ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 108 จิ้งอ๋องชวนหยุนชางชมพระอาทิตย์ตกดิน
ทันทีที่หัวจิ้งจากไป ในกระโจมนั้นก็เงียบสงัดเป็นเวลานาน ผ่านไปอยู่นานก็ได้ยินเสียงอันทรงพลังดังขึ้น "เมื่อวานนี้ เราทุกคนสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้ ก็ต้องขอบคุณคุณชายเซียวเลยนะ ก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดว่าคุณชายเซียวจะเก่งกล้าเช่นนี้"
ทุกคนก็พูดตามน้ำแล้วชมเชยนางเล็กน้อย จิ้งอ๋องเห็นว่าหยุนชางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจึงกล่าวว่า "ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ข้าคิดว่าทุกคนคงได้เห็นกันแล้วว่าจุดประสงค์ขององค์หญิงหัวจิ้งนั้นไม่ธรรมดา ข้าเกรงว่านางคงมาเพราะแผนยุทธศาสตร์ของเรา"
จิ้งอ๋องพูดจบ ในกระโจมก็เงียบลงอีกครั้ง ผ่านไปนาน ก็มีเสียงที่ลังเลเล็กน้อยดังขึ้น "แต่ทว่า กระหม่อมมิกระจ่าง องค์หญิงหัวจิ้งเป็นองค์หญิงของแคว้นหนิงมิใช่หรือ แล้วท่านจะเอาแผนยุทธศาสตร์ของเราไปทำการอันใดหรือขอรับ?"
หยุนชางเงยหน้ามองไปที่คนที่พูดเช่นนี้ และพบว่าบุคคลนั้นอายุราวสี่สิบปี เขาดูอ่อนแอเล็กน้อย ดูไม่เหมือนผู้บัญชาการทหารเลย หยุนชางหรี่ตาลง รู้สึกว่าคนคนนี้คุ้นตาอย่างมาก
หลังจากพูดจบ แม่ทัพคนอื่นๆ ก็พยักหน้าตาม มีความสงสัยอยู่ในแววตาของพวกเขา
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ข้าไม่รู้ว่าเหล่าแม่ทัพสังเกตเห็นหรือไม่ว่า ผู้ติดตามที่ติดตามองค์หญิงหัวจิ้งมานั้น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเป็นสีน้ำตาล โดยทั่วไปแล้วดวงตาของคนแคว้นหนิงจะเป็นสีดำ มีแค่……."
"มีแค่เฉพาะพวกสารเลวของแคว้นแย้หลางเท่านั้น ที่ดวงตาเป็นสีน้ำตาล" รองแม่ทัพรับคำมา และพูดอย่างโกรธเคือง
หยุนชางพยักหน้า "เท่าที่ข้าทราบมา สองเดือนที่แล้วที่องค์หญิงหัวจิ้งได้รับข่าวว่าเกิดเรื่องกับพระสวามีของตน นางก็เดินทางมาที่ชายแดนทันที ข้าออกเดินทางหลังจากที่องค์หญิงหัวจิ้งเดินทางไปแล้วครึ่งเดือน แต่ข้ากลับถึงก่อนองค์หญิงหัวจิ้ง องค์หญิงเคยบอกกับข้าว่า ที่เดินทางนานเพราะนางไม่เคยได้เดินทางไกลมาก่อน ข้าจึงเข้าใจ แต่ข้าจำได้ว่าท่านจ้าวฮูเหรินก็ออกเดินทางช่วงเดียวกับองค์หญิง ท่านจ้าวฮูเหรินเป็นหญิงชรายังมาถึงก่อนองค์หญิงเสียอีก นี่มันซึ่งไร้เหตุผลและความเป็นไปได้เสียจริง ยิ่งกว่านั้น เมื่อตอนที่องค์หญิงหัวจิ้งออกจากพระราชวัง นางนำผู้ติดตามมาด้วยสี่คน และนางกำนัลอีกสองคน …….องค์หญิงกล่าวว่า ตนไม่พบเหตุการณ์ลอบสังหารระหว่างทางเลย มีแค่วันนั้นที่มาถึงเมืองซีอีนางถูกลอบสังหารและผู้ติดตามเสียชีวิตไปหนึ่งคน หากเป็นเช่นนี้ แล้วผู้ติดตามอีกสองคนและนางกำนัลสองคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?"
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หยุนชาง "เจ้าหมายความว่า…"
"ข้ารู้สึกว่า องค์หญิงหัวจิ้งคงได้ต้องพบกับเรื่องบางอย่างระหว่างทาง หรืออาจจะถูกลักพาตัวโดยชาวแคว้นแย้หลาง หรืออาจจะถูกข่มขู่ นางจึงมาที่ค่ายของเราเพื่อขโมยแผนยุทธศาสตร์" หยุนชางหรี่ตาและพูดเบา ๆ
ทหารในค่ายมองหน้ากันนานก่อนที่จะมีคนถามขึ้นมาว่า "ถ้าหากองค์หญิงถูกข่มขู่ ผู้ติดตามที่ตามองค์หญิงมานั้นคงเป็นตัวสำคัญ หากว่าเราฆ่าผู้ติดตามนั้นได้ เราก็สามารถช่วงองค์หญิงไว้ได้ใช่หรือไม่?"
หยุนชางส่ายหน้า "วิธีนี้ไม่ได้ผล ประการที่หนึ่งคือเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายข่มขู่องค์หญิงด้วยวิธีใด หากเราทำเช่นนั้น อาจจะทำให้อีกฝ่ายระแวงขึ้นมา ข้าได้ยินมาว่า ที่แคว้นแย้หลางมีพ่อหมอที่สามารถควบคุมสมองของคนเราได้ และควบคุมร่างกายมนุษย์ให้ไปทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำได้ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อเราลงมือ ก็เกรงว่าคนอื่นจะรู้เข้า ประการที่สอง เมื่อวานตอนที่กระโจมรองแม่ทัพเกิดไฟไหม้ ข้าเห็นว่ามีคนจุดพลุส่งสัญญาณแจ้งศัตรูของเรา แสดงว่าในค่ายนี้มีไส้ศึกจากแคว้นแย้หลางอยู่ไม่น้อย…"
"แล้วคุณชายว่าสถานการณ์เช่นนี้ เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?" เมื่อรองแม่ทัพเห็นว่าทุกคนตั้งใจฟังอย่างมาก เขาจึงรีบถามออกมา
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "วันนี้ที่ข้าเชิญทุกท่านมา ก็เพื่ออยากจะหารือกับทุกท่าน หรือว่า เราแกล้งปล่อยให้องค์หญิงหัวจิ้งขโมยแผนยุทธศาสตร์ไปได้ แล้วเราก็ติดตามการเคลื่อนไหวขององค์หญิงหัวจิ้งอย่างใกล้ชิด เพื่อล่อคนที่อยู่เบื้องหลังองค์หญิงหัวจิ้งออกมา แล้วจัดการให้สิ้นซากเสียดีหรือไม่"
หยุนชางพูดความคิดของตนออกมา และทุกคนรู้สึกว่าแผนนี้ใช้ได้ จึงได้วางแผนนี้ขึ้นมาอย่างละเอียด
หลังจากที่ทุกคนจากไป หยุนชางก็เงียบ ขมวดคิ้ว และไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากผ่านไปนาน ถึงได้ยินนางกระซิบว่า "เสด็จลุงเจ้าคะ แม่ทัพที่ดูผอมแห้งอ่อนแออายุราวๆ สี่สิบปีนั้นเขาชื่ออะไรเจ้าคะ?"
"เขาชื่อจางอิง มีเรื่องอะไรหรือ?" จิ้งอ๋องตอบกลับด้วยเสียงเบา
หยุนชางขมวดคิ้ว "ข้ารู้สึกคุ้นหน้าคนนี้อย่างมากเจ้าค่ะ และคุ้นชื่อนี้อย่างมากเช่นกัน แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหนกันแน่เจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องหรี่ตาเมื่อได้ยินเช่นนี้ "อย่ากังวลไป ค่อยๆ คิด" ขณะที่เขาพูด เขาเห็นใบหน้าที่สับสนของหยุนชาง จึงยิ้มออกมา ยืนขึ้นและกล่าวว่า "เจ้ามาที่ชายแดนนี้หลายวันแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่เห็นพระอาทิตย์ตกที่ชายแดนเลย แม้ว่าตอนนี้จะเป็นหน้าหนาว แต่ข้าว่าแดดวันนี้ค่อนข้างดี ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูพระอาทิตย์ตกดิน" หยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็หวั่นไหวเล็กน้อย นางครุ่นคิด ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า "ได้เจ้าค่ะ" นางลุกขึ้นยืนและเดินออกจากกระโจมไป
นางยืนรออยู่หน้าประตูกระโจมครู่หนึ่ง แล้วเห็นจิ้งอ๋องเดินออกมาพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาวในมือ "หลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกดิน อากาศก็จะเย็นลงเล็กน้อย นำเสื้อคลุมนี้ไปด้วยดีกว่า"
หยุนชางพยักหน้าและรับเสื้อมา ลั่วติงและผู้ติดตามได้นำม้ามาแล้ว หยุนชางวางเสื้อคลุมไว้บนหลังม้า แล้วก้าวขึ้นไปบนหลังม้าและตามจิ้งอ๋องออกจากค่ายไป
สถานที่ที่จิ้งอ๋องพาหยุนชางไปคือทะเลทรายที่อยู่หลังภูเขาทางด้านซ้าย ทะเลทรายมีทรายเหลืองปลิวไปทั่วอากาศ ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ตกไปทางตะวันตก ชาติที่แล้วหยุนชางไม่ค่อยได้ออกจากพระราชวังเลย ชาตินี้นางก็เอาแต่เรียนรู้ทักษะต่างๆ และไม่เคยได้ไปไหนไกล เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นทิวทัศน์แบบนี้ ดวงอาทิตย์สีแดงที่ร้อนแรงนั้นใหญ่และกลมกว่าที่ตนเคยพบมากก่อน แม้แต่เมฆก็ยังเป็นสีแดงเพลิงไฟ ถูกย้อมสีด้วยแสงแดดที่สวยงาม
หยุนชางรู้สึกตะลึงในใจอย่างมาก ไม่ได้ออกเสียงอยู่นาน ดวงตาของนางขยับไปตามการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ มองดูมันค่อยๆ จมลงไปในทะเลทราย เหลือเพียงเมฆสีแดงบนท้องฟ้า "งดงามอย่างมาก" หยุนชางยังคงดื่มด่ำกับทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้อยู่ และนานจึงพึมพำกับตัวเองขึ้นมา
จิ้งอ๋องจ้องมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของนางที่ส่องประกายด้วยเมฆสีแดง ดวงตาของเขาขยับเล็กน้อยและพูดพร้อมยิ้ม "ข้าจำได้ว่า เมื่อตอนที่เจ้าอยู่ในพระราชวัง เจ้าเคยถามข้าว่า ข้าต้องการตำแหน่งนั้นหรือไม่ สิบกว่าปีที่ผ่านมาข้าเอาแค่คิดถึงตำแหน่งนั้นมาโดยตลอด และอยากได้ตำแหน่งนั้น แต่ตอนนี้ จู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่อยากได้มันแล้ว ข้าอยู่ที่ชายแดนมาสิบกว่าปี ทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ คงมิอาจเห็นได้ทั้งในเมืองหลวงหรือพระราชวังหรอก"
หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า "ใช่เจ้าค่ะ คนที่อยู่ในพระราชวัง มองเห็นเพียงแค่อำนาจ ตำแหน่ง พวกเขาจะมีเวลามาชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ได้อย่างไร การเป็นฮ่องเต้ก็เหนื่อยเช่นกัน ข้าเห็นเสด็จพ่อข้าก็เหนื่อยอย่างมาก ขณะที่ทรงงานอยู่หน้าพระราชวัง มีขุนนางหลายร้อยนายคอยสนับสนุนและเคารพท่าน แต่ที่สุดแล้วใครจริงใจใครหวังร้ายนั้น คงพูดได้ยาก เมื่อทรงงานเรียบร้อยแล้วกลับมาที่วังหลัง ก็มีนางสนมอยู่ไม่น้อย แต่ข้าเกรงว่าถ้าเปลี่ยนคนที่นั่งตำแหน่งจักรพรรดิเป็นคนอื่น นางสนมเหล่านั้นก็คงสามารถประจบสอพลอจักรพรรดิองค์ใหม่ได้"
"เจ้าเป็นคนนอกแต่กลับมองได้กระจ่างเชียว แต่เสียดายเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง ก็คงจะไม่มองเช่นนี้" จิ้งอ๋องยิ้มและหันไปมองแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ สลายไปบนขอบฟ้า "อย่าลืมนะว่าเจ้าเองก็เป็นคนในราชวังเช่นกัน"
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น "ข้าเป็นแค่องค์หญิง หากอยากออกจากวังนั้นง่ายกว่าเยอะมาก ศักดินาของข้าอยู่ที่จินหลิง ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นดินแดนที่ในน้ำมีปลาในนามีข้าว มีทิวทัศน์สวยงาม มีภูเขาแม่น้ำลำธารและหญิงสาวที่สวยงาม เมื่อข้าจัดการเรื่องทุกข์ต่างๆ ในวังเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะไปที่จินหลิง…"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้งอ๋องก็หรี่ตา แล้วสอดมือเข้าไปในแขนเสื้ออย่างเงียบๆ ไม่ได้ตอบกลับอะไร
เมื่อจิ้งอ๋องและหยุนชางกลับมายังค่ายด้วยกัน ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ทันทีที่จิ้งอ๋องเข้าไปในกระโจม เขาก็ถูกเรียกตัวไป หยุนชางไม่มีเรื่องอะไรทำ จึงนำม้าไปมัดไว้ที่คอกม้าด้วยตัวเอง ขณะนางเดินกลับก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันแผ่วเบาดังมาจากด้านหน้า
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายที่เข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ชื่อว่าคุณชายเซียว ข้าได้ยินมาว่าเขาหน้าตางดงามจนเป็นภัยอย่างมาก แม้แต่หญิงสาวยังงามสู้เขาไม่ได้"
อีกเสียงหนึ่งพูดด้วยความสงสัย "เจ้าหมายถึงคุณชายเซียวที่สวมหน้ากากนั้นหรือ?"
"ใช่ ก่อนหน้านี้ที่เขาเพิ่งมาเขาไม่ได้สวมหน้ากาก ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเซียวและจิ้งอ๋อง มีความสัมพันธ์แบบนั้น…" ชายคนก่อนลดเสียงเบาลง น้ำเสียงของเขามีความรังเกียจเล็กน้อย
"แบบไหน?" ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจคำใบ้นี้ และอีกเสียงหนึ่งก็ถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า
"ก็แบบนั้นไง แบบที่ทำแบบนั้นบนเตียงไง…" หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็ถุยน้ำลายออกแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินคนที่ปฏิบัติหน้าที่แถวกระโจมของท่านอ๋องบอกมา บอกว่าคุณชายเซียวนั้นอาศัยอยู่ในกระโจมของท่านอ๋อง" "
"ไม่กระมั้ง คุณชายเซียวเป็นผู้ชายมิใช่หรือ?" อีกเสียงหนึ่งถามเขาอย่างรวดเร็ว "ผู้ชายกับผู้ชายก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกันหรือ?"
"ทำได้สิ ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ก็แค่…..…" ดูเหมือนทั้งสองจะขยับเข้าหากันแล้วกระซิบกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนชางได้ยินชายพูดทีหลังอุทานว่า "อ๋า…" แล้วพูดต่อ "ที่แท้แล้วท่านอ๋องมิได้ชื่นชอบผู้หญิง? กลับชื่นชอบผู้ชาย?"
หยุนชางขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญเล็กน้อย นางหยิบก้อนหินขึ้นมาสองก้อนแล้วขว้างออกไป แล้วได้ยินเสียงตกใจดังมาจากตรงนั้น หยุนชางจึงเดินเลี่ยงผ่านกระโจมนั้น แล้วเดินจากไป…..