสด็จพ่อเป็นที่พึ่ง เพียงแต่ว่า ภายหลังนางค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเสด็จพ่อไม่อยากที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวังหลังเลย และถึงแม้ว่าพระองค์จะตรัสได้เต็มปากเต็มคำว่ารักเสด็จแม่มากที่สุด แต่ก็ดีกับนางสนมคนอื่นๆ ฝากรักไว้ทุกที่ทุกแห่ง มันเป็นธรรมชาติของผู้เป็นจักรพรรดิจริงๆ หยุนชางค่อยๆเข้าใจความรู้สึกของเสด็จแม่ และค่อยๆเหินห่างจักรพรรดิหนิง
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หยุนชางยิ้มและพูดว่า "ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ทุกคนล้วนบอกว่ามันเป็นความผิดของหยวนเป่าเอง ก็ให้มันเป็นความผิดของหยวนเป่าเพคะ เสด็จพ่อ เรื่องของในวังหลัง บางครั้ง เดิมก็ไม่จำเป็นต้องเห็นให้ชัด และไม่จำเป็นต้องหาสาเหตุ ถ้าหาสาเหตุขึ้นมา หน้ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อกันหมด สุดท้ายผู้ที่เสียพระทัย ก็จะเป็นเสด็จพ่อเอง"
จักรพรรดิหนิงแปลกใจเล็กน้อยที่หยุนชางจะกล่าวเช่นนี้ เขาคิดว่าสิ่งที่หยุนชางได้พูดในตอนท้ายของเมื่อครู่ หากตนถามเพียงลำพัง ย่อมจะกล่าวออกมาว่าเป็นหมิงไท่เฟย
จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับคำพูดของหยุนชาง ก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ "เจ้ารู้ดีกว่าใครๆ เพียงแต่ว่า นิสัยของเจ้า ถ้าในอนาคตแต่งงานไป เกรงว่าเจ้าจะต้องเสียเปรียบ"
หยุนชางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "เสด็จพ่อ ชางเอ๋อร์เป็นองค์หญิงนะเพคะ มีเสด็จพ่อคอยช่วยเหลือ ใครจะกล้าทำให้ชางเอ๋อร์เสียเปรียบ? นอกจากนี้ เจ้าอาวาสอู๋น่ามักกล่าวว่า บางครั้งเสียเปรียบคือสุข"
"เสียเปรียบคือสุข มีเพียงนักปราชญ์อย่างเจ้าอาวาสอู๋น่าเท่านั้นที่สามารถพูดเช่นนี้ได้" จักรพรรดิหนิงพ๒_ไยิ้ม "ไปเยี่ยมเสด็จแม่ของเจ้าไหม"
หยุนชางส่ายหัว "ไม่แล้วเพคะ เสด็จพ่อทรงเห็นแล้ว ตอนนี้ชางเอ๋อร์ถูกจับจ้องอย่างแน่นหนา เสด็จแม่กำลังตั้งครรภ์ทายาทมังกร เดิมก็มีดวงตามากมายเฝ้ามองอยู่แล้ว ถ้าหยุนชางเข้าไปเกี่ยวด้วย มันจะเป็นผลเสียต่อเสด็จแม่เพคะ อีกทั้ง…" หยุนชางคร่ำครวญครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ตั้งแต่เด็กชางเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยติดต่อกับเสด็จแม่ เจอเสด็จแม่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเพคะ… "
จักรพรรดิหนิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ "เป็นความผิดของเจิ้น"
หลังจากแยกตัวจากจักรพรรดิหนิงแล้ว หยุนฉางก็กลับไปที่ตำหนักชิงซิน เฉี่ยนอินปิดประตูและพูดด้วยความงงงวยว่า "องค์หญิง เมื่อครู่ท่านต้องได้ยินเป็นแน่ หญิงเฒ่านั้นโยนเข็มเข้าไปในแจกันอย่างชัดแจ้ง ทำไมท่านไม่ตรัสออกไปล่ะเพคะ"
หยุนชางยิ้มและส่ายหัว "ทุกคนยังไม่ได้ยิน ดังนั้นเราก็ไม่ควรจะได้ยิน แม้แต่ผู้พิทักษ์เงาหลายคนที่มีศิลปะการต่อสู้เก่งกาจของเสด็จพ่อก็บอกว่าไม่มี เช่นนั้นก็คือไม่มี…"
เฉี่ยนอินตกตะลึง นางยกมือขึ้นแล้วพูดว่า "โอ้ หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ ฝ่าบาทจงใจปกป้อง!"
"เงียบ…" หยุนชางทำท่าทางใเงียบ "อย่าโหวกเหวก เรื่องนี้พูดไปเรื่อยไม่ได้"
เฉี่ยนอินรีบเก็บเสียง โน้มตัวไปข้างหยุนชางและพูดเบาๆ กับหยุนชางและฉินยีว่า "องค์หญิง เมื่อกี้ มีนางกำนัลน้อยแอบส่งกระดาษให้หม่อมฉันขณะเสิร์ฟอาหารเพคะ"
"โอ๋ กระดาษอะไร" หยุนชางตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ทันใด "โอ้ เจ้าอยู่ข้างกายข้านานเกินไป จนข้าลืมไปว่า เจ้าอยู่ในวังนี้ เป็นฮองเฮาส่งเจ้ามาแทนตำแหน่งของฉินเมิ่ง หรือว่า ฮองเฮามีอะไรสั่งการ?"
เฉี่ยนอินพยักหน้า "องค์หญิงเดาถูกแล้วเพคะ ก็คือฮองเฮาที่กำลังพักฟื้น พระองค์ให้หม่อมฉัน อีกสามวันในยามซื่อ พาองค์หญิงไปที่อุทยานหลวงเพคะ"
"โอ้ อีกสามวัน จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นงั้นหรือ" หยุนชางนึกถึง ในภพที่แล้ว อีกสามวันต่อมาดูเหมือนว่านางเข้าวังเพื่อแจ้งข่าวดีการตั้งครรภ์กับฮองเฮา แต่ชาตินี้ ตนไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้ตั้งครรภ์ และภพที่แล้ว ฮองเฮาไม่ได้ถูกกักบริเวณ ทุกอย่างเปลี่ยนไป อีกสามวันข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้น?
เฉี่ยนอินส่ายหน้า "หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ และไม่มีเขียนบนกระดาษ เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาให้หม่อมฉันพาองค์หญิงไป องค์หญิงว่า…"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน ข้าจะคอยดูว่า คราวนี้ ละครเรื่องไหนที่ฮองเฮาทรงเตรียมไว้ให้ข้า จริงด้วย เจ้าส่งจดหมายให้คนข้างนอกเฝ้าองค์หญิงหัวจิ้งให้ดี ถ้าองค์หญิงหัวจิ้งเรียกหมอ หรือส่งคนไปจัดยา คิดหาทางพยายามหยุด ถ้าเรียกหมอ ก็ซื้อตัวหมอไว้ล่วงหน้า หากจัดยา ก็แอบสลับยามา ยังไงก็ตาม สุดท้ายแล้ว ข้าจะให้ยาที่หัวจิ้งดื่มเข้าไปในปากนั้น ทั้งหมดเป็นยาบำรุงครรภ์"