ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 3 เพียงอาภรณ์เบาบางหนาวกาย
ในตอนกลางคืนอันเงียบสงัด เงาร่างเล็กๆร่างหนึ่งดันประตูตำหนักหนีชางอย่างแผ่วเบาและกระชับเสื้อคลุมสีดำห่มตัวไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพุ่งเข้าไปในสีราตรีอันมืดมิด
ร่างเล็กเดินทะลุผ่านพระราชวังชั้นในจนมาถึงประตูวังที่ค่อนข้างห่างไกลและเคาะประตู เมื่อเคาะสักพักก็มีเสียงอันอ้างว้างดังมาจากด้านในประตู "ใคร? มา?"
ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงดีงเอี๊ยดอ๊าด ด้านในมีศีรษะโผล่ออกมา เป็นนางกำนัลชราในชุดผ้าสีเทา หยุนชางปลดเสื้อคลุมของนางออกและเงยหน้าขึ้นมอง…
"เป็นองค์หญิงหยุนชาง องค์หญิงทำไมจึงมาที่นี่ในเวลานี้?" นางกำนัลคนนั้นมองไปรอบๆและรีบดึงหยุนชางเข้าไป
ในตำหนักแห่งนี้รกร้างอย่างมาก บ่อน้ำบ่อหนึ่ง ต้นไม้ต้นหนึ่งและไม่มีสิ่งใดอีก เพียงแต่เก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน ชาติที่แล้วหยุนชางไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย เมื่อตอนนี้พิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็รู้สึกว่าไม่สบายตาเล็กน้อย
ในห้องมีแสงสลัวลอดออกมา หยุนชางก็ชะงักฝีเท้าลง "พวกเจ้ายังไม่นอนหรือ?"
ตั้งแต่เธอเข้าประตูมานางกำนัลก็ประเมินนางมาตลอด เมื่อได้ยินนางถามจึงตอบเบาๆ "ไม่มีอาหารแล้ว นายท่านบอกว่าจะทำเสื้อผ้าส่งให้ขันทีแห่งกองห้องเครื่อง เพื่อแลกอาหารเล็กน้อยมา"
หยุนชางได้ยินคำพูดนั้นก็หยุดพูด นางเดินไปข้างหน้าเปิดประตูเข้าไปในห้อง
มีหญิงสวมชุดเขียวคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้อง แม้ว่าเครื่องแต่งกายจะเรียบง่ายมากแต่กลับรู้สึกว่านางยังคงสวยมาก นางกำลังปักอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าตะเกียงน้ำมัน เมื่อได้ยินเสียงผลักประตูนางก็ไม่ได้ยกศีรษะขึ้น เพียงแต่ถามเสียงเบา "เจิ้งมามา ดึกขนาดนี้แล้วใครมาเคาะประตูหรือ?"
หยุนชางรู้สึกว่าปลายจมูกของนางแสบเล็กน้อย นางเดินไปข้างหน้าสองก้าวและคุกเข่าลงบนพื้นดินกระซิบว่า "ท่านแม่… ข้าผิดต่อท่าน… "
ในชาติก่อนนางเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮามาก นางรังเกียจแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอผู้เป็นนางสนมตกอับถูกคุมขังอยู่ในตำหนักมาเสมอและห้ามไม่ให้ใครพูดถึงแม่ผู้ให้กำเนิดต่อหน้านาง ทุกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องของมารดาของนาง นางมักจะหยิ่งผยองและพูดว่า "ข้าสถานะสูงส่ง แม่ของข้าคือฮองเฮาผู้คุมใต้หล้า จะเป็นนางบำเรอต่ำต้อยแบบสนมจิ่นได้อย่างไร"
เมื่อคิดดูในตอนนี้ คำพูดทุกคำต่างแทงใจจริงๆ
เมื่อหญิงคนนั้นได้ยินเสียงจึงรีบหันหน้ามา เมื่อเห็นหยุนชางก็นิ่งอึ้งไปจากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน "หยุนชาง เจ้าคือหยุนชาง"
หยุนชางยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้าเล็กน้อย เนื่องจากต้องแยกจากมารดาของนางเมื่อยังเล็ก จึงไม่น่าแปลกใจที่มารดาของนางจำนางไม่ได้
ก่อนที่หยุนชางจะพูดอะไร สนมจิ่นก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยประคองแล้วตำหนิว่า "เด็กคนนี้ ทำไมจึงออกมากลางดึกและไม่ใส่รองเท้า หากหนาวขึ้นมาจะทำอย่างไร"
หยุน ชางก้มหน้าลง เพียงรู้สึกเจ็บที่ตาเล็กน้อยเท่านั้น ในใจนางคิดว่าไม่ว่าแต่ก่อนนางจะปฏิบัติอย่างไร แม่ก็ยังรักและคิดถึงนาง เมื่อคิดถึงลูกของนางที่เพิ่งอายุได้ครึ่งปีก็ถูกพ่อของเขาโยนตกลงมาตายแล้วก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีก
สนมจิ่นเริ่มวิตกกังวลเมื่อเห็นหยุนชางร้องไห้และรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ "ทำไมถึงร้องไห้ พวกเขาปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีหรือ? แต่ข้าได้ยินมาว่าฮองเฮาปฏิบัติต่อเจ้าราวกับลูกของนางเอง"
หยุนชางกัดฟันก่อนว่า "ท่านแม่ ข้าไม่ได้อยู่อย่างดี พวกเขาปฏิบัติกับข้าอย่างดีเพียงภายนอก แต่พวกเขาทำทุกวิถีทางที่ทำให้ข้าแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาตามใจข้าทำให้ข้านิสัยเสีย พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ข้ารู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องน่ารำคาญมาก จากนั้นก็ไม่ให้ข้าได้เรียน พวกเขาอยากให้ข้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนรอบตัวข้าถูกฮองเฮาส่งมาคอยสอดส่องข้า ทุกวันพวกเขาจะบอกข้าว่าฮองเฮาเป็นคนดีมีคุณธรรมเพียงใด และทุกๆวันพวกเขาก็พูดอีกว่าองค์หญิงหัวจิ้งถูกอาจารย์ลงโทษ หากวันใดข้าประพฤติตัวดีเกินไป ฮองเฮาผู้มีคุณธรรมคนนั้นจะมาบอกข้าว่าหยุนชางมีความสุขก็ดีแล้ว คนรับใช้เหล่านี้ควรถูกทุบตีเสียหน่อย หากตีจนตายฮองเฮาก็จะให้ท้ายข้า ข้าคิดว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าดีขึ้นได้อย่างไร? ข้าอายุแปดขวบแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้วิชาอะไรนัก แต่องค์หญิงหัวจิ้งกลับเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์และมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วพระราชวังแล้ว… "
สนมจิ่นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา "เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า"
เสียงระฆังดังแผ่วเบามาจากนอกตำหนัก หยุนชางรีบลุกขึ้นยืน "ท่านแม่ ข้าเพียงแต่มาเยี่ยมท่าน ข้าต้องไปแล้ว เมื่อสองสามวันก่อนข้าตกลงมาจากก้อนหินหมดสติไปหลายวัน หลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมาข้าจงใจบอกว่าข้าฝันร้ายทุกคืน ห้ามไม่ให้พวกนางกำนัลและขันทีเข้าใกล้ หากพวกเขาทำเสียงฝีเท้าข้าก็จะส่งเสียงก่นด่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงไม่มีขันทีและนางกำนัลคนไหนกล้าเข้ามาตรวจดู แต่หากสาวใช้ในวังที่ตื่นเช้าพบว่าข้าหายไปจะต้องมาลงที่ท่านอย่างแน่นอน" พูดแล้วก็รีบหันกลับออกไป
"หยุนชาง… " เสียงของสนมจิ่นดังมาจากด้านหลัง แววตาของหยุนชางหม่นลง นางหันกลับไปและถอดกำไลทองที่เธอใส่อยู่ยื่นให้สนมจิ่น "ท่านแม่ ข้าออกมาอย่างรีบร้อน ไม่ได้นำอะไรติดมือมาด้วย ท่านเอาสิ่งนี้ไปแลกกับอาหารก่อน บ่าวใช้ในวังแห่งนี้ต่างก็โลภด้วยกันทั้งนั้น ลำบากท่านแม่แล้ว ข้าจะหาโอกาสพบท่านแม่อีก" หลังจากพูดเสร็จนางก็สวมเสื้อคลุมอีกครั้งและหายไปในราตรี
สนมจิ่นเฝ้ามองด้านหลังของหยุนชางจนลับสายตาไป นางนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
เจิ้งมามากลับเปิดปากเอ่ย "นายท่าน องค์หญิงหยุนชางนี่?"
สนมจิ่นถอนหายใจและมองขึ้น นัยย์ตาคลอไปด้วยน้ำตา "มามา ข้าเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า? ตอนแรกข้าไม่อยากเห็นชีหลางรับนางสนมเข้ามาทีละคนๆ ไม่อยากเห็นเขารักใคร่ผู้หญิงคนอื่น ข้าจึงมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่เพื่อความสงบ หลายปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากข้าก็ผ่านมันมาได้ แต่ข้ากลับลืมไปแล้วว่าหยุนชางยังเล็กมาก อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นเลือดเนื้อของข้าเอง"
เจิ้งมามาเงียบไปครู่หนึ่ง "นายท่าน ในวังหลังนี้เดิมทีก็น่ากลัวอย่างยิ่ง แต่เล็กท่านก็ดูหมิ่นเรื่องเหล่านี้ หากทนดูไม่ไหวก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เรื่องขององค์หญิงนั้นก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่ท่านก็ได้ให้ความเมตตากับบางคนไว้ พอเช้าตรู่ข้าจะหาคนที่ไว้ใจได้ไปปกป้ององค์หญิง อย่างไรหากมีคนอยู่ข้างกายองค์หญิงก็จะดีกว่า"
สนมจิ่นพยักหน้า นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่จิตใจกลับล่องลอยไป
ในความมืด หยุนชางที่เพิ่งออกมาจากตำหนักเย็นรีบกลับไปที่ตำหนัดหนีชางของนาง นางยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่รู้จักท่านแม่ของนางเลยสักนิด ในชาติที่แล้วนางไม่เคยพบนางมาก่อนเพียงแต่จำได้ว่าก่อนที่นางจะอายุถึงเกณฑ์ท่านแม่ก็ป่วยหนักเสียชีวิตลง ไม่รู้ว่าการไปเยี่ยมในวันนี้มีประโยชน์หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ นางก็จะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนั้นอย่างดีไปตลอดชีวิต
หยุนชางกลับไปที่ตำหนัก นางเอาเสื้อคลุมสีดำเก็บใส่ไว้ในกล่อง นั่งบนเตียงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักด้วยเท้าเปล่า จุดโคมไฟแก้วในห้องโถง หยุนชางหรี่ตาลงมองชั่วครู่ จากนั้นไม่นานนางก็ยกมือขึ้นผลักโคมไฟลงกับพื้น จากนั้นก็รีบกลับไปแกล้งหลับที่ห้องนอนด้านใน แต่มือของนางกลับชื้นไปด้วยเหงื่อ
"ไฟไหม้ ไฟไหม้!" มีเสียงตะโกนอย่างตกใจในตำหนักหนีชาง จากนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น "เร็วเข้า องค์หญิงหยุนชางยังอยู่ข้างใน" "รีบช่วยองค์หญิงเร็ว… "
หยุนชางพลิกตัวลงมาจากเตียง ยืนมองไปที่ไฟในห้องโถงอยู่ที่ประตูตำหนักด้านใน รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
นางคิดว่านางจะต้องตายไปพร้อมกับความโกรธเกลียด แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง ในเมื่อพระเจ้าทรงจัดแจงเช่นนี้ นางก็จะไม่ยอมให้ใครมีโอกาสทำกับนางราวกับนางเป็นลูกไก่ในกำมือ ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้คิดถึงอำนาจและความสุขสบายมาโดยตลอดหรอกหรือ? นางจะเอาสิ่งที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้ไปจากมือของพวกเขาทีละนิดๆ