ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย - ตอนที่ 307 ก้าวเดียวผิดทุกขั้นตอน
หลังจากที่ได้ยินเซินชูฮันพูด มู่นวลนวลก็ใจเต้นแรงขึ้นมา
ซือเฉิงยวี่ไปทำการตรวจดีเอ็นเอ และหลังจากนั้นก็แตกหักกับโม่ถิงเซียว
ถ้าให้เดาว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของอีกคนหนึ่งเป็นใคร มู่นวลนวลก็เลือกคนในใจไว้แล้ว
แต่มู่นวลนวลรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลมากนัก
เมื่อเซินชูฮันเห็นว่าสีหน้าของมู่นวลนวลเปลี่ยนไป เขาก็พูดออกมาว่า:“ฉันบอกว่าเดาได้ไม่ยาก เธอคงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ”
มู่นวลนวลพูดพึมพำ:“จะเป็นไปได้ยังไง?”
เซินชูฮันมองเธออย่างนิ่งสงบโดยที่ไม่พูดอะไร
มู่นวลนวลนึกอะไรขึ้นได้ จึงถามเขาว่า:“นายเอารายงานผลการตรวจดีเอ็นเอนี้มาได้ยังไง?”
“ความลับไม่มีในโลก ถ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ตัวเองก็อย่ากระทำ” ตอนที่เซินชูฮันพูดสีหน้าของเขาดูเย็นชา
มู่นวลนวลนึกถึงตอนที่โม่ถิงเซียวเล่าเรื่องราวชีวิตของเซินชูฮันให้เธอฟัง
ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดเองได้
มู่นวลนวลนึกถึงซือเฉิงยวี่
เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของซือเฉิงยวี่กับโม่ถิงเซียวนั้นดีมาก แต่เมื่อเขารู้ว่าตัวเองกับโม่ถิงเซียวไม่ใช่แค่ลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ เขาจะเผชิญหน้ากับโม่ถิงเซียวได้ยังไง?
ถูกต้อง สิ่งที่มู่นวลนวลเดาไว้ในใจก็คืออีกคนหนึ่งในผลการตรวจดีเอ็นเอก็คือโม่ชิงเฟิง
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพียงแค่มีผลลัพธ์ เวรกรรมที่กระทำก็จะตามสนอง
ตอนปีใหม่ที่กลับไปบ้านเก่า โม่ชิงเฟิงเคยพูดว่าอยากให้ซือเฉิงยวี่เข้าไปทำงานที่โม่กรุ๊ป และยังพูดอีกว่าอยากให้โม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่ดูแลซึ่งกันและกัน
ก่อนหน้านั้นซือเฉิงยวี่มีข่าวด้านลบแพร่กระจายในอินเทอร์เน็ต โม่ชิงเฟิงก็มาหาโม่ถิงเซียว
ในตอนนั้นมู่นวลนวลก็เริ่มรู้สึกว่าโม่ชิงเฟิงเป็นห่วงซือเฉิงยวี่ในระดับหนึ่ง ถ้าเทียบกับโม่ถึงเซียวแล้วก็ไม่ได้ด้วยกว่าเลย
ถ้าซือเฉิงยวี่เป็นลูกชายแท้ๆของโม่ชิงเฟิง เรื่องนี้ก็สมเหตุสมผล
มู่นวลนวลยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองสิงที่ตัวเองคาดเอานั้นถูกต้อง
“ท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่เชิญฉันไปกินข้าวหรอ?” เสียงของเซินชูฮันขัดจังหวะความคิดของมู่นวนนวล
ในขณะที่มู่นวลนวลลงจากรถก็พูดว่า:“โอเค ไปกินข้าวกัน ฉันจะขับรถไปเอง ”
เซินชูฮันเรียกเธอไว้:“ไม่ไปกินที่บ้านเธอหรอ?”
เธอรู้ว่าเซินชูฮันชอบเธอ เธอจะไม่พาเซินชูฮันไปกินข้าวที่บ้านอย่างแน่นอน
มู่นวลนวลเงียบ และไม่ได้ปฏิเสธ
เซินชูฮันหัวเราะกับตัวเอง:“เป็นฉันเองที่ก้าวเดียวผิดทุกขั้นตอน”
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงพูดแบบนั้น
……
เพื่อแสดงความจริงใจ มู่นวลนวลจึงหาร้านอาหารระดับไฮเอนด์ และเชิญเซินชูฮันไปทานมื้อค่ำ
“ใหญ่โตอย่างนี้ ฉันรู้สึกตื่นตะลึงมาก ” เซินชูฮันหยอกล้อ
ตอนที่สั่งอาหารมู่นวลนวลรู้สึกว่าเซินชูฮันจ้องมองเธออยู่ตลอด
เธอสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น
“โม่ถิงเซียวเคยเล่าเรื่องของฉันกับเธอไหม?”
คำพูดของเซินชูฮัน ทำให้มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา
“ใช่ ฉันเป็นคนที่แม่ของฉันกับผู้ชายข้างนอกคนหนึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด ฉันไม่รู้ว่าพ่อแท้ๆของฉันเป็นใคร ฉันเป็นเพียงผ้าขาว เพื่อที่จะปกปิดความจริงที่ไร้มนุษยธรรมของพ่อเลี้ยงของฉัน”
ถึงแม้ว่าโม่ถิงเซียวจะเคยเล่าเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ฟังเซินชูฮันเล่าออกมาจากปาก ความรู้สึกภายในใจของมู่นวลนวลก็สับสน
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก และพูดว่า:“ไม่ใช่มากินข้าวหรอ?ทำไมพูดเรื่องแบบนี้?”
เซินชูฮันจ้องมองเธอ:“เธอให้ฉันพูดให้จบ”
มู่นวลนวลไม่พูดอะไร ถ้าเขาอยากจะพูดก็ให้เขาพูดเถอะ
“เพราะพ่อบุญธรรมไร้มนุษยธรรม แม่ของฉันจึงไปเกลือกกลั้วกับผู้ชายคนอื่นอยู่ตลอด ภายนอกดูเหมือนพวกเขาจะรักใคร่กันดี แต่อันที่จริงมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ อยากรู้เรื่องราวชีวิตของตัวฉันเองนั้นมันไม่ง่ายเลย……”
ตอนที่เซินชูฮันยังเด็ก เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเซิน ต่อมาทรัพย์สมบัติของตระกูลเซินก็ไม่ได้แบ่งให้เขา และคนในตระกูลเซินก็ไม่ยอมรับเขา
ดังนั้นเวลาที่เขาอยู่ข้างนอก เขาจึงแสร้งทำเป็นสุภาพอ่อนโยนเสมอ เพื่อให้คนชอบเขาและทำให้คนสนใจเขา
ในขณะเดียวกันเขาก็มองหาภรรยาที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี
มู่นวลนวลชอบเขาและชอบเขามาตลอด เขาก็รู้ดี
เขามีความสุขกับการที่มู่นวลนวลรู้สึกชอบ ดังนั้นเขาจึงดีกับมู่นวลนวล เพื่อให้เธอชอบเขา
แต่สุดท้ายเธอก็แต่งงานกับโม่ถิงเซียว
แต่งงานกับผู้ชายที่ “น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม”
เขานึกถึงแม่ของตัวเอง หลังจากนั้นก็เริ่มเกลียดมู่นวลนวล
ในบรรดาหญิงสาวที่ชอบเขา ตระกูลมู่ถือว่ามีพื้นฐานครอบครัวที่ดี มู่หวันฉีเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของมู่ลี่หยาน ต่อมาเขากับมู่หวันฉีก็แต่งงานกัน มู่ลี่หยานจะต้องยกสินเดินให้เป็นสินสมรสอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้คิดว่านิสัยส่วนตัวของมู่หวันฉีจะวุ่นวายอย่างนั้น
สมัยเรียนมีหญิงสาวชอบเขามากมาย แต่ในบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่ชอบเขา มีเพียงมู่นวลนวลที่ต่างออกไป
เธอชอบเขาอย่างตั้งใจ แต่ก็แอบซ่อนไว้กลัวว่าเขาจะรู้
เธอฉลาดกว่าคนอื่นๆ และรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมากว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าตัวเองจะไม่เลือกผู้หญิงอย่างมู่นวลนวลเป็นภรรยา
ชีวิตก็คงเป็นแบบนี้ ก้าวเดียวผิดทุกขั้นตอน ก็เป็นได้เพียงความทรงจำที่นึกเสียใจภายหลัง
เซินชูฮันถือแก้วน้ำไว้ตรงหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“นวลนวล ฉันชอบเธอมากจริงๆ แต่ฉันรู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว”
คนที่มีความรู้สึกน้อยกว่า ก็ยิ่งหวั่นไหวง่าย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทุกสิ่งที่เขาทำ ทุกคนที่สนิทสนมกับเขามีจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์
มีเพียงมู่นวลนวลที่เขาตีตัวออกจากเธอ เพียงแค่ต้องการให้เธอชอบเขาตลอดเวลา
หลังจากสถานการณ์เปลี่ยนไป มู่นวลนวลก็ได้ยินเซินชูฮันพูดแบบนี้อีกครั้ง แต่เธอก็ไม่หวั่นไหว
มู่นวลนวลไม่ต้องการจะนึกถึงความทรงจำกับเขาในอดีต เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าพูดถึงเลย หลังจากกินข้าวมื้อนี้ เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน”
อย่าไล่ล่าอดีต ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป
คนเราต้องเดินไปข้างหน้า
วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการกับอดีตคือการปล่อยให้มันผ่านไป
“ใช่ เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ” เซินชูฮันหยุดพูดไปชั่วขณะ:“แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่า ฉันไม่เคยเลิกชอบเธอเลย และฉันก็จะชอบเธอต่อไป”
มู่นวลนวลกำลังจะดื่มน้ำแล้วเธอก็แข็งทื่อ
“โม่ถิงเซียวมาหาฉัน เขาบอกว่าเขาจะช่วยฉันเอาเซินกรุ๊ปมา แต่เขามีเงื่อนไขว่าต่อไปฉันห้ามเข้าหาเธออีก”
เซินชูฮันพูดไปพลางกับสังเกตท่าทางของมู่นวลนวล:“แต่ฉันปฏิเสธเงื่อนไขที่น่าสนใจของเขา แต่ถ้าฉันยอมรับเงื่อนไขของเขา ตอนนี้ฉันก็คงไม่ได้มานั่งเปิดใจแล้วพูดว่าชอบเธออยู่ที่นี่ ตอนนี้ฉันเพิ่งค้นพบว่ามีหลายสิ่งในชีวิตที่สำคัญกว่าเงินและอำนาจ”
มู่นวลนวลค้นพบมานานแล้วว่าวันนี้เซินชูฮันมีบางอย่างผิดปกติ
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะพูดความรู้สึกภายใจที่เก็บกดไว้ และสารภาพรักกับเธอ