พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 476 แผนตีสนิท
หวางปินหน้างอทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเด็กบ้านี่มาจากไหน
มุมปากของเขากระตุกและชักมือกลับทันที พอชิวมู่เฉิงเห็นเช่นนั้นก็มองมาที่เขา ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี จากนั้นเธอก็แนะนำว่า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นี่คือ…”
“ผมเป็นคู่หมั้นของเธอ ยินดีที่ได้รู้จักคุณหวางปิน ผมชื่อเนี่ยเฟิง จริงๆ แล้วผมเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ชอบขี้หึง คุณอย่าได้ถือสา”
คำพูดของซ่อนดาบในรอยยิ้มของเนี่ยเฟิงนั้นสละสลวย
หวางปินยิ้มมุมปากอย่างจอมปลอมพลางกล่าวว่า “เคยเห็นข่าวซุบซิบมาก่อน คุณชิวมีแฟนแล้วจริงๆ แต่ในโลกนี้ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมักจะคลุมเครือเสมอ บางทีวันนี้ทั้งสองคนอาจจะยังรักกันดี แต่วันถัดมาก็อาจจะเลิกกันได้”
เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วขึ้น สิ่งที่หวางปินพูดเป็นเพียงการยั่วยุเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าคุณหวางอยากให้ผมเลิกกับคู่หมั้นงั้นเหรอ? ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เราสองคนรักกันมาก ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งกว่าทองคำ อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว พอถึงตอนนั้นขอเชิญคุณมาที่เมืองจินไห่ อย่าลืมเงินใส่ซองแต่งงานด้วยล่ะ”
คำพูดของเนี่ยเฟิงไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด หวางปินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกลนลานเล็กน้อย
มีผู้คนมากมายมาร่วมการประชุมสุดยอดในวันนี้ แต่ประธานสาวสวยเช่นนี้นั้นหาได้ยาก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรหวางปินก็ต้องเข้ามาทักทาย แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กหนุ่มตอกหน้าหงายจนพูดไม่ออกเช่นนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า หวางปินนะหวางปิน ทำไมคุณถึงยับยั้งนิสัยเจ้าชู้เรี่ยราดของตัวเองไม่ได้นะ? เธอบอกว่ามีคู่หมั้นแล้ว แต่คุณก็ยังรีบเข้าไปหา ไม่เรียกหาเรื่องถูกด่าแล้วให้เรียกว่าอะไร?”
ในเวลานี้ก็มีเสียงหัวเราะเบิกบานดังขึ้น
หวางปินมองตามทิศทางของเสียงหัวเราะไปอย่างไม่พอใจ เห็นชายอ้วนพุงหลามคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา ชายผู้นี้เวลาหัวเราะนั้นเหมือนกับพระสังขจาย เขาตบพุงตัวเอง มองไปทางชิวมู่เฉิงด้วยสายตาเจ้าชู้
“ประธานชิว สวัสดีครับ คุณคือบุคคลตำนานของที่นี่ ด้วยระยะเวลาอันสั้น คุณสามารถทำให้เทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนลก้าวเข้าสู่ห้าร้อยอันดับแรกของกิจการทั่วประเทศ คุณช่างสุดยอดจริงๆ ตอนนี้ยังสามารถสืบทอดกิจการสวนนิเวศวิทยาอ่าวนกยูงด้วย ยิ่งทำให้พวกเราตกใจจนพูดไม่ออกไปเลย”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดูเหมือนเธอจะพยายามรักษาระยะห่างจากคนอื่น
ทำให้คนรู้สึกเข้าถึงได้ยาก
เนี่ยเฟิงอดทอดถอนใจไม่ได้ พี่สาวของตนมีความสามารถ ตอนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้เนี่ยเฟิงก็รู้จักทั้งหมด พวกเขาเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจของลิ่วซานเหมินในตำนาน
และยังอยู่ในตระกูลผู้ทรงอิทธิพลสิบอันดับแรก พวกเขาเป็นคนมีหน้ามีตาและสถานะ
อาจกล่าวได้ว่าธุรกิจกำลังเฟื่องฟู แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าในนั้นมีเลือดเนื้อของตระกูลเนี่ยอยู่มากน้อยเพียงใด
พวกเขาเข้ามาทักทายไม่กี่ประโยคก็ถือโอกาสปลีกตัวออกไป ส่วนใหญ่ก็เพราะบอดี้การ์ดคุ้มกันอย่างเนี่ยเฟิงอยู่ด้วย คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าเข้ามาฉวยโอกาสและตีสนิทด้วย
ในเมื่อไม่ได้ฉวยโอกาส แล้วพวกเขาจะยังอยู่ที่นี่ทำไม? สู้ไปหาคนอื่นพูดคุยเรื่องธุรกิจไม่ดีกว่าหรือ
พวกเขาบินกรูกันมาเป็นฝูงเหมือนผึ้งแล้วก็กลับออกไปเป็นฝูงเช่นเดียวกัน ชิวมู่เฉิงมองมาที่เนี่ยเฟิงอย่างจนปัญญา แล้วถามเนี่ยเฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง ทำไมนายไปพูดแบบนี้กับพวกเขาล่ะ?”
“ผมต้องการให้พี่กำจัดปัญหาที่ไม่จำเป็น คนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ซื่อกับพี่ ถ้าผมอ้างว่าเป็นคู่หมั้นของพี่ ก็จะมีคนมากมายไม่กล้าเข้ามาหา ถ้าใครยังกล้ารังแกพี่หรือเข้ามาลวนลาม ผมย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้อย่างแน่นอน”
เนี่ยเฟิงพูดพลางกำหมัดแน่น จ้องเขม็งเหมือนเป็นบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้ที่สุด รอยยิ้มที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิวมู่เฉิง
เธอกลับไม่ได้คิดรอบคอบถึงเพียงนั้น
หัวข้อหลักของการประชุมสุดยอดของหอการค้าใหญ่คือเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีเวทีอีกแห่งหนึ่งและได้รับการพัฒนามากขึ้น
นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับปัญหาการกระจายทรัพยากร ทรัพยากรในแต่ละภูมิภาคล้วนมีจำกัด พวกเขาจำเป็นต้องสื่อสารจึงจะได้รับทรัพยากรเพิ่มเติม
อันที่จริงก็เหมือนกับทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยชักนำ นอกจากนี้ประธานหอการค้าใหญ่จะสรุปแผนงานและการพัฒนาครึ่งปีแรกของปีนี้ในการประชุมสุดยอดด้วย
อันที่จริงแค่ได้มาทำความรู้จักและเจรจาธุรกิจที่นี่ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ชิวมู่เฉิงก็จะได้เห็นลูกค้าหลายรายที่นี่ด้วย
ลูกค้าบางคนที่มีอายุค่อนข้างมากแล้ว เวลาเห็นชิวมู่เฉิงก็จะรู้สึกว่าเป็นเหมือนลูกสาวของตัวเอง ลูกค้าที่ร่วมงานกับชิวมู่เฉิงก็รู้ว่าชิวมู่เฉิงเป็นคนที่ค่อนข้างไว้ใจได้ ดังนั้นจึงย่อมได้รับการแนะนำคู่ให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เสี่ยวชิว ผมว่าคุณโตพอที่จะหาแฟนได้แล้ว วันนี้มีชายหนุ่มที่มีความสามารถมากมายมาที่หอการค้า และผมก็รู้จักหนุ่มๆ ลูกหลานของตระกูลเก่าแก่อยู่มากมาย ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักดีไหม?”
พวกเขาเพิกเฉยเนี่ยเฟิงที่ยืนอยู่ข้างชิวมู่เฉิงอย่างสิ้นเชิง เพราะเนี่ยเฟิงดูไม่เหมือนคู่รักของชิวมู่เฉิง เหตุผลหลักก็คือการแต่งตัวของเนี่ยเฟิงนั้นธรรมดามาก ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อในจิตใต้สำนึกว่าเนี่ยเฟิงเป็นบอดี้การ์ดหรือเลขาที่ชิวมู่เฉิงพามาด้วย
ชิวมู่เฉิงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เธอส่ายหน้า “ประธานหลี่ ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนคุยกันแค่เรื่องธุรกิจก็พอแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องแนะนำคู่ให้ฉันรู้จักหรอก”
ชิวมู่เฉิงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่เนี่ยเฟิงคอยจับตามองคนเหล่านี้ด้วยความสนใจอยู่ข้างๆ คิดว่าเขาไม่มีตัวตนจริงๆ แถมยังกล้าแนะนำคู่ให้กับชิวมู่เฉิงต่อหน้าเขาอีก อวดดีเกินไปหน่อยไหม?
“พวกเราแค่เป็นห่วงว่าคุณจะจดจ่อกับงานมากเกินไป เลยไม่สนใจเรื่องของตัวเองมากนัก ตอนนี้คิดจะหาคู่ไม่ใช่เรื่องง่าย การหาวงศ์ตระกูลที่มีฐานะทางสังคมเท่าเทียมกันนั้นยากยิ่งกว่า ถ้าไม่รีบหาไว้ ในอนาคตก็อาจจะสายเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีหรอกหรือ คุณดูหนุ่มๆ ที่มีพรสวรรค์พวกนี้สิ มีคนไหนไม่เก่งบ้าง?”
“ผมไม่คิดว่าจะมีใครคู่ควรกับประธานของเรา”
ขณะนั้นเองเนี่ยเฟิงได้เอ่ยปากพูด เมื่อได้ยินเช่นนี้ประธานหลี่และคนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้ว พลางมองพิจารณาชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“ถึงเสี่ยวชิวจะเป็นผู้หญิงที่ดีเลิศ แต่ผู้หญิงน่ะ สุดท้ายแล้วก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัว! ไม่อย่างนั้นหากอายุมากแล้วจะแต่งงานออกไปก็เป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีลูกเอาไว้สืบทอดวงศ์ตระกูลไม่ได้ ต่อไปคงจะยืนหยัดอยู่ในบ้านสามีไม่ได้”
อีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด ชิวมู่เฉิงก็ขมวดคิ้วทันที
เธอไม่พอใจมากที่ได้ยินข้ออ้างเช่นนี้ ตอนที่เธอสร้างอาณาจักรให้กับตระกูลชิว คุณนายใหญ่ยังคงไม่ชอบเธอ สุดท้ายก็ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้หลานชายของตัวเอง ส่วนคุณนายใหญ่ก็มักจะใช้การแต่งงานของเธอเป็นเบี้ยต่อรองเสมอ เพื่อให้เธอแสดงคุณค่าอย่างเต็มที่
ดังนั้นชิวมู่เฉิงจึงไม่อยากพูดถึงเรื่องการแต่งงานเลย