ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 1 บทนำ
ในราตรีอันลึกล้ำ ณ ตำหนักองค์หญิงในพระราชวังแห่งแคว้นหนิง
เม็ดฝนหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าตำหนักที่สูงที่สุดในตำหนักองค์หญิง
หญิงสาวใบหน้าสวยสดงดงาม แต่ดวงตาของนางไร้แววและใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด นางกอดทารกตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแน่น ใบหน้าเล็กๆของทารกเป็นสีเขียวคล้ำ หายใจรวยรินราวกับว่ากำลังจะหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ
"องค์หญิงหยุนชางท่านกลับไปเถอะ ท่านราชบุตรเขยจะไม่ออกมาพบท่านหรอก" ผู้ที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าตำหนักคือนางกำนัลที่หยุนชางเชื่อใจมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก เหลียนซิน
ฝนตกลงมาบนตัวของหยุนชาง เธอกัดฟันและกระชับเสื้อคลุมบนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กน้อยในอ้อมแขนเปียกฝน… เริ่มตั้งแต่เมื่อใดกันนะ หยุนชางคิดด้วยความงุนงง คนที่นางไว้ใจมากที่สุดเริ่มทรยศนางไปทีละคน
น้ำตาของนางได้เหือดแห้งไปนานแล้ว แม้ว่าจะเจ็บปวดจนสุดทน แต่นางกลับไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้
หยุนชางโขกศีรษะคำนับเหลียนซินสามครั้ง "เหลียนซิน พวกเราเป็นนายบ่าวกันมากว่าสิบปี ข้าก็ปฏิบัติกับเจ้าอย่างดีมาโดยตลอด ตอนนี้ข้าขอร้องเจ้า ขอให้ข้าได้พบสวามีของข้าหน่อยเถอะ ขอร้องให้เขาเรียกหมอมารักษาลูกของข้าซึ่งก็เป็นลูกของเขาเช่นกัน… " เสียงของนางแหบเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้าอย่างล้ำลึก
"องค์หญิง มันไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำให้ข้าลำบากใจ ท่านราชบุตรเขยกำชับไว้แล้วว่าเป็นใครก็เข้าไปรบกวนเขาไม่ได้… " เหลียนซินยืนอยู่ใต้ชายคามองไปที่หญิงสาวท่ามกลางสายฝนพร้อมกับรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก เชอะ องค์หญิงน่ะหรือ ก็เท่านี้เอง
หยุนชางจับมือน้อยๆอันเย็นเยียบของทารก ในใจเกลียดชังอย่างสุดขีด นางลุกขึ้นยืนอย่างกะหันทันและกระแทกตัวใส่เหลียนซิน ทันใดนั้นเหลียนซินก็ถูกกระแทกจนล้มลงกับพื้นพร้อมเสียง "โอ๊ย" หยุนชางจึงรีบเปิดประตูและพุ่งเข้าไป
"นี่ๆๆ ห้ามขึ้นไป… " เหลียนซินขมวดคิ้ว ลูบตรงส่วนที่ถูกกระแทกจนเจ็บปวด "เฮอะ ขึ้นไปแล้วอย่างไร คิดว่าท่านราชบุตรเขยกับองค์หญิงหัวจิ้งจะเรียกหมอให้เด็กคนนี้จริงๆหรือ?"
หยุนชางวิ่งไปที่ชั้นบนสุดของตำหนัก เมื่อถึงปากบันไดก็ได้ยินเสียงของหัวจิ้งลอยมา "อืม… อา… อย่าแตะตรงนั้น อา… จิ้งหราน… "
หยุนชางรู้สึกราวกับโลกตรงหน้ามืดมิดลงและมือไม้อ่อนจนแทบจะอุ้มเด็กในอ้อมแขนไว้ไม่ได้ นางจึงรีบพิงราวไม้อย่างรวดเร็วเพื่อตั้งหลัก
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กัดฟันเดินไปที่ประตูแล้วใช้ศอกผลักประตูให้เปิดออก
โม่จิ้งหรานได่ยินดังนั้นก็กระตุกยิ้มเย็นชาที่มุมปาก เขาลงจากเตียงและหาเชือกจากข้างเตียง "วางเหิงเอ๋อร์ไว้บนโต๊ะ รอเจ้าอยู่นิ่งๆดูจบแล้วข้าจะเรียกหมอมารักษาเหิงเอ๋อร์"
หยุนชางลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่รู้ว่านางไม่มีทางเลือกอื่น นางอยู่ในตำหนักองค์หญิงแห่งนี้ ไม่มีใครสักคนที่เต็มใจจะออกหน้าพูดแทนนาง ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงต้องวางเด็กในอ้อมแขนของเธอบนโต๊ะ กัดฟันนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง โม่จิ้งหรานมัดมือเธอไว้
หยุนชางเพียงรู้สึกว่ามีใครบางคนเอามีดมากรีดลงในใจของเธอทีละแผลทีละแผลและนางก็ได้ยินเสียงแผลที่ถูกกรีดอย่างมึนงง
นี่ราชบุตรเขยที่นางเลือกมาด้วยตนเองและนั่นก็คือพระเชษฐภคินีที่นางชื่นชมมาโดยตลอด
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป หยุนชางก็เห็นว่าทารกน้อยที่อยู่บนโต๊ะนั้นซีดเซียวลงเรื่อยๆ ดวงตาของเขาดูไร้แวว หัวใจของหยุนชางก็กระวนกระวาย น้ำตาของนางไหลพราก "ท่านราชบุตรเขย ท่านพี่ ข้าขอร้อง ได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย เขากำลังจะไม่ไหวแล้ว ได้โปรด… "
"เสียงดังน่ารำคาญจริง" โม่จิ้งหรานหันมาตวาดใส่หยุนชาง เขายืนขึ้นอีกครั้งแล้วเดินมาตรงหน้าหยุนชางก้ามศีรษะลงมองไปที่เด็กบนโต๊ะ "ไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ไม่ไหวแล้วยังจะเอามาทำไม?"
เขาพูดพลางอุ้มเด็กขึ้นมา เปิดหน้าต่างแล้วโยนออกไปทันที
"ไม่… !" หยุนชางตกใจจนลุกขึ้นยืน แต่นางลืมไปว่ามือของนางถูกมัดไว้ด้านหลัง หลังก้าวไปสองก้าวนางก็ล้มลงกับพื้น
"ลูก… ลูกของข้า… ลูก!" เธอคร่ำครวญอย่างปวดร้าวโดยไม่สนใจความเจ็บปวด
เมื่อมีคนเดินเข้ามาทีละก้าว หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นมอง เป็นพี่หญิงของเธอถือกระบี่มาด้วย ปลายดาบชี้มาที่ใบหน้าของเธออย่างเย็นชา "อุ๊ย ข้าไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร มองไปที่ใบหน้างดงามราวหยกของน้องหญิงแล้วรู้สึกว่าช่างดูสวยงามเกินไปแล้ว อยากจะกรีดมีดลงไปสักสองสามที ดูซิว่าจะออกมาเป็นอย่างไร"
หยุนชางจิตใจสับสนวุ่นวายราวกับด้ายพันกันอยู่แต่แรก เมื่อเห็นความเยาะเย้ยในแววตาของหัวจิ้ง นางก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่ได้คิด "เพียงปล่อยข้า พี่หญิงอยากทำอะไรกับหน้าของข้าก็ได้ทั้งนั้น ได้ทั้งนั้น!" เสียงของนางแหบแห้ง
หัวจิ้งหรี่ตา นางยกมือขึ้นพร้อมกระบี่และปล่อยให้ปลายกระบี่ฟันผ่านใบหน้าของหยุนชาง หยุนชางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนใบหน้าของนาง ความเกลียดชังที่ปั่นป่วนในใจของนางแทบจะทำให้นางหายใจไม่ออก เพียงแต่เมื่อคิดถึงลูกของนาง หยุนชางก็รีบกัดฟันและไม่ส่งเสียงร้องออกมา
หัวจิ้งรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย "แค่ร้องไห้ก็ทำไม่เป็น ช่างน่าเบื่อเสียจริง" นางพูดพลางตัดเชือกที่มัดหยุนชางไว้และเดินกลับไปที่เตียง
หยุนชางรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปจากประตู นางลื่นตกจากบันไดลงไปแต่กลับไม่สนใจว่าความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอจะเป็นอย่างไร นางรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปจากประตู
ลูกของเธอนอนอยู่บนพื้นเงียบๆโดยไม่ร้องไห้ เพียงแต่มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะ เลือดถูกฝนชะไป หยุนชางรีบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างรวดเร็วและพึมพำ "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เหิงเอ๋อร์ของข้า ไม่เป็นไร แม่จะพาเจ้าไปหาหมอหลวง หาหมอหลวง แม่จะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้ เหิงเอ๋อร์ของข้าจะสบายดี… " ขณะที่พูดนางก็กอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนและรีบวิ่งออกจากตำหนักไป
"นางคงจะไม่ได้ไปหาหมอหลวงจริงๆใช่ไหม?" โม่จิ้งหรานยืนอยู่ที่หน้าต่างมองดูร่างหยุนชางค่อยๆห่างออกไปจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ร่างอรชรอ้อนแอ้นเข้ามาแนบชิดด้านหลังเขา "จิ้งหรานอย่ากลัวไปเลย ตำหนักองค์หญิงนี้ถูกท่านคุ้มกันไว้หมดแล้วมิใช่หรือ? นางออกไปไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่านางจะออกไปได้ข้างนอกและเข้าไปในพระราชวังได้แล้ว ตอนนี้เสด็จพ่อก็ไม่อยู่ นางก็เพียงไปหาเสด็จแม่ได้เท่านั้น แต่ว่าเสด็จแม่เป็นเสด็จแม่ของท่าน ไม่ใช่ของนาง… "
โม่จิ้งหรานหันกลับมาอุ้มหญิงสาวด้านหลังแล้วเดินไปที่เตียง
"อา… " หัวจิ้งครางอย่างประจบประแจง "จิ้งหราน ท่านร้ายกาจจริงๆ… "
"ฮองเฮา องค์หญิงหยุนชางเข้ามาแล้วเพคะ เมื่อข้ามองไปที่นาง บนตัวนางอาบไปด้วยเลือด… " นางกำนัลรีบวิ่งเข้ามาในตำหนักและกล่าวกับหญิงสาวสง่างามที่นั่งเลือกปิ่นอยู่หน้ากระจกทองเหลือง
ฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย "จิ้งเอ๋อร์บอกว่าาหยุนชางถูกขังอยู่ในตำหนักองค์หญิงไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้?"
ขณะที่พูดนางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหยุนชางดังแว่วมา "เสด็จแม่ เสด็จแม่ ช่วยเหิงเอ๋อร์ด้วย ช่วยเหิงเอ๋อร์ด้วย"
ฮองเฮาหันศีรษะกลับไปก็พบกับหญิงสาวที่เปียกโชกไปทั้งตัววิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยแผลที่น่ากลัวบนใบหน้าซึ่งแทบจะมองเห็นได้แม้กระทั่งกระดูก นางปลดเสื้อคลุมออก เด็กน้อยที่เธออุ้มอยู่ภายใต้เสื้อคลุมหมดลมหายใจไปนานแล้วและเลือดก็ไหลมาตลอดทาง
ฮองเฮามองหยุนชางด้วยความรังเกียจเล็กน้อยพลางกล่าวว่า "จะช่วยได้อย่างไร เขาไม่รอดแล้วชัดๆ"
"ไม่มีทาง เสด็จแม่ เหิงเอ๋อร์ยังดีอยู่ เสด็จแม่ได้โปรดช่วยเหิงเอ๋อร์ด้วยเถิด เสด็จแม่โปรดเรียกหมอหลวงมาดูเขาที" หยุนชางคุกเข่าลงและโขกหัวคำนับหลายครั้ง
ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นและขยิบตาให้นางกำนัลที่ยืนอยู่ที่ประตู "ซิ่วซินไปเรียกหมอมาเถอะและให้คนนำเหล้ามาให้องค์หญิงหยุนชางอบอุ่นร่างกายเสียหน่อย"
นางกำนัลคนนั้นรีบถอยออกไป หลังจากนั้นไม่นานนางก็ถือถ้วยเหล้ามา ฮองเฮายิ้มและพูดว่า "ชางเอ๋อร์นั่งลงก่อนเถอะ ข้าให้คนไปเรียกหมอหลวงแล้ว เจ้าดื่มเหล้าให้ร่างกายอบอุ่นเสียก่อน อย่าให้เหิงเอ๋อร์ดีขึ้นแต่เจ้ากลับล้มป่วยเสียแทน เจ้ายังต้องดูแลเหิงเอ๋อร์อีก"
หยุนชางพยักหน้าและนั่งลง ปากของนางยังพึมพำ "ใช่ ข้าจะล้มป่วยไม่ได้ หากป่วยแล้วก็จะไม่มีใครดูแลเหิงเอ๋อร์ ไม่มีใคร… " พูดแล้วนางก็ยื่นมือเปื้อนเลือดออกไปรับถ้วยเหล้ามาเงยหน้าดื่ม
ฮองเฮาหัวเราะเล็กน้อย "นี่จึงจะเป็นเด็กดี ข้าเกลียดคนที่ทำให้วังชีอู๋ของข้าสกปรกที่สุด เจ้ายังกล้านำเด็กที่ตายแล้วมาที่นี่ อัปมงคล… "
หยุนชางถึงกับผงะ ไม่เข้าใจว่าทำไมฮองเฮาจึงมีน้ำเสียงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่ท้องของนางกลับรู้สึกปวดราวกับโดนบีบ เจ็บปวดจนนางไม่สามารถยืดลำตัวขึ้นได้
"เหนียงเหนียง ดูเหมือนว่ายาจะออกฤทธิ์แล้ว?" มีเสียงเบาๆดังแว่วมา หยุนชางจำได้ว่านั่นคือเสียงของซิ่วซินที่อยู่ด้านข้างเสด็จแม่ของนาง
"เสด็จแม่… " หยุนชางขมวดคิ้ว "เสด็จแม่… "
"ข้าไม่ใช่เสด็จแม่ของเจ้า แม่ของเจ้าตายไปนานแล้ว" น้ำเสียงของฮองเฮาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง "เดิมทีข้าไม่ได้อยากฆ่าเจ้า มีชีวิตอยู่คงจะเจ็บปวดกว่า น่าเสียดายที่เจ้าทำให้พระราชวังชีอู๋ของข้าต้องแปดเปื้อน"
เมื่อหยุนชางได้ยินคำพูดของฮองเฮา ในท้องเจ็บปวดเป็นพักๆ แต่นางกลับหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างอดไม่ไหว "ข้าเป็นหญิงที่โง่ที่สุดในโลกจริงๆ ข้าเชื่อใจท่าน เชื่อหัวจิ้ง เชื่อโม่จิ้งหราน แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าคนที่ข้าเชื่อใจจะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ พวกท่านช่างโหดร้ายนัก… ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าหนิงหยุนชาง แม้ว่าจะตายไปข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่… ไม่ปล่อยแน่"
แต่นางกลับกระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้วทรุดลงกับพื้น "ถ้ามีชาติหน้า ข้าจะตามหาพวกท่านให้พบ เพื่อแก้แค้น แก้แค้น…" ยังไม่ทันสิ้นเสียง มือของนางที่กอดทารกไว้ก็ตกลง
นางกำนัลข้างฮองเฮาก้มลงเอามืออังที่จมูกของหยุนชางเพื่อทดสอบ จากนั้นจึงรีบรายงานอย่างรวดเร็ว "ฮองเฮาเพคะ ตายแล้ว… "
ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย นางหมุนตัวกลับมาหยิบปิ่นปักผมนกฟีนิกซ์แล้วลองปักลงบนมวยผม นางพูดเสียงเบาราวเสียงกระซิบ "ตายแล้วก็ลากมันไปที่ป่าทึบในชานเมืองตะวันตกให้เป็นอาหารสุนัข… "