ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 5 แสงอรุณแห่งวันใหม่
"เสด็จแม่ เสด็จแม่… " ทันทีที่ฮองเฮากลับมาถึงวัง นางก็เห็นหัวจิ้งยืนอยู่ที่หน้าประตูวังชีอู๋ เมื่อเห็นฮองเฮาแล้วก็รีบเดินเข้ามา
ฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย "ดึกมากแล้ว เจ้ายังไม่นอน มาทำอะไรที่นี่?"
หัวจิ้งมองไปที่บ่าวด้านหลังฮองเฮาและโบกมือให้พวกเขาถอยออกไป "เสด็จแม่ ข้าได้ยินว่าตำหนักหนีชางไฟไหม้ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? นังตัวดีนั่นถูกไฟคลอกตายไปแล้วหรือไม่?"
ฮองเฮาเพิ่งโมโหมาจากตำหนักหนีชางยังไม่มีที่ระบายอารมณ์ เดิมทีในใจก็หงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำของหัวจิ้งก็ยิ่งอารมณ์เสีย นางแค่นเสียงตอบว่า "ตาย? จะถูกองค์ครักษ์ของพ่อเจ้าช่วยได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร แล้วยังพูดว่าเห็นร่างคนร้าย ทำให้คนที่ข้าลำบากให้แฝงตัวเข้าไปถูกจับกุมไปเสียหมด"
"อะไรนะ? คนพวกนั้นจะพูดอะไรออกมาหรือเปล่า?" หัวจิ้งเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ เมื่อนางได้ยินคำของของฮองเฮาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
ฮองเฮาแค่นเสียงอย่างเย็นชา "คนที่ข้าเลือกมานั้น แน่นอนว่าย่อมวางใจได้ แม้ว่าพวกเขาจะตายก็อย่าแม้แต่คิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมาซักคำ" ฮองเฮาชะงักไปและพูดอีกว่า "แต่หยุนชางนั่น ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ นาวไม่เคยขัดคำสั่งของข้า แต่วันนี้เมื่อฮ่องเต้ต้องการให้เอาคนไป นางกลับ… "
หัวจิ้งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดว่า "ตอนกลางวันข้าไปเยี่ยมนาง นางไม่สนใจข้าเลย คิดว่านางคงกลัวมาก นางอยู่ภายใต้การควบคุมของเรามาเสมอ ช่วงหลายวันมานี้ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นางโง่ขนาดนั้นจะมีแผนอะไรในใจได้อย่างไร เสด็จแม่คิดมากเกินไปแล้ว จริงสิ ในตอนกลางวันที่ข้าไป เหลียนซินบอกว่ารู้สึกว่านางถูกผีสิง ให้เราเชิญนักพรตหรือพระมาทำพิธีปัดเป่าขับไล่สิ่งชั่วร้ายเสียหน่อย"
"ขับไล่สิ่งชั่วร้าย?" ฮองเฮาพึมพำคำๆนี้และมุมปากของนางก็เผยอยิ้มขึ้น "ควรขับไล่วิญญาณชั่วร้ายจริงๆ… "
"เสด็จแม่มีวิธีดีๆอะไรหรือเพคะ?" หัวจิ้งได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็รู้ว่าฮองเฮาต้องคิดวิธีที่ดีในการจัดการกับนังตัวดีนั่นได้แล้วแน่นอนจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว
ฮองเฮายิ้มและกระดิกนิ้วของนาง "เอียงหูมานี่… " หัวจิ้งโน้มตัวไปข้างหน้าและฟังเสียงราบเรียบเย็นชาของฮองเฮา "อีกไม่กี่วัน จะเป็นพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น… "
ด้านนี้ทั้งสองคนกำลังวางแผนอย่างลับ หยุนชางที่อยู่อีกด้านก็กำลังกระวนกระวายใจเล็กน้อย เพราะผ่านชาติที่แล้วมา เมื่อคำนวณดูแล้ว นางไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเสด็จพ่อของนางมากว่าห้าปีแล้ว อีกทั้งนางยังไม่ใช่หยุนชางที่อายุเพียงอายุแปดขวบเท่านั้น ดังนั้นนางจึงยิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นไปอีก
"เจ้าไม่เคยเงียบอย่างนี้มาก่อน หรือว่าเจ้ากลัวมากจริงๆ? แม้แต่พ่อก็ไม่ยอมพูดด้วย" ฮ่องเต้ที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดกึกและหันหน้ามามองนางอย่างครุ่นคิด
หยุนชางส่ายหัวเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์เห็นว่าเสด็จพ่อไม่ได้พูดจึงคิดว่าเสด็จพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เลยไม่อยากรบกวนเพคะ"
ฮ่องเต้หยุดเดินและมองไปที่หยุนชางพร้อมกับโคมไฟ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สังเกตุลูกสาวของตนเองอย่างละเอียด เมื่อฉันมองดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าเธอกับสนมจิ่นเหมือนกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงยิ้มและกล่าวว่า " นี่ไม่เหมือนกับเป็นเจ้าเลย"
หยุนชางประมาณการณ์ว่าตอนนางอายุแปดขวบนางควรตอบสนองอย่างไรจึงยิ้มและกล่าวว่า "งั้นถ้าเสด็จพ่อบอกว่าชางเอ๋อร์ไม่เหมือนชางเอ๋อร์แล้วเหมือนใคร?"
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อยราวกับว่าเขาคิดถึงและโศกเศร้า "เหมือนกับแม่ของเจ้า"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ ในใจก็ตกใจทันที ท่านแม่ ไม่ใช่ฮองเฮา ตอนนี้ในใจของเสด็จพ่อกำลังคิดถึงมารดาผู้ให้กำเนิดของนาง นางสนมจิ่น สตรีในตำหนักเย็น
หยุนชางไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรและองค์ฮ่องเต้เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการให้นางตอบอะไรกลับ เขาเพียงพึมพำกับตนเอง "แม่ของเจ้าเป็นผู้หญิงที่เงียบๆ แต่ก่อนเจิ้นเคยคิดว่านิสัยใจคอของเจ้าคล่องแคล่วเกินไปและดูไม่เหมือนนางเลย ดูเหมือนว่าเจิ้นจะดูผิดไป แต่แม่ของเจ้าเชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่แขนง แต่เจ้ากลับไม่ได้เรื่องเลย… "
จริงเหรอ? หัวใจของหยุนชางกระตุก แต่นางเพียงหัวเราะคิกคักโดยไม่ตอบอะไร
"เจ้าไปที่วังว่านโซ่วก่อนเถอะ เจิ้นจะไปที่ตำหนักฉินเจิ้งเพื่ออ่านฎีกา ใกล้จะถึงเวลาออกว่าราชการตอนเช้าแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว พรุ่งนี้เจิ้นจะเรียกหมอหลวงมาสั่งยานอนหลับให้เจ้า"
หยุนชางเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบตอบรับ "ลูกขอน้อมส่งเสด็จพ่อ"
หลังจากที่ฮ่องเต้เดินไปไกลแล้ว หยุนชางก็ยืดตัวขึ้นและมุ่งหน้าไปที่วังว่านโซ่ว
หยุนชางหลับไปจนถึงเที่ยงวัน เมื่อทานอาหารแล้วกำลังจะงีบหลับอีก นางก็เห็นหัวหน้าขันทีเดินเข้ามาพร้อมกับคนกว่าสิบคน เมื่อดูการแต่งกายแล้วทั้งหมดนั้นล้วนนางกำนัลและขันทีในราชสำนัก หยุนชางยังไม่ได้สติก็ได้ยินหัวหน้าขันทีกล่าวว่า "องค์หญิง ฮ่องเต้ให้ข้านำคนเหล่านี้มาให้องค์หญิงเลือก บอกว่าพวกเขาจะเป็นคนดูแลองค์หญิง องค์หญิงดูแล้วชอบใครก็เลือกไว้ ส่วนคนที่ไม่ชอบข้าจะส่งกลับไป"
หยุนชางได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้ามองเหล่าขันทีที่ยืนอยู่กลางตำหนักและพยักหน้าเล็กน้อย "ขันทีและนางกำนัลที่รับใช้ใกล้ตัวข้าเลือกอย่างสองคนก็พอแล้ว ที่เหลือเจ้าก็จัดตามความเหมาะสมเถอะ ไม่ต้องมีคนมากเกินไป เพียงพอแล้วก็พอ"
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะหยุนชางชอบให้มีผู้คนมากมายรับใช้นางมาโดยตลอด รู้สึกว่ายิ่งบ่าวรับใช้มีมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดูสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น จึงมีคนของฮองเฮามากมายแอบแฝงเข้ามา ตอนนี้นางได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก หยุนชางเลือกขันทีสองคนที่ดูฉลาดและมีความสามารถ ส่วนนางกำนัลนางเลือกคนที่ค่อนข้างอายุน้อย เดิมทีนางกำลังจะเลือกนางกำนัลคนสุดท้าย แต่เห็นว่าแขนเสื้อของนางกำนัลที่อยู่ไกลที่สุดขยับ หยุนชางมองไปอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง "เจ้าชื่ออะไร?"
นางกำนัลคนนั้นรีบย่อกายคำนับ "ตอบองค์หญิง ข้าชื่อฉิงยี"
หยุนชางพยักหน้าและพูดว่า "ดูแล้วเจ้าก็ดูมีความสามารถ งั้นก็อยู่กับข้าเป็นคนดูแลส่วนตัวของข้าก็แล้วกัน"
นางกำนัลคนนั้นรีบกล่าวขอบคุณนางอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าหยุนชางได้เลือกคนเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าขันทีก็ยิ้มและกล่าวว่า "ฝ่าบาทมอบตำหนักชิงซินให้กับองค์หญิง นั่นเป็นที่ที่ดีมาก อยู่ติดกับสระเยี่ยนเชว่ ทิวทัศน์ไม่เลวเลยและไม่คึกคักเท่ากับทะเลสาบหมิงจิ้ง แม้เป็นทิวทัศน์สวยงามหายากแต่ก็เป็นสถานที่เงียบสงบ"
หยุนชางก็รู้จักตำหนักชิงซิน ในชาติก่อนตำหนักนี้ถูกมอบให้กับนางสนมคนโปรด หยุนชางก็เคยไปที่นั่นเช่นกัน ทิวทัศน์นั้นไม่เลวเลยจริงๆ หยุนชางคิดว่าดูเหมือนว่าทุกอย่างในชาตินี้กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆและนางก็ยืนขึ้นอย่างดี "เสด็จพ่อคงยังคุยเรื่องต่างๆกับข้าราชบริพารอยู่ งั้นข้าก็จะไม่ไปรบกวนเสด็จพ่อ อีกเดี๋ยวฝากเจ้านำคำขอบคุณจากข้าไปบอกเสด็จพ่อด้วย ข้าจะพาคนเหล่านี้ไปที่ตำหนักชิงซินก่อน"
หัวหน้าขันทีรับคำ หยุนชางจึงเดินทางออกจากวังว่านโซ่วไปยังตำหนักชิงซิน
เพราะเป็นเรื่องกะทันหัน ตำหนักชิงซินเพิ่งได้รับการทำความสะอาดเสร็จ หยุนชางรู้สึกพอใจมาก หลังจากเข้าไปในห้องแล้วนางก็สั่งให้อีกสามคนช่วยจัดของ แม้ว่าตำหนักหนีชางจะไหม้ไปแล้ว แต่ข้าวของส่วนใหญ่ของหยุนชางก็ยังอยู่และถูกส่งมาที่นี่แล้ว
ฉิงยีถูกหยุนชางเรียกไว้ตามลำพัง หยุนชางมองไปที่นางอย่างประเมิน เพียงรู้สึกว่านางหน้าตาหมดจดงาดงาม ทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยบรรยากาศอ่อนโยน และเพราะเป็นเช่นนี้เอง เมื่อครู่หยุนชางจึงไม่ได้ถูกใจนาง คนที่หยุนชางต้องการคือคนเก่งมีความสามารถ
"ใครให้เจ้ามา?" หยุนชางถามอย่างแผ่วเบาหลังจากมองดูอยู่นาน
ฉิงยีย่อกายลงและถอดกำไลข้อมือส่งให้หยุนชางด้วยความเคารพ "นี่เป็นของขององค์หญิง องค์หญิงจำได้ใช่ไหมเพคะ?"
หยุนชางรับมันมา เป็นธรรมดาที่นางจะรู้ นี่คือกำไลที่นางมอบให้กับสนมจิ่นเมื่อคืนนี้ และเป็นเพราะนางเห็นกำไลวงนี้ นางจึงรับฉิงยีไว้
"ข้าเคยได้รับความเมตตาจากสนมจิ่น จากนี้ไปองค์หญิงจะเป็นเจ้านายของข้า"
หยุนชางไม่รู้ว่าสนมจิ่นพาฉิงยีส่งเข้ามาได้อย่างไร แต่นางก็เข้าใจแล้วว่ามารดาของนางอาจจะไม่ได้ไร้อำนาจอย่างที่นางคิด คิดดูแล้ว หากไม่มีฝีมือจริงๆเกรงว่าก็คงจะหายไปในวังมนุษย์กินคนแห่งนี้อย่างเงียบๆแล้ว เพียงแต่หยุนชางไม่รู้ว่าการที่นางดึงสนมจิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องของตนเองเช่นนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่
หยุนชางถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและเก็บซ่อนความคิดร้อยแปดพันเก้าในใจของนาง กล่าวกับฉิงยีอย่างแผ่วเบา "เจ้าเป็นคนที่ท่านแม่ส่งมา ข้าก็จะถือว่าเจ้าเป็นคนสนิทของข้า แม้ว่าข้าจะมีสถานะสูงส่งแต่กลับไม่มีใครที่ข้าเชื่อใจได้ เจ้าเป็นคนแรก หวังว่าเจ้าจะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของข้า" หลังจากหยุดไปชั่วขณะ นางก็กล่าวว่า "เหล่านางกำนัลและขันทีเหล่านี้ข้าไม่รู้รายละเอียดปูมหลัง เจ้าคอยจับตาดูพวกเขาให้มาก… "
ฉิงยีพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
หลังจากทั้งสองพูดกันสักพัก หยุนชางก็โบกมือให้นางออกไป