พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - ตอนที่ 294 การยอมรับ
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่คอนโด
วารุณีหยิบการ์ดประตูออกมา แล้วเปิดประตู
วรยาลากกระเป๋าเดินทางเดินตามหลังเธอเข้าไป
ทันทีที่เข้ามาได้ วรยาก็สังเกตเห็นความผิดปรกติ ดวงตาหรี่เล็กลง สำรวจมองไปรอบๆบริเวณ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วมือปาดไปที่ชั้นวางของรองเท้า
ฝุ่นที่หนาเตอะเกาะอยู่เต็มนิ้วมือของเธอ จนดำ
วรยาก้มหน้าลง ปัดฝุ่นที่ปลายนิ้วมือออก “ลูกรัก ลูกย้ายบ้านแล้วเหรอ ?”
วารุณีรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเมื่อพาเธอมา จะต้องเจอกับอะไร เธอก้มหน้าลง แล้วตอบรับกลับมาคำหนึ่งอย่างรู้สึกผิด
“ลูกย้ายไปไหน?”วรยามองวารุณีแล้วถามออกไป“ ที่นี่มันก็ดีอยู่แล้ว ลูกย้ายทำไม ? อีกอย่าง ในเมื่อย้ายไปแล้ว ลูกไม่พาแม่ไปที่บ้านใหม่ล่ะ แต่กลับพามาที่นี่ ทำไมเหรอ ? บ้านใหม่ของลูกไม่ต้อนรับแม่เหรอ หรือว่ามันแคบไปอยู่ด้วยไม่ได้ ?”
เธอถามออกมาหลายคำถาม ถามจนวารุณียิ่งรู้สึกผิด หน้าที่ก้มต่ำอยู่แล้วก็ยิ่งก้มต่ำมากขึ้นไปอีก “ไม่ใช่ค่ะแม่ หนู……หนูย้ายไปที่บ้านของแฟน”
“อะไรนะ?”วรยาตะลึงก่อนอันดับแรก จากนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “แฟน?”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้าให้
วรยาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “ลูกรัก ลูกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่เลย และอีกอย่าง แฟนของลูกชอบอารัณกับไอริณหรือเปล่า ? แม่จะบอกอะไรให้นะ หากเขาไม่ชอบอารัณกับไอริณ ลูกห้ามอยู่กับเขาเด็ดขาด อย่ามีสาเหตุเพราะเขา จนต้องละทิ้งอารัณกับไอริณนะ ”
วารุณีมือกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก“แม่ แม่พูดอะไรอย่างนั้น หนูเป็นคนแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ ? วางใจเถอะ เขาชอบอารัณกับไอริณมาก รักเหมือนลูกตัวเองเลย”
“งั้นเหรอ?”วรยาพยักหน้าให้อย่างพึงพอใจ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ดีแล้ว เออนี่ ลูกยังไม่ได้บอกเลย ว่าเขาเป็นใคร ?”
“เขา……”วารุณีมองไปยังทิศทางอื่น“แม่ ถ้าหนูบอก แม่อย่าโกรธนะ ?”
“โกรธ?”วรยาขมวดคิ้ว
ดูๆไปแล้ว คนคนนี้เธอคงจะรู้จักเสียด้วย อีกทั้งก็ยังไม่ชอบขี้หน้า ไม่งั้นวารุณีคงไม่พูดคำว่าอย่าโกรธนะออกมาหรอก
และคนที่เข้าข่ายทั้งสองอย่างนี้ มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ…….
“คงไม่ใช่นัทธีหรอกนะ ?”วรยาจ้องมองไปที่วารุณี
วารุณีไม่คิดว่าแม่จะเดาถูก ดวงตามีความประหลาดใจผาดผ่าน
และความประหลาดใจนี้ ก็ถูกวรยาสังเกตเห็น กลัดกลุ้มจนต้องหายใจเข้าลึกๆ“นั้นไง เป็นเขาจริงๆด้วย !”
วารุณีหมุนนิ้วมือไปมา “ค่ะ เป็นเขา!”
“ทำไม ?” วรยาหน้าบึ้ง “วารุณี ล่าสุดก่อนที่แม่จะกลับไป แม่ได้พูดเอาไว้แล้วใช่ไหม ว่าห้ามเราอยู่กับเขา แม่รู้ว่าลูกรักเขา แต่หากลูกอยู่กับเขา ก็จะมีแต่อันตราย ลูกลืมไปแล้วเหรอว่าลูกเกือบตายมาสองครั้งแล้ว ?”
“หนูรู้”วารุณีมองไปที่คนเป็นแม่“แต่คนที่ทำร้ายหนู ก็ถูกจับไปแล้ว”
แต่อีกคน ยังอยู่ในมุมมืดไม่เผยตัวตน คนที่เผาโกดังของเธอ และคนที่ลักพาตัวเธอ ยังหาตัวไม่เจอ ไม่รู้ว่าคนคนนั้น เป็นคนที่คลั่งรักนัทธีด้วยหรือเปล่า ?
แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคนคลั่งรักทั้งสองคน ความน่าจะเป็นที่ต่างมุ่งจะมาจัดการกับเธอ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าคนในมุมมืดคนนั้น เป็นศัตรูของเธอเอง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็เท่านั้น
“จับได้แล้ว?”วรยากะพริบตาปริบๆด้วยความประหลาดใจ
วารุณีตอบรับกลับมาคำหนึ่ง“ใช่ค่ะ เธอชื่อทารีนา เป็นคุณหนูบ้านตระกูลไวยนพ ตอนนี้ถูกจับเข้าคุกไปแล้ว”
วรยาเงียบไปชั่วขณะ ก็ยังไม่เห็นด้วยที่เธอจะอยู่กับนัทธี เม้มปากแล้วพูดว่า“ ต่อให้คนที่คิดอยากจะทำร้ายลูกถูกจับไปแล้ว แต่ลูกกับเขาก็ไม่เหมาะสมกันอยู่ดี เขาเป็นผู้นำครอบครัวของตระกูลไชยรัตน์ สถานะของเราก็ไม่เท่ากันแล้ว และที่สำคัญกว่านั้น ลูกยังมีเด็กอีกด้วยสองคน ลูกคิดจริงๆเหรอว่า เขาจะรับเด็กทั้งสองคนได้ ? เด็กทั้งสองคนในตระกูลไชยรัตน์มันไม่อึดอัดเหรอ?”
วารุณียกยิ้ม “แม่ ปัญหาที่แม่พูดมา มันไม่ใช่ปัญหาเลย”
“หมายความว่าไง ? ” วรยาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
วารุณีหายใจเข้าลึกๆ ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ผ่านไปชั่วครู่ เธอกำมือแน่น แล้วรวบรวมความกล้าตอบออกไปว่า“เพราะเขาคือพ่อแท้ๆของอารัณกับไอริณ”
“อะไรนะ?”เพราะเรื่องที่ได้ยินมาทำวรยาตกใจจนเสียงสูง อ้าปากกว้าง หุบไม่ลงไปชั่วขณะ “เขา…… เขาเป็นพ่อแท้ๆของเด็กทั้งสองคนงั้นเหรอ ?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีพยักหน้าอย่างหนักแน่น
วรยาสูดหายใจลึก บังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบ ถามเสียงเข้มว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“มันคือโชคชะตาค่ะ” วารุณีหลุบตาลงต่ำแล้วยิ้ม บอกเล่าเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนที่เธอกับนัทธีจับพลัดจับผลูมาเจอกันในคืนนั้นให้ฟัง
หลังจากที่วรยาฟังจบ ก็เงียบไปอยู่นาน สักพักกว่าจะพูดออกมาว่า“ดังนั้นลูกก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้มาเมื่อสองเดือนก่อน?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีตอบกลับเสียงเบา
วรยาถอนหายใจ“ ดูแล้วเหมือนว่าลูกควรจะอยู่กับเขามาตั้งนานแล้ว ”
เมื่อห้าปีที่แล้วเพราะอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด จากนั้นห้าปีให้หลังก็กลับมารักกันอีก
มันคือโชคชะตาจริงๆ
“แม่ค่ะ ที่แม่พูดแบบนี้ คือไม่คัดค้านพวกเราแล้วใช่ไหมคะ ?”วารุณีมองไปยังวรยาอย่างตื่นเต้น
วรยาเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ “คัดค้านแล้วมีประโยชน์เหรอ ? เด็กก็คลอดออกมาแล้ว แม่จะคัดค้านยังไงได้อีก ต่อให้แม่จะค้านจริงๆ ลูกจะยอมเลิกกับเขาเหรอ ?”
วารุณีแลบลิ้น และไม่ได้พูดอะไรอีก
วรยาถลึงตาใส่เธอ “ช่างเป็นผู้หญิงที่เปิดเผยเสียจริง พอได้แล้ว แม่ถามนะ เรื่องเด็กทั้งสองคนเป็นลูกของนัทธี ลูกได้บอกเขาไปหรือยัง ”
“ยังค่ะ”วารุณีส่ายหัว
วรยาใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของเธอ “ทำไมถึงยังไม่บอก ไหนๆก็อยู่ด้วยกันแล้ว ให้เด็กๆกับตัวเขาเองได้รู้ มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียอะไรไม่ใช่เหรอ ?”
“หนูรู้ แค่หนูยังไม่มีโอกาสเหมาะๆ” วารุณีลูบไปที่ลำคออย่างเขินอาย “ แต่เดือนหน้าเป็นวันเกิดของนัทธี หนูตั้งใจว่าจะบอกเขาในวันเกิด เพื่อเซอร์ไพรส์เขา”
“ตามใจ”วรยาโบกมือให้ “พอแล้ว ลูกกลับไปได้แล้ว แม่อยากจะพักผ่อนสักหน่อย ค่ำๆชวนเขามากินข้าวด้วยกัน จะว่าไปยังไงตอนนี้เขาก็เป็นแฟนของลูกแล้ว คนเป็นแม่อย่างฉัน จะเจอเขาคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง?”
“คือ……หนูขอถามเขาก่อนนะคะ” วารุณีไม่ได้ตกปากรับคำแทนนัทธีสำหรับอาหารค่ำในมื้อนี้
เพราะเรื่องแบบนี้ ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเขาเป็นดีที่สุด
มันคือการให้เกียรติกัน
วรยามองดูวารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหานัทธีก็ต้องถึงกับต้องกลอกตาใส่
แม้เธอจะรู้สึกว่าลูกสาวของเธอ เหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือของนัทธีแต่เธอก็ไม่ได้ร้องห้าม
คู่รักหนุ่มสาวเขากำลังมีความสุขกัน เธอไม่ไปสร้างความรำคาญให้จะดีกว่า
นัทธีรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้น “ฮัลโหล?”
“นัทธี แม่อยากจะเจอคุณ”วารุณียกโทรศัพท์ขึ้นแนบไปที่หูด้วยสองมือ แล้วหันกลับมามองที่วรยาแวบหนึ่ง
เมื่อนัทธีได้ยินคำพูดของเธอ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ภายในใจที่เงียบสงบ จู่ๆก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
แม้ว่าความตึงเครียดนั้นจะไม่ได้มากมายอะไร แต่มันก็รู้สึกตึงเครียดจริงๆ
แต่ว่า ภายนอกของเขาก็ยังมีท่าทีที่นิ่งสงบไม่ไหวติง ริมฝีปากบางก็ตอบออกมาว่า“ ได้ เมื่อไหร่?”
“คืนนี้!”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
นัทธีเม้มริมฝีปากแน่น
ทำไมเวลาถึงได้กระชั้นชิดจัง ?
“นัทธี?”เมื่อไม่ได้ยินเสียงปลายสายของชายหนุ่ม วารุณีก็จึงเอ่ยเรียก “ คุณได้ยินไหม ? ”
“อืม”นัทธีพยักหน้า “ ผมรู้แล้ว เจอกันคืนนี้”
“ค่ะ เจอกันคืนนี้ !”
เมื่อวางสายแล้ว นัทธีก็วางโทรศัพท์ลง ร่างกายนั่งตัวเหยียดตรงบนเก้าอี้ในห้องทำงาน ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรู
ในตอนที่มารุตถือเอาเอกสารกองโตเดินเข้ามา ที่เห็นก็คือภาพๆนี้ ยังนึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น รีบวางเอกสารลงแล้วถามว่า “ท่านประธานครับ เป็นอะไรไปครับ ?”