ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 107 แผนการรับมือ
เมื่อหยุนชางตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเย็นๆ แล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง หยุนชางลืมตาอยู่ แต่ไม่อยากขยับตัว จึงนอนบนเตียงแล้วจ้องมองไปที่เพดานของกระโจม นางรู้สึกสับสนวุ่นวาย
"ลั่วติง ลั่วติง" เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้นจากด้านนอก หยุนชางผงะ รู้สึกตื่นเต้น
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เสียงของจิ้งอ๋องก็ดังขึ้นอีกครั้ง " วันนี้องค์หญิงหัวจิ้งและผู้ติดตามผู้นั้นมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?"
"นายท่านขอรับ วันนี้องค์หญิงหัวจิ้งมาเดินวนอยู่หน้ากระโจมของเราอยู่หลายครั้งขอรับ ทุกครั้งที่ผ่านท่านก็จะมองเข้ามาที่ประตูกระโจมขอรับ ส่วนผู้ติดตามผู้นั้นมิได้มีท่าทีที่น่าสงสัยขอรับ วันนี้เขาอยู่ที่กระโจมของหมอทหารทั้งวันขอรับ" ลั่วติงพูดเบาๆ
หัวจิ้ง? มีแสงสว่างจ้าแวบเข้ามาในหัวของหยุนชาง เมื่อนึกถึงความผิดปกติหลายอย่างที่เกิดขึ้นหลังหัวจิ้งมาที่ค่ายแล้ว นางเริ่มมีความคาดเดาบางอย่างอยู่ในใจ
ลั่วติงถอยออกไป หยุนชางลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินอ้อมฉากกั้นไป พึมพำครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ดูเหมือนว่าสองสามวันนี้หัวจิ้งกำลังหาสิ่งของบางอย่าง เมื่อวานนางมาที่กระโจม ข้าเห็นว่านางเอาแต่จ้องมองไปที่กระดาษหนังแพะที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นกระโจมของรองแม่ทัพก็เกิดเหตุไฟไหม้ หลังจากดับไฟแล้วข้าได้เข้าไปดูข้างใน ไม่มีของอะไรหายไป แต่ว่าผู้ติดตามของรองแม่ทัพกล่าวว่ามีคนมารื้อหนังสือที่วางบนโต๊ะเจ้าค่ะ"
จิ้งอ๋องได้ยินเสียงของหยุนชาง เขาชะงักนานกว่าจะห้ามความหวั่นไหวในใจไว้ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่หยุนชางและเห็นนางปล่อยผมยาว สวมชุดธรรมดาไว้ มีกลิ่นอายของความมีเสน่ห์ที่ดูเกียจคร้านเล็กน้อย แล้วเขาก็ชะงักอีกครั้ง ผ่านไปนานจึงเอ่ยปากพูดว่า " ชางเจียชิงซูอาจจะสั่งให้นางมาขโมยของบางอย่าง สิ่งที่ชางเจียชิงซูสนใจ และวางอยู่บนโต๊ะ คงไม่พ้นแผนยุทธศาสตร์ แผนรูปกองทหาร หนังสือการรบ…"
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ แสงประกายก็วาบผ่านดวงตาของนาง "ถ้าเป็นเช่นนี้ เราทำของปลอมขึ้นมาให้หัวจิ้งเอากลับไปให้ชางเจียชิงซูดีหรือไม่?"
จิ้งอ๋องพยักหน้า " นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี แต่ว่าเราต้องจัดการแผนนี้ให้ดี หากปล่อยให้หัวจิ้งเอามันไปได้อย่างง่ายดาย ชางเจียชิงซูก็คงไม่เชื่อหรอก"
"แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นหากมีหลักฐานว่าหัวจิ้งแอบขโมยแผนภาพวาดไปให้ชางเจียชิงซู นางคงไม่พ้นโทษร่วมมือกับศัตรู เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่เทพพระเจ้าก็ยากที่จะช่วยนางไว้ได้" หยุนชางยิ้มอ่อนและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทำไมก่อนหน้านี้ตนถึงคิดวิธีนี้ไม่ได้ สิ่งที่หัวจิ้งและฮองเฮาหวงแหนที่สุด อยากครอบครองที่สุดก็คงไม่พ้นอำนาจและชื่อเสียง หากให้พวกนางตกลงมาจากอำนาจอันสูงสุด และเสียชื่อเสียงไปชั่วนิรันดร์ นี่ก็คงเป็นการแก้แค้นที่โหดเหี้ยมที่สุดสำหรับพวกนางแล้ว
ชาติก่อนพวกนางก็ปฏิบัติต่อต้นเช่นนี้มิใช่หรือ? ค่อยๆ ชิงเอาความรักของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ สามี และลูกของตนที่ล้ำค่าและตนหวงแหนที่สุดไปทีละเล็กทีละน้อย ชาตินี้ก็ข้าจะให้พวกนางได้ลิ้มลองความรู้สึกนี้บ้างแล้วกัน
จิ้งอ๋องจ้องมองหยุนชางตลอด เมื่อเห็นว่าแววตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ตนยังคงไม่ค่อยเข้าใจตัวตนของหยุนชางสักเท่าไหร่ และยังคงไม่เข้าใจว่านางเป็นเพียงองค์หญิง แต่เหตุใดแววตาของนางจึงมีความเกลียดชังที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหนาวเหน็บซ่อนอยู่ตลอดเวลา นางเกลียดชังอะไรกันแน่? ดูเหมือนว่านางจะมุ่งเป้าไปที่ราชินีและหัวจิ้งโดยตลอด แต่ราชินีและหัวจิ้งทำอะไรกับนางไว้บ้าง จึงทำให้นางเกลียดแค้นเช่นนี้? "ท่านอ๋องขอรับ เหล่าแม่ทัพมาถึงแล้วขอรับ องค์หญิงหัวจิ้งก็มาแล้วเช่นกันขอรับ" เสียงของลั่วติงดังมาจากด้านนอก จิ้งอ๋องตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นก็เห็นม่านประตูกระโจมถูกเปิดออก
เมื่อเห็นเช่นนี้ จิ้งอ๋องก็รีบลุกขึ้น แล้วเดินไปอยู่หลังหยุนชาง เอื้อมมือไปโอบไหล่ของหยุนชางไว้ และกอดหยุนชางไว้ในอ้อมแขนของตน
หยุนชางตัวแข็งทื่อ นางยังไม่ทันรู้สึกตัว ก็ได้ยินเสียงที่ทุ่มหยาบดังขึ้นด้านหลังตน "ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้สารเลวไหนบังอาจมาเผากระโจมของข้า วันนี้ข้าทำความสะอาดไปอยู่ครึ่งวัน ตอนที่นอนพักก็ได้กลิ่นเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา….."
จิ้งอ๋องรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วแล้วบอกกับหยุนชางที่อยู่ในอ้อมแขนว่า " ผมและหน้ากากของเจ้าล่ะ หัวจิ้งมาที่นี่แล้ว"
หยุนชางเอามือไปแตะผมของตน แล้วตระหนักได้อย่างตะลึงว่าตนเดินออกมาทั้งๆ ที่ปล่อยผมไว้ ด้วยความกังวลใจ นางจึงอยากจะพุ่งเข้าไปด้านในกระโจม แต่ถูกจิ้งอ๋องดึงตัวไว้ จิ้งอ๋องโอบหยุนชางไว้ในอ้อมแขนของตน แล้วเดินเข้าไปด้านหลังฉากกั้น
"ท่าน…" หยุนชางไม่มีเวลาไปสนใจว่าด้านหลังนั้นเป็นเสียงใคร นางแค่รู้สึกว่าตัวแข็งเล็กน้อย หลังจากอ้อมไปด้านหลังฉากกั้นแล้ว หยุนชางจึงถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก
"ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่นี้มีคนอยู่ในอ้อมแขนของท่านอ๋องนะขอรับ? ข้าเห็นหัวของเขาแล้ว" เสียงพูดคุยเบาๆ ดังมาจากด้านนอกฉากกั้น แม้ว่าจะพยายามเบาเสียงลง แต่หยุนชางก็ได้ยิ้นอย่างชัดเจน
จิ้งอ๋องปล่อยมือที่โอบนางไว้ออก แล้วไอเบาๆ และเดินออกไป จึงเห็นคนที่อยู่ด้านนอกนั้นยืดตัวมองเข้ามาด้านใน จิ้งอ๋องขมวดคิ้วและยืนอยู่ที่ฉากกั้น " เจ้ามองอะไร?"
รองแม่ทัพเอามือจับไปที่เคราของตน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย "ทำไมเมื่อสักครู่นี้ข้าถึงเห็นว่ามีคนอยู่ในอ้อมแขนของท่านอ๋องล่ะ แต่ในค่ายนี้ไม่มีหญิงสาวนี่นา อีกอย่างเมื่อสักครู่ข้าได้ถามแล้ว ลั่วติงกล่าวว่าในค่ายนี้มีเพียงแต่เจ้าและคุณชายเซียวอาศัยอยู่………อ๊า……..เซียว.."
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นแววตาที่เยือกเย็นของจิ้งอ๋องจ้องมาที่ตน รองแม่ทักกลืนน้ำลายลงคออย่างเกร็งกลัว แต่เขาสำลักและไอขึ้นมา
จิ้งอ๋องเหลือบมองฉากกั้น และเห็นว่าดูเหมือนจะมีเงาร่างจาง ๆ เอนกายอยู่ที่ฉากกั้นเพื่อแอบฟัง จึงยิ้มมุมปากขึ้นมา แล้วเขาก็ยกมือขึ้นและแกล้งทำเป็นไอออกมา แล้วจึงเงยหน้ามองไปที่ทุกคน เขาหยุดสายตาไว้ที่หัวจิ้งครู่หนึ่ง
"ดูเหมือนว่าองค์หญิงหัวจิ้งจะมีความสนอย่างมากที่จะฟังการหารือของเรานะขอรับ?" จิ้งอ๋องมองไปที่หยุนชางด้วยความฝืนยิ้ม
หัวจิ้งรู้สึกว่ามีพลังแห่งความหนาวเหน็บพุ่งมาที่ตน นางจึงรีบยิ้มอย่างเก้อเขินและกล่าวว่า "อยู่ในกระโจมมันน่าเบื่อเกินไปเจ้าค่ะ จึงได้เข้ามาฟังการหารือกัน อ้อ คืนเมื่อวานนี้ข้าไม่พบเสด็จลุงและแม่ทัพหลายท่านเลยเจ้าค่ะ เสด็จลุงไปไหนหรือเจ้าคะ?"
จิ้งอ๋องก้มหน้าลงแล้วเหลือบมองไปที่หลังมือของตน แล้วอมยิ้มเล็กน้อย "มีคนในค่ายของข้าติดนิสัยนอนเร็ว ข้ากลัวว่าข้าจะรบกวนเขา จึงพาเหล่าแม่ทัพไปหากระโจมที่อยู่ห่างออกไปเพื่อหารือกัน องค์หญิงตามหาข้ามีเรื่องใดหรือ?"
หัวจิ้งยิ้มและกล่าวว่า "ไม่มีเรื่องใดเจ้าค่ะ เพียงแค่ว่าเมื่อวานนี้ ไฟไหม้กระโจมของรองแม่ทัพเจ้าค่ะ แล้วข้าไม่พบพวกท่าน จึงเอ่ยปากถามเจ้าค่ะ อ้อ ใช่ ข้าได้ยินว่ามีคนเข้าไปในกระโจม ไม่มีของอะไรหายไปใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
"ข้ายังไม่รู้เลยว่ามีคนเข้าไปในกระโจมรองแม่ทัพด้วย เหตุใดองค์หญิงหัวจิ้งถึงรู้ดีเช่นนี้ขอรับ? ข้าจำได้ว่า เมื่อวานตอนที่ข้าเข้าไปตรวจเช็กกระโจมรองแม่ทัพและออกมา องค์หญิงก็ได้หายตัวไปแล้วมิใช่หรือ" เสียงที่สดใสดังขึ้น หยุนชางสวมหน้ากากสีเงินไว้ แต่งกายเรียบร้อยและเดินออกจากหลังฉากกั้น
หัวจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "คือว่า…..เช้านี้ตอนที่ข้าตื่นมาข้าได้ยินคนอื่นเขาพูดถึง ว่าเมื่อคืนนี้มีใครบางคนจุดไฟ และบอกว่ามีคนได้เข้าไปในกระโจมรองแม่ทัพด้วย ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นข่าวลือหรือไม่ จึงถามไปโดยมิได้ใส่ใจอะไร"
"โอ้?" หยุนชางยิ้มมุมปากและเยาะเย้ยในใจ นางละสายตาออกจากหัวจิ้งและมองไปที่จิ้งอ๋อง ท่านจ้าวฮูเหรินอยู่ที่เมืองหลิงกวนมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อวานนี้ข้าจึงส่งคนไปถามข่าว ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ ท่านจ้าวฮูเหรินอายุมากแล้ว หากว่าท่านเหนื่อยอยู่เช่นนี้ร่างกายคงรับไม่ไหวขอรับ ข้าจึงคิดว่าองค์หญิงหัวจิ้งก็อยู่ในค่ายเราด้วย จึงสั่งให้คนไปรับท่านจ้าวฮูเหรินที่เมืองหลิงกวนขอรับ ท่านจ้าวฮูเหรินก็จะสามารถหารือกันได้ว่าจะตามหาราชบุตรเขยอย่างไร หากว่ามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะได้ช่วยอย่างสะดวกขอรับ"
หยุนชางมองหัวจิ้งด้วยหางตา และเห็นว่านางหน้าซีดอย่างมาก นางจึงยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จิ้งอ๋องเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้าตอบตกลง "ดีเลย เจ้าจัดการได้เลย เมื่อสักครู่นี้องค์หญิงก็พูดพอดีว่าอยู่ในค่ายนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ ที่นี่ก็มีแต่ชายร่างใหญ่ ไม่สามารถพูดคุยกับองค์หญิงได้ ท่านจ้าวฮูเหรินมาแล้วองค์หญิงก็จะได้มีเพื่อนคอยพูดคุยกัน
หัวจิ้งกำมืออยู่ในแขนเสื้อ สีหน้าของนางแย่ลงเล็กน้อย ผ่านไปอยู่นานนางจึงกัดฟัน เงยหน้าพร้อมยิ้มและกล่าวว่า "หึหึ ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยเจ้าค่ะ ในเมื่อแม่ยายจะมา ข้าก็ขอตัวไปเตรียมตัวก่อนเจ้าค่ะ" ขณะที่พูดนางก็ยืนขึ้นและเดินจากไป
หยุนชางยิ้มมุมปาก นางรู้สึกสะใจเล็กน้อย