พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - ตอนที่ 28คุกเข่าออกไป
บทที่ 28คุกเข่าออกไป
ผู้จัดการซุนก็คิดไม่ถึงว่าตนเองเพิ่งจะเป็นผู้จัดการได้ไม่กี่อาทิตย์แท้ๆ ก็จะถูกเลิกจ้างซะแล้ว แถมยังโดนไล่ออกจากร้านหมิงเตี่ยนอีก นี่ก็หมายความว่าต่อจากนี้ไปเขาไม่สามารถก้าวเข้าร้านในเครือนี้อีกตลอดไป
เพื่อที่จะสอบติดที่นี่ ตอนนั้นเขาพยายามขนาดไหน แต่วันนี้คิดไม่ถึงว่าเพียงเดินผิดแค่ก้าวเดียว ก็ทำให้ผิดไปเสียทุกก้าว ผู้จัดการซุนล้มลงอยู่กับพื้นเหมือนกับผู้ที่วิญญาณออกจากร่าง ชายผู้นี้ร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดัง
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเพื่อที่จะได้ตำแหน่งผู้จัดการนี้ เขาต้องพยายามขนาดไหน แต่คาดไม่ถึงว่ายังเป็นได้ไม่นานเลย ก็ถูกไล่ออกซะแล้ว
พอชิวซือมี่เห็นฉากนี้แล้วรู้สึกเหงื่อไหลไม่หยุด ผู้จัดการซุนไม่อยู่ที่ที่แล้ว ผู้จัดการร้านก็อยู่ฝ่ายพวกเขาอีก แล้วตัวเธอเองก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรแล้ว ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะหนี
“จะไปไหนหรือ คุณหนูรอง”
วินาทีที่ชิวซือมี่หันหลังเตรียมจะพุ่งออกไป ไม่รู้เนี่ยเฟิงมายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนบังประตูจนมิด ชิวซือมี่ตกใจใหญ่จึงรีบถอยหลังไป“ เมื่อกี้นายไม่ใช่ยืนข้างหลังฉันหรือ มายืนข้างหน้านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณอย่าไปสนใจเรื่องนี้เลย แต่ในเมื่อที่คุณแพ้แล้ว ก็ควรทำตามสิ่งที่สัญญาไว้หรือเปล่า”
เนี่ยเฟิงมองชิวซือมี่อย่างตื่นเต้น เมื่อสักครู่ชิวซือมี่ยังทำท่าทีหยิ่งยโสอยู่เลย แต่ตอนนี้หน้าหงอยไปเลย
“ฉันไม่รู้ว่าแกพูดอะไรอยู่ แกหลีกไปเดี๋ยวนี้นะ”
ชิวซือมี่โมโหมาก จึงใช้มือไปผลักเนี่ยเฟิง แต่เนี่ยเฟิงไม่ขยับเลย อย่างกับหินก้อนหนึ่ง
เนี่ยเฟิงจับแขนชิวซือมี่ไว้ แล้วมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “คนขี้เหร่ ผมจะบอกให้ ความอดทนของผมมีจำกัด เมื่อกี้คุณเย้ยหยันพี่ใหญ่ผมอย่างมีความสุข ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณต้องคุกเข่ากราบขอโทษแล้วล่ะ ถ้าตอนนี้คุณทำตามสัญญากราบขอโทษแล้วคุกเข่าออกไป ผมก็จะปล่อยคุณไป แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมอีก ผมอาจจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แล้วทำลายใบหน้าที่คุณทำมาแพง”
ชิวซือมี่ตกใจจนสะดุ้ง เธอมองไปที่ตาของเนี่ยเฟิงที่มีแต่ความเย็นชา วินาทีนั้นก็รู้สึกถึงตัวสั่น “ทำไมแกถึงเป็นคนอย่างนี้”
“จริงๆผมเป็นสุภาพบุรุษนะ แต่ความสุภาพของผม จะมีให้แค่กับพี่ๆของผมเท่านั้น ไม่ได้ให้คนนอก ผู้หญิงคนอื่นเป็นอะไรยังไง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม อย่ามาท้าทายความอดทนของผมอีก”
ตอนที่เนี่ยเฟิงพูดคำนี้ เหมือนกับกัดฟันแล้วพูดออกมา ทำชิวซือมี่ฟังแล้วรู้สึกขนลุก ชิวซือมี่รู้สึกว่ากลัวเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกงูพิษจับตามองอยู่
เธอพยักหน้าอย่างต่อเนื่องทันที ตอนนี้เนี่ยเฟิงถึงปล่อยมือของชิวซือมี่ออก
ชิวซือมี่คุกเข่าลงบนพื้นแล้วกราบสามที พูดอย่างเบาๆว่า “ท่านผู้หญิงไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ ท่านผู้หญิงฉันผิดไปแล้ว ท่านผู้หญิงปล่อยฉันไปเถอะ”
“นี่คุณไม่ได้ทานข้าวมาหรือยังไง พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ ใครจะได้ยิน”
ชิวซือมี่รู้สึกอับอายเหลือเกิน เธอกัดริมฝีปากตัวเองแล้วพูดอย่างโมโหว่า “ท่านผู้หญิงฉันขอโทษ ท่านผู้หญิงไว้ชีวิตฉันด้วย ท่านผู้หญิงปล่อยฉันไปเถอะ”
“พูดดังกว่านี้ ท่าทีของคุณดูไม่เหมือนคนขอโทษเลยนะ”
เนี่ยเฟิงมองชิวซือมี่ จากด้านบน ตอนนี้ความโกรธของเธอถึงขีดสุดแล้ว เธอกำหมัดไว้แน่นจนเล็บที่เธอทาสีแดงไว้นั้นฝังลงฝ่ามือของเธอ
เธอจะกลับมาล้างแค้นเรื่องนี้แน่นอน เธอจะไม่ปล่อยเนี่ยเฟิงและชิวมู่เฉิงไว้เด็ดขาด
ชิวซือมี่กั้นความโกรธนี้ไว้ในใจ แต่เธอจะขัดขืนก็ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงใช้เสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมร้องขอโทษ และเรียกท่านผู้หญิงอีกสามครั้ง เนี่ยเฟิงจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ผู้จัดการร้าน สมาชิกที่ควบคุมพนักงานในร้านของพวกคุณอย่างนี้ พวกคุณยังเอาอยู่ไหม”
หลังจากที่ชิวซือมี่คำนับขอโทษแล้ว เนี่ยเฟิงจงใจถามผู้จัดการร้านเช่นนี้
“คุณหนูท่านนี้ทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว เธอทั้งใช้ประโยชน์จากพนักงานของผมเพื่อความสะดวกของตนเองและได้แก้ข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย ในเมื่อที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลลับของร้านเรา ร้านเราก็ไม่ต้อนรับเธออีกต่อไป คุณหนูชิวซือมี่ นับตั้งแต่วันนี้คุณจะไม่ใช่สมาชิกของร้านหมิงเตี่ยนอีกต่อไป บัตรสมาชิกของคุณก็ใช้ไม่ได้แล้วเช่นกัน”
ชิวซือมี่กัดฟันแล้วด่าอยู่ในใจว่า
ร้านอาหารบนโลกนี้มีเป็นพันล้าน มีแค่ร้านหมิงเตี่ยนของพวกเธอทำสเต็กอร่อยหรือไง ไม่เป็นสมาชิกร้านก็ไม่เป็นสิ ไม่เห็นมีอะไรเลย ขอแค่ฉันมีเงิน อยากจะทำไรก็ทำได้
ถึงแม้ชิวซือมี่จะคิดแบบนี้ในใจ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้าคนกลุ่มนี้ได้ เธอจึงพยักหน้าอย่างหงอยๆ เธอโมโหจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“เอาล่ะ ตอนนี้เหลือแค่คุณคุกเข่าออกไปจากประตูก็จบแล้ว ก่อนหน้านี้ผมพูดว่าอะไรนะ ถ้าไม่ใช่พี่ใหญ่ผมใจดี คุณน่าจะต้องคุกเข่าออกไปจากจุดที่เรานั่งเมื่อสักครู่แล้วล่ะ ถึงตอนนั้นเข่าคุณคงทนความเจ็บไม่ได้แน่เลย คุณควรขอบคุณพี่ใหญ่ผม”
วันนี้ชิวซือมี่ทนความทรมานมามากมาย แต่เธอก็ไม่สามารถต่อต้านเนี่ยเฟิงได้ เจ้าคนที่ชื่อเนี่ยเฟิงนี่ มีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ แค่สายตาของเขาก็ทำให้เธอกลัวเหลือเกิน เจ้านี่ต้องมีความสามารถอะไรแน่เลย
ชิวซือมี่ทำได้เพียงใช้กระเป๋าของตัวเองปิดหน้าไว้ แล้วคุกเข่าออกไปจากประตูร้านหมิงเตี่ยน
ด้านนอกมีคนมองมากมาย เพราะสถานที่ตั้งของร้านหมิงเตี่ยนเป็นใจกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ผู้คนต่างก็สงสัยกัน ทำไมถึงมีคุณผู้หญิงที่แต่งตัวอลังการคุกเข่าออกมาจากร้านหมิงเตี่ยน
บางคนจึงหยิบมือถือออกมาถ่าย ชิวซือมี่รู้สึกว่าอยากมุดดินหนีเหลือเกิน ไม่งั้นไม่สามารถลบความรู้สึกอับอายนี้ได้
หลังจากที่ชิวซือมี่จากไป ผู้จัดการซุนก็หนีไปอย่างเศร้าหมอง ในร้านถึงสงบลงสักที
“พี่ใหญ่ผมหิวจังเลย เรากินเสร็จค่อยออกจากร้านเถอะ ยังไงเราก็สั่งสเต็กหินอ่อนไปแล้ว…..”
เนี่ยเฟิงเก็บสายตาอันแหลมคมของตนแล้วกลายเป็นเด็กหน้าตาใสซื่อ เห็นเขาจับท้องตัวเองแล้วมองชิวมู่เฉิงด้วยสายตาที่น่าสงสาร
ชิวมู่เฉิงยังสงสัยในเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดข้อผิดพลาดตรงไหน ทำไมอยู่ๆถึงได้เป็นสมาชิกล่ะ อีกอย่างในบัตรนี้ยังมีเงินร้อยล้านซะด้วย นี่ไม่ใช่เงินเล็กๆน้อยๆนะ
“เสี่ยวเฟิง……”
“พี่ใหญ่ พี่รอผมตรงนี้นะ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน อั้นไว้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ผมรู้สึกอั้นจนกระเพาะปัสสาวะจะแตกแล้ว”
ชิวมู่เฉิงพยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “งั้นนายรีบไป อย่าอั้นจนเสียสุขภาพละ”
เนี่ยเฟิงหลบเข้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ผู้จัดการร้านคนเมื่อกี้จึงรีบคุกเข่าลงข้างเดียว “ต้อนรับราชามังกร กระหม่อมชื่อเจียงหยาง
คือทหารระดับสี่ที่เฝ้าร้านร้านหมิงเตี่ยนในเมืองตงไห่”
“ลุกขึ้นมาเถอะ อยู่ข้างนอกก็อย่าเรียกข้าว่าราชามังกรล่ะ เรื่องที่ข้ากลับมายังต้องเก็บเป็นความลับ เพราะมีคนหลายคนจับตาจ้องข้าอยู่”
เนี่ยเฟิงได้เปลี่ยนท่าทีของตน แตกต่างจากเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ตอนนี้เขาดูขรึมเหลือเกินและบนตัวเขามีภูมิฐานของราชาอยู่
“ครับ”
เจียงหยางยืนขึ้นมาแล้วพูดต่อว่า “ราชามังกรยังมีอย่างอื่นที่ต้องการไหมครับ”
“รอฟังคำสั่งเถอะ”