ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 9 เทียนนับพันส่องแสงสลัว
ทันทีที่สิ้นเสียง หัวจิ้งซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงก็อุทานอย่างตกใจ นางรีบลุกขึ้นมาจากเตียงและรีบจัดชุดของนางอย่างรีบร้อน ทันทีที่เท้าแตะพื้นนางก็เจ็บปวดจนต้องร้อง "โอ๊ย" เมื่อเห็นชายผ้าสีเหลืองปรากฏขึ้นที่ขอบประตูแล้ว นางก็ไม่สนใจความเจ็บปวดและรีบพูดว่า "เสด็จพ่อ"
ฮ่องเต้เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง ดวงตาของเขากวาดมองทั้งสามคนอยางเฉยเมย เวลานานกว่าเขาจะเอ่ยปากพูด "ฮองเฮาจัดการเรื่องนี้ทำให้เจิ้นผิดหวังจริงๆ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าช่วงนี้รอบตัวหยุนชางมีหลายไม่ดีเรื่องเกิดขึ้น เกรงว่านางจะโดนของเข้า อยากเชิญนักพรตมาปัดเป่าความชั่วร้าย แม้ว่าเจิ้นจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่เจิ้นคิดว่าเจ้าทำเพื่อประโยชน์ของชางเอ๋อร์ ดังนั้นเจิ้นจึงอนุญาติ แต่เจิ้นคิดไม่ถึงว่าเจ้ายังไม่ได้ตรวจสอบตัวตนของนักพรตเต๋านั่นก็ให้มันเข้าวังมาอย่างง่ายดาย เจ้าเป็นหยวนเจินฮองเฮาที่ข้าแต่งตั้งเอง แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้กลับจัดการไม่ได้เรื่อง ต่อไปเจิ้นจะวางวังหลังนี้ให้อยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร?"
หยวนเจินฮองเฮาตกใจเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นเทิ้ม ในใจรู้สึกตกใจอย่างมาก นางรีบหมอบตัวลงคำนับและกล่าว "หม่อมฉันประมาทไปเอง เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง"
หลังจากที่หยวนเจินฮองเฮาพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาของหยุนชาง "เสด็จพ่อ ชางเอ๋อร์ให้เสด็จพ่อมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อกล่าวโทษเสด็จแม่ เสด็จแม่ทำเพื่อชางเอ๋อร์ แต่นักพรตปลอมนั่นต่างหากที่น่ารังเกียจ มันหลอกเสด็จแม่แล้วยังทำให้พี่หญิงบาดเจ็บอีก จะปล่อยไปง่ายๆไม่ได้"
แต่ฮ่องเต้ไม่ยอมปล่อยไป "เมื่อครู่เจิ้นนางกำนัลมารายงานว่านักพรตเต๋าชี้ดาบไปที่หยุนชางจริงๆ ถ้าวันนี้นักพรตนั่นทำหยุนชางบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ หรือว่าวันนี้มันเข้าวังมาเพื่อลอบสังหารเจิ้น ฮองเฮาจะทำอย่างไร?"
หยวนเจินฮองเฮาโขกคำนับซ้ำๆ "ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันประมาทไปเอง ข้าจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด… "
ฮ่องเต้เพียงมองเล็กน้อยโดยไม่มีอารมณ์ใดๆในแววตา "ไม่จำเป็น นักพรตนั่นถูกตรวจสอบแล้ว มันไม่ใช่นักพรตจริง เป็นแค่คนต้มตุ๋น เจิ้นสั่งให้คนจัดการแล้ว ส่วนสัตว์ร้ายนั่นข้าได้มอบหมายเรื่องนี้ให้สนมซูจัดการแล้ว เจ้าไม่ต้องถามอะไรอีก ในอีกไม่กี่วันจะเป็นพิธีบรรลุนิติภาวะของหัวจิ้ง เจ้าเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเถอะ เรื่องอื่นๆให้สนมซู่จัดการ"
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโมโหมากขึ้น แต่นางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกและรีบหมอบตัวลงอย่างรวดเร็ว "เข้าใจแล้วเพคะ… "
ฮ่องเต้พยักหน้าลุกขึ้นและออกไป ฮองเฮายังคงหมอบอยู่ นางรู้สึกโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม เป็นเวลานานกว่านางจะลุกขึ้นมา แต่นางกลับเห็นหยุนชางยังคงยืนอยู่กลางห้อง นางขมวดคิ้วถามอย่างเคร่งเครียด "คิดไม่ถึงว่าเจ้าอายุยังน้อย ในใจกลับล้ำลึกยิ่งนัก กล้าแม้กระทั่งไปพาฝ่าบาทมา เสียแรงที่ข้าเอ็นดูเจ้าราวกับลูกในไส้ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ?"
เมื่อได้ยินดังนั้นหยุนชางอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ เอ็นดูเจ้าราวกับลูกในไส้งั้นหรือ น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะฉีกหน้านาง เมื่อหยุนชางคิดแบบนี้ก็จงใจแสร้งทำเป็นหวาดกลัว มองไปที่ราชินีด้วยความน้อยใจ "เสด็จแม่พูดอะไร ชางเอ๋อร์ไม่เข้าใจ? เสด็จแม่ ไม่ใช่ชางเอ๋อร์ไปหาเสด็จพ่อ ชางเอ๋อร์ไม่รู้ว่าใครเป็นคนบอกเสด็จพ่อ ชางเอ๋อร์กำลังพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักชิงซิน เสด็จพ่อกับซู่เฟยเหนียงเหนียงก็มา ซู่เฟยเหนียงเหนียงเข้ามาดึงชางเอ๋อร์ไปคุยด้วยสักพัก บอกว่านางรู้ว่าชางเอ๋อร์ลำบากแล้ว นักพรตปลอมนั้นช่างบังอาจ ชางเอ๋อร์จึงเพิ่งรู้ว่านั้นเป็นนักพรตตัวปลอม เสด็จถามข้าว่าข้าตกใจหรือเปล่า ให้เสด็จพ่อดูหน่อย ข้าคิดว่าเสด็จพ่อจะมาเยี่ยมเสด็จแม่กับเสด็จพี่ ข้าจึงตามมาที่นี่ด้วย"
เมื่อฮองเฮาได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางก็ทิ่มแทงขึ้น "ซู่เฟย เป็นชู่เฟยจริงๆ นางกล้าคิดไม่ดีกับข้า หรือว่าเป็นสนมซู่นางยังไม่พอใจ จะแย่งชิงตำแหน่งราชินีกับข้าหรือ?"
มุมปากของหยุนชางยกขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงในวังนี้ดีทุกคนต่างก็ดีทั้งนั้น ในชาติที่แล้วนางจำได้ว่าสนมซู่หลอกใช้นางไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว นางใช้ประโยชน์จากหยุนชางเพื่อขัดขวางฮองเฮา ความโหดเหี้ยมของฮองเฮาในชาติก่อนนี้ อาจไม่เกี่ยวอะไรกับความช่วยเหลือของสนมซูคนนี้ ดังนั้นในชาตินี้จะโทษที่นางชิงลงมือก่อนไม่ได้
หยุนชางคิดพลางหยิบขวดหยกสีขาวออกมาจากแขนเสื้อ "จริงสิ นี่คือยาที่หมอหลวงสั่งให้ข้าหลังจากที่ข้าล้มลง ชางเอ๋อร์เห็นว่าใช้ดีมาก ไม่มีรอยแผลเป็นเลย ข้าเลยตั้งใจนำมันมาให้พี่หญิง… "
"ใครจะอยากได้ความหวังดีจอมปลอมจากเจ้า!" "หยุนชางเพิ่งส่งยาให้ แต่กลับได้ยินเสียงโกรธๆของหัวจิ้ง แขนของนางชาและขวดยาก็ตกแตกลงบนพื้น
หยุนชางรีบนั่งยองเก็บขวดยาที่แตกขึ้นมา "พี่หญิง บาดแผลเจ็บมากไม่ใช่หรือเลยอารมณ์ไม่ดีเป็นพิเศษ ไม่เป็นไร เสด็จแม่คงจะหาหมอหลวงที่ดีที่สุดให้พี่หญิงแน่นอน ทายาแล้วก็ไม่เจ็บแล้ว อีกไม่กี่วันก็สบายดีแล้ว"
"หัวจิ้ง ชางเอ๋อร์หวังดี ยังไม่รีบของโทษนางอีก? ชางเอ๋อร์ อย่าหยิบมันขึ้นมา ระวังโดนบาด วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ชางเอ๋อร์กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักชิงซินเถอะ วันนี้เจ้าก็ตกใจเช่นกัน" ฮองเฮามองไปที่หญิงสาวที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นด้วยสายตาดูถูกเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของนางก็ยังคงนุ่มนวล
หยุนชางยืนขึ้นและย่อกายคำนับ "ถ้าอย่างนั้นชางเอ๋อร์ขอตัวก่อน ขอให้เสด็จแม่อายุยืน… " หลังจากพูดแล้วนางก็ออกจากวังชีอู๋ไปอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นร่างของหยุนชางถอยออกไปนอกตำหนักแล้ว หัวจิ้งเดินเขย่งเท้าไปที่ด้านข้างของหยวนเจินฮองเฮาและจับมือของนาง "เสด็จแม่… เห็นได้ชัดว่ายายตัวดีนั่นสร้างเรื่อง ทำไมถึงยังช่วยนางอีก?"
หยวนเจินฮองเฮานั่งลงบนเก้าอี้ สีหน้าเมื่อยล้าเหนื่อยอ่อน "เอาเถอะ นี่ไม่แน่ว่าชางเอ๋อร์จะเป็นคนทำ เวลาหลายปีมานี้ อารมณ์และสมองของนางก็อย่างนั้น เจ้าคิดว่านางจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้เหรอ? แม้ว่านางจะมีส่วนแต่ก็คงถูกหลอกใช้เสียมากกว่า ข้าดูแล้วก่อนหน้านี้ข้าคงอ่อนโยนเกินไป คิดว่าข้าใจดีรังแกง่ายและต้องการมานั่งบนตำแหน่งของข้า ข้าจะทำให้ซู่เฟยรู้ว่าใครคือนายตัวจริงในวังหลังนี้!"
"เสด็จแม่คิดว่าซู่เฟยเหนียงเหนียงเป็นคนทำหรือ? แต่ซู่เฟยรู้ได้อย่างไรว่าเราต้องการทำอะไร? นอกจากนี้หยุนชางยังสบายดีอีก?" หัวจิ้งกลับคิดไม่ออก
จักรพรรดินีหยวนเจินไม่ตอบ เพียงแต่พึมพำ "แม้ว่าจะไม่ให้ข้าตรวจสอบ แต่ข้าก็ต้องตรวจสอบจนรู้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ทำลายแผนของข้า หากข้ารู้ล่ะก็ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันไว้แน่"
ฮองเฮาลุกขึ้นยืนและเรียกคนที่อยู่ตรงประตู "ซิ่วซิน ซิ่วซิน…"
หญิงสาวที่สวมชุดนางกำนัลขั้นหนึ่งก็รุดเข้ามาที่ด้านหน้าของฮองเฮา
"คิดวิธีเอาตัวคนของตำหนักชิงซินมาที่นี่ ข้าจะถามให้รู้เรื่องทีละคน… "