ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 27 การต่อสู้ของเสือโคร่งทั้งสอง
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ แสงประกายก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางหันไปและพูดเบา ๆ กับจักรพรรดิหนิงว่า " เสด็จพ่ออย่าได้พรากชีวิตคนผิดไปเพราะเรื่องแค่นี้เลยนะเพคะ"
เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินหยุนชางพูดเช่นนี้ ความพิโรธของเขาก็ลดลงเล็กน้อย เขาคิดอยู่พักหนึ่ง "ใครเป็นคนจัดยานี้ให้เจ้า? ไปตรวจสอบที่สำนักหมอหลวงเดี๋ยวนี้"
นางกำนัลผู้นั้นก็รีบกราบพร้อมกล่าวว่า " ท่านขันทีชางของสำนักหมอหลวงเป็นคนจัดยาให้หม่อมฉันเพคะ ขอบพระคุณที่องค์หญิงเมตตาเจ้าค่ะ "
เมื่อได้ยินว่า ชิงซินกำลังจะหลุดพ้นจากผู้ต้องสงสัย เยียนเอ๋อร์ซึ่งเป็นผู้จัดเบาะให้องค์หญิงก็รีบกล่าวพร้อมร้องไห้ว่า " หม่อมฉันมิได้ทำเพคะ หม่อมฉันไม่ทราบว่ายานั้นมาจากที่ใด หากว่าวันนี้พี่ฉินยีไม่เรียกให้หม่อมฉันไปจัดเบาะรองนั่งให้องค์หญิง หม่อมฉันคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปในตำหนักรรทมเลยเพค่ะ ……ขอฝ่าบาททรงตรวจสอบอย่างชัดเจนนะเพคะ ขอองค์หญิงทรงตรวจสอบอย่างชัดเจนนะเพคะ"
"เจ้ารับผิดชอบทำความสะอาดตำหนักบรรทมขององค์หญิง แม้ว่าเจ้าจะวางยาไม่สำเร็จ แต่เจ้าก็คงจะหาโอกาสได้อย่างแน่นอน" ขันทีชุยกล่าวอย่างเสียงเข้มอยู่ข้างๆ "อีกอย่างยานี้ได้ส่งมอบให้กับหมอหลวงแล้ว มีพิษหรือไม่นั้น เดี๋ยวก็ทราบกัน"
"หม่อมฉันมิได้ทำจริงๆ เพค่ะ หม่อมฉันมิทราบจริงๆ เพคะว่ายานั้นมาอยู่ใต้หมอนของบ่าวได้เช่นไร" เยียนเอ๋อร์ชะงักไปชั่วคราว แล้วก็มีความคับแค้นใจปรากฏขึ้นในสายตาของนาง "มันต้องเป็นจิ้งหรงแน่ๆ เลยเพคะ นางอาศัยอยู่ห้องเดียวกับหม่อมฉัน และเราสองคนไม่ค่อยถูกกัน ต้องเป็นนางที่เอายานี้มาวางใต้หมอนของหม่อมฉันแน่ๆ เพคะ"
ฉินเมิ่งขมวดคิ้วและถวายบังคมหยุนชางและจักรพรรดิหนิง "แต่เดิมจิ้งหรงเป็นนางกำนัลตัวน้อยในห้องครัว แต่วันนี้นางป่วยจึงได้พักผ่อนอยู่ในห้องตลอดเวลา นางมิได้ออกไปด้านนอกเลยเพค่ะ แล้วนางจะมีโอกาสวางยาองค์หญิงได้เยี่ยงไร?"
เมื่อเยียนเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ นางก็ตัวอ่อนและทรุดลงกับพื้น " หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ ถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอนเพคะ … "
ในขณะนี้ มีทหารหนึ่งนายรีบเดินเข้ามา " ทูลฝ่าบาทพะยะค่ะ หลังจากการตรวจสอบของหมอหลวงแล้ว ถุงยาของชิงซินนั้นเป็นผงชะเอมจริงๆพะยะค่ะ ส่วนถุงยาของเยียนเอ๋อร์นั้นเป็นยาพิษที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้พะยะค่ะ……"
" ลากมันออกไป ประหารชีวิตเสีย" จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างดุดัน
ทันทีที่พูดจบ ก็มีทหารสองนายเดินเข้ามา ลากเยียนเอ๋อร์ที่ยังคงดิ้นรนอยู่นั้นออกไป ผ่านไปอยู่นาน ก็ยังได้ยินเสียงที่น่าสงสารของเยียนเอ๋อร์ หยุนชางหลับตาลงเบาๆ และพึมพำว่า "อมิตาพุทธ"
"เสด็จพ่อเพคะ ชางเอ๋อร์เหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ" หยุนชางถอนหายใจ แล้วยืนขึ้นถวายบังคมจักรพรรดิหนิง แล้วฉินยีก็พยุงนางเข้าไปด้านในตำหนัก
เสียงของผู้คนที่อยู่ด้านนอกนั้นค่อยๆ เงียบลงเรื่อยๆ และเสียงค่อยๆ หายไป ฉินยีเดินไปตรงประตู แล้วเปิดม่านมองดู "ไปกันหมดแล้ว"
หยุนชางยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย "ช่างวิเศษจริงๆ ข้าวางยาพิษให้ตัวเอง แต่ไม่คาดคิดว่าจะจับผู้ลอบสังหารได้จริงๆ"
ฉินยีขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่ง " ไม่ทราบว่าใครเป็นคนส่งเยียนเอ๋อร์มาอยู่รอบๆ ตัวองค์หญิงกันแน่ แต่คงไม่ใช่คนของฮองเฮาอย่างแน่นอนเพคะ มิเช่นนั้นเมื่อสักครู่นี้ฉินเมิ่งก็คงไม่แทงข้างหลังนางแบบนั้นหรอก"
หยุนชางส่ายหน้า "เจ้าน่ะ เห็นเพียงแต่ภาพตรงหน้า เท่าที่ข้าเห็น ยาถุงนี้มิใช่ของเยียนเอ๋อร์หรอก ไม่ว่านางเป็นคนของใคร แต่คงไม่โง่เขลาที่คิดเอายาพิษมาวางในที่ที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ แต่จิ้งหรงที่ป่วยนั่นสิ ดูแปลก รวมถึงชิงซินด้วย… "
" นางจิ้งหรงนั้นหม่อมฉันพอเข้าใจนางได้ นางอาจจะเป็นไปตามที่เยียนเอ๋อร์กล่าวก็เป็นได้เจ้าค่ะ นางอาจจงใจนำยาไปวางไว้ใต้หมอนของนาง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่น ส่วนชิงซิน ยาที่นางมีนั้นคือผงชะเอมมิใช่หรือ?" สีหน้าของฉินยีนั้นสับสนเล็กน้อย
หยุนชางยิ้มออกมา "มีบางสิ่งในโลกใบนี้ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่จริงๆ แล้วพวกมันอันตรายที่สุด แม้ว่าชะเอมนี้จะเป็นวัตถุดิบที่พบเห็นได้บ่อย แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า หากนำชะเอมไปปรุงกับปลาคาร์ฟ มันจะมีพิษถึงแก่ชีวิต … "
"ปลาคาร์ฟงั้นหรือ? องค์หญิงชอบแสวยปลานั้นเป็นที่รู้กันของคนในวัง หากทำเมนูปลา องค์หญิงจะต้องเสวยอย่างแน่นอน ไม่คาดคิดว่าคนเหล่านั้นจะโหดร้ายเช่นนี้ หากมิใช่เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ องค์หญิงได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้จากคนแปลก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ นายท่านละก็ คงหลีกเลี่ยงคนพวกนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ที่ยิ่งไปกว่านั้น วิธีแบบนี้แม้ว่าจะตรวจสอบขึ้นมา ก็ยากที่จะหาต้นตอเจอ " ฉินยีรู้สึกถึงหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ นางจึงพูดอย่างรีบร้อนว่า "องค์หญิงเจ้าคะ พรุ่งนี้เราแสร้งทำเป็นเดินเล่น แล้วไปตรวจดูสิ่งต่างๆ ในวังนี้ให้ดี อะไรที่เป็นอันตรายเราก็จัดการไปเสีย กันไว้ดีกว่าแก้นะเจ้าค่ะ"
หยุนชางพยักหน้าและกล่าวว่า "ข้าต้องตรวจอย่างละเอียดเสียจริง … " ขณะที่พูดนั้น เหมือนว่านางนึกอะไรยางอย่างขึ้นมาได้ นางก็หัวเราะขึ้นมา " ว่าแต่ว่า ในตำหนักชิงซินแห่งนี้มีเหล่าภูตผีปีศาจอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ ข้าคิดว่า หากเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น มันต้องทำให้พวกเขาสงสัยกันเองขึ้นมาอย่างแน่นอน ฉินเมิ่งเป็นคนของฮองเฮา พวกเขาไม่เคยลงมือ แต่กลับมียาพิษอยู่ในยาของข้า สิ่งที่ฮองเฮาทนไม่ได้มากที่สุดก็คือ มีคนมาทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้านาง ข้าคิดว่าอีกไม่นานวังหลังนี้คงมีคนต้องรับเคาะแล้วล่ะ"
ฉินยีกำลังจะพูด แต่หยุนชางก็ทำมือให้เงียบขึ้นมา นางเอ่ยปากพูดอย่างไม่มีเสียงว่า "มีคนมา"
ฉินยีเข้าใจในทันที เมื่อนางเอ่ยปากน้ำเสียงของนางก็สั่นคลอนเล็กน้อย "ก่อนจะกลับพระราชวัง หม่อมฉันก็ทูลกับท่านหญิงแล้วว่า ที่วังนี้มิได้สันติภาพอย่างที่ท่านคิด แต่ท่านก็จะกลับมาให้ได้ ดูสิ เพิ่งกลับมาก็มีคนรอบวางยาพิษเสียแล้ว องค์หญิงเจ้าคะ หากว่าวันนี้องค์หญิงเป็นอันใดไป หม่อมฉันจะอยู่อย่างไรเจ้าคะ….."
หยุนชางถอนหายใจออกเบาๆ "หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในวิหารมาหลายปี ข้าคุ้นเคยกับบรรยากาศที่เงียบสงบและสันติภาพแล้ว กลับวังครานี้ กลับทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่วังนี้เสียเลย ช่างมันเถอะ ข้ากลับวังเพราะคิดถึงเสด็จพ่อมากเกินไป และตอนนี้ข้าเห็นท่านสุขภาพแข็งแรงดีทุกประการ ข้าก็โล่งใจ หลังจากพ้นพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว ข้ากลับไปอยู่ที่วิหารแคว้นหนิงจะดีกว่า ร่างกายของข้านั้นอ่อนแอเกินไป หากอยู่ในวังแห่งนี้ต่อไป ก็มีแต่ทำให้เสด็จพ่อปวดหัวเสียเปล่า"
ทันทีที่หยุนชางพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงของฉินเมิ่งดังมาจากด้านนอกประตู " องค์หญิงเจ้าคะ พระกระยาหารค่ำนำมาส่งแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงเสวยเถิดเจ้าค่ะ"
หยุนชางยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย และตอบกลับอย่างแผ่วเบาว่า "ถ้าอย่างนั้นก็เสวยพระกระยาหารค่ำได้เลย"
ฉินยีรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและพยุงหยุนชางออกไป พระกระยาหารค่ำนั้นจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หยุนชางเดินไปที่โต๊ะและเห็นว่ามีปลาวางบนโต๊ะหนึ่งจาน ความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของหยุนชาง นางเดินไปที่โต๊ะและนั่งลง นางยิ้มและพูดว่า " มีปลาด้วยงั้นหรือ ตอนที่อยู่วิหารแคว้นหนิงนั้นข้าเสวยอาหารเจสวดมนต์ตามพระภิกษุสงฆ์ มิได้เสวยปลามานานแล้ว ปลานี้หอมมาก รสชาติต้องดีอย่างแน่นอน"
ฉินเมิ่งรีบเตรียมตะเกียบให้หยุนชางและกล่าวพร้อมยิ้ม "หม่อมฉันทราบว่าองค์หญิงทรงโปรดปลาอย่างมาก จึงสั่งให้ทางครัวทำเมนูนี้มาเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ฤดูนี้เป็นช่วงที่ดอกกุ้ยฮวาบานพอดี บ่าวจึงได้เด็ดดอกกุ้ยฮวามาจำนวนหนึ่งเอามานึ่งกับปลาตัวนี้ องค์หญิงทรงชิมสิเจ้าคะว่ารสชาติดีหรือไม่"
หยุนชางยิ้มและหยิบตะเกียบขึ้นมาชิมไปหนึ่งคำ นางกล่าวชมเชยซ้ำ ๆ ว่า " ใส่ดอกกุ้ยฮวาเข้าไปตอนนึ่งปลานั้น ทำให้ปลานี้มีกลิ่นหอมดอกกุ้ยฮวาด้วย รสชาติดีและแปลกหายากเสียจริง"
"องค์หญิงเจ้าคะ แม้ว่าปลานี้จะอร่อย แต่องค์หญิงเสวยมากเกินไปมิได้นะเจ้าคะ องค์หญิงทรงลืมที่หมอหลวงสั่งไว้หรือ? หมอหลวงสั่งให้ท่านเสวยอัดใดต้องระวัง" ฉินยีรีบกล่าว นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่พอใจ
ฉินเมิ่งรีบพูดขึ้นมาว่า " พี่ฉินยีคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ปลานี้เป็นอาหารบำรุงร่างกายนะเจ้าค่ะ เสวยเป็นครั้งคราวก็เป็นผลดีเจ้าค่ะ"
หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก ร่างกายของข้าเองข้าทราบดี เสวยแค่นี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน"
ทั้งสองคนก็หยุดพูดไป หยุนชางเสวยไปนิดหน่อย และไม่แตะปลานั้นอีกเลย นางเพิ่งจะกินอาหารไป ก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากข้างนอกมาเบา ๆ
หยุนชางขมวดคิ้วและพูดกับฉินยีว่า " ไปดูสิว่าด้านนอกนั้นเกิดอะไรขึ้น"
ฉินยีตอบกลับ แล้วออกไปดูจากนั้นก็วิ่งเข้ามา "องค์หญิงเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าปิ่นปักผมของฮองเฮาหายไป นางกำนัลของวังซีอู๋สารภาพว่า นางกำนัลของซู่เฟยเหนียงเหนียงให้เงินกับนางหนึ่งตำลึง ให้นางแอบเอาออกมาให้นางกำนัลของซู่เฟยเหนียงเหนียง ฮองเฮาจึงพาคนไปค้นที่วังซู่เฟยแล้วเจอปิ่นปักผมเจ้าค่ะ ซู่เฟยเหนียงเหนียงทรงตรัสว่า ฮองเฮานั้นมีกลยุทธที่เริศมาก ไม่คาดคิดว่าจะใส่ร้ายนาง นางจึงได้พาคนไปทะเลาะวิวาทที่วังซีอู๋ เมื่อสักครู่นั้นคนของฮองเฮาได้ลากตัวนางกำนัลของซู่เฟยเหนียงเหนียงไปเจ้าค่ะ… "