ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย - ตอนที่ 285 คุณไม่มีทางเลือก
มู่นวลนวลพูดในสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้ : “ฉันคิดว่าเขาต้องการลูก”
พอเธอพูดจบเซินเหลียงก็ไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เธอพูด : “ไม่ใช้หรอก ถ้าเกิดโม่ถิงเซียวอยากได้ลูกเขาไม่ทำถึงขนาดนี้ มีผู้หญิงมากมายที่อยากมีลูกให้เขา ฉันคิดว่าเขายังรักเธออยู่………..”
มู่นวลนวลได้ยินเช่นนั้นจึงเงียบไป
สักพักจึงพูดขึ้น : “เสี่ยวเหลียง สำหรับฉันตอนนี้ลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด โม่ถิงเซียวทำอย่างนี้ทำให้ฉันไม่สบายใจ”
เรื่องที่โม่ถิงเซียวยังรักหรือไม่รักเธอ เธอไม่ได้คิดสนใจ
“หรือเธอจะหนีไปเหมือนเมื่อก่อน?”
เซินเหลียงพูดจบก็แทรกขึ้นมาอีก : “เธอใกล้จะคลอดแล้วนะ เธอจะหนีไปที่ไหนอีก………..”
มู่นวลนวลฟังเช่นนั้น เธอจึงรู้สึกเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ราวกับว่าเรื่องทุกอย่างย้อนกลับไปอยู่ที่เดิม
ตอนที่เธอออกมาและคิดว่าตัวเองหลุดพ้นจากเขาแล้ว โม่ถิงเซียวไม่คิดจะตามหาเธอ
พอตอนนี้ที่เธอคิดว่าจะสามารถคลอดลูกโดยไม่ต้องกังวลอะไร คนของโม่ถิงเซียวกลับเข้ามาอยู่ใกล้ๆและคอยจับตามองเธอ
เธอไม่เข้าใจว่าโม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ และคิดที่จะทำอะไร
ตัดสายจากเซินเหลียงแล้ว พอเธอคิดถึงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ
เธอสีหน้าเย็นชาออกไปหาโม่เจียเฉิน
“พี่นวลนวล?” โม่เจียเฉินพอเห็นมู่นวลนวลจึงเดินหลีกให้เธอเข้าไปในห้อง
มู่นวลนวลเดินเข้าไปแล้วนั่งบนโซฟา
โม่เจียเฉินปิดประตูแล้วถามเธอ : “พี่จะดื่มน้ำไหม?”
มู่นวลนวลจ้องไปที่เขา เสียงเข้ม : “โทรหาโม่ถิงเซียว”
“หา!” โม่เจียเฉินตกใจ แล้วทำเป็นไม่เข้าใจ : “พี่พูดอะไร…………พี่เขาไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ซิดนีย์ เขา…………”
แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะส่งเขามาที่ซิดนีย์จริง แต่ก่อนที่เขาจะมามี่นี้ โม่ถิงเซียวสั่งไว้ว่าห้ามให้เธอรู้เด็ดขาดว่าเขาเป็นคนส่งเขามา
แต่แล้ว พอมาถึงวันแรกความลับจะแตกแล้วหรอ?
แม้ว่าโม่เจียเฉินจะฉลาด แต่ในสายตามู่นวลนวลเขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
มู่นวลนวลไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด เธอใช้น้ำเสียงบังคับเขา: “โทรหาเขา ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”
น้ำเสียงของมู่นวลนวลตอนนี้ราวกับน้ำเสียงของโม่ถิงเซียว
โม่เจียเฉินไม่มีทางเลือกจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาโม่ถิงเซียว
แล้วกดโทรออก ในขณะที่รอสายอยู่ เขานำโทรศัพท์มาวางไว้ตรงหน้ามู่นวลนวล
มู่นวลนวลจ้องไปที่โทรศัพท์ หน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์ “กำลังรอสาย” เป็นเบอร์เดิมที่เธอคุ้นเคย
เธอทั้งกังวล ทำตัวไม่ถูก และหัวใจของเธอที่ตอนนี้เต้นผิดจังหวะ
ทันใดนั้น โทรศัพท์มีคนรับสาย
เสียงที่ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ : “มีเรื่องอะไร?”
น้ำเสียงของโม่ถิงเสียวที่ดูเย็นชาดังขึ้น ช่างเย็นชาเหลือเกิน
มู่นวลนวลอาปากจะพูดแต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร
โม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวลลังเลไม่พูดสักทีเขาอยากเตือนสติเธอ เพราะเธอตอนนี้เหมือนไม่รู้สึกตัว เขายกมือขึ้นมาโบกต่อหน้าเธอ ไม่ได้ส่งเสียง
มู่นวลนวลถึงได้สติกลับมา
เธอกำลังจะพูด แต่เสียงของโม่ถิงเซียวก็ดังขึ้นอีกรอบ : “มู่นวลนวล”
น้ำเสียงที่สงบและแน่วแน่
มู่นวลนวลยังไม่ทันได้พูดอะไร โม่เจียเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆแทรกขึ้น : “พี่ครับ พี่มีตาทิพย์หรอ?พี่รู้ได้ยังไงว่าพี่นวลนวลสั่งให้ผมโทรหาพี่”
โม่เจียเฉินหน้าเสีย เอามือจับจมูกแล้วพูด : “พวกพี่คุยกันเถอะ ผมกลับห้องไปนอนสักครู่”
มู่นวลนวลเปิดห้องเล็กให้เขา มันค่อนข้างแคบ มีห้องรับแขก ห้องนอนและห้องครัว
โม่เจียเฉินกลับห้องไปและเอียงหูฟังทั้งสองคุยกัน แต่กลับไม่ได้ยินอะไร
พอโม่เจียเฉินกลับห้องไป ห้องรับแขกยิ่งเงียบสนิท
มู่นวลนวลไม่ยอมพูดอะไร และโม่ถิงเซียวก็เงียบอยู่อย่างนั้น ทั้งสองกำลังรอฝ่ายตรงข้ามพูดก่อน
สักพักมู่นวลนวลจึงเรียกสติกลับมา : “คุณจะทำอะไรกันแน่?”
โม่ถิงเซียงไม่ได้ตอบคำถามของเธอตรงๆกลับพูดว่า : “ผมกำลังจะทำอะไรคุณไม่รู้จริงๆหรอ?”
“ฉันไม่รู้!” เธอเสียงแหลม: “ฉันไม่เคยรู้อะไรเลย”
ถูกแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยคาดเดาได้เลยสักครั้งว่าโม่ถิงเซียวคิจะทำอะไร
เธอไม่เข้าใจความคิดของเขา
เสียงของโม่ถิงเซียวจริงจัง : “ถ้าอย่างนั้นก็วางใจเลี้ยงลูกไป”
มู่นวลนวลยิ้มอย่างเย็นชา : “แล้วยังไง?จะแย้งลูกไปจากฉันหรอ?”
โม่ถิงเซียวเริ่มโกรธเล็กน้อย : “เดิมทีเขาเป็นลูกของเรา”
“โม่ถิงเซียวฉันจะบอกคุณนะ คุณอย่าแม้แต่จะคิดที่จะพาลูกกลับไป”
มู่นวลนวลเธอรู้ดีว่าถ้าหากโม่ถิงเซียวจะแย้งลูกไป เธอคงสู้เขาไม่ได้
แต่จะไม่อยู่นิ่งเฉยมองโม่ถิงเซียวพาลูกกลับไปอย่างแน่นอน
อย่างที่ซินชูฮันพูดเคยพูดไว้ : “คนตระกูลมู่กินคนไม่เหลือเปลือก”
เรื่องของเจ้าสัวโม่และเรื่องของแม่โม่ถิงเซียวล้วนเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลโม่
ทันใดนั้น โม่ถิงเซียวพูดอย่างเยือกเย็น : “มู่นวลนวล คุณเชื่อใจผมไหม?”
มู่นวลนวลถึงกับผงะไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะถามคำถามนี้กับเธอ
เชื่อใจเขาไหม?
แต่โม่ถิงเซียวไม่หวังจะให้เธอตอบคำถามนี้ และบอกกับเธอว่า : “ดูแลตัวเองให้ดี ผมจัดการเรื่องที่นี้เสร็จเรียนร้อย แล้วจะไปรับพวกคุณกลับมา”
น้ำเสียงของเขาเหมือนกับเมื่อก่อนเวลาบ่นเธอ ราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ทำให้เธอรู้สึกว่า “ทั้งสองไม่ได้เลิกกัน”
ในขณะที่เธอตกใจอยู่นั้น สายของโม่ถิงเซียวก็ตัดไป
มู่นวลนวลมองโทรศัพท์ที่เงียบไปแล้วรู้สึกงงงวย ไม่เข้าใจ
โม่ถิงเซียวพูดว่าจัดการเรื่องที่นั้นเสร็จเรียนร้อยแล้วจะมารับพวกคุณกลับไป?
พวกคุณ? คือเธอและลูก?
…………..
โม่ถิงเซียวตัดสายแล้วก็นั้งเหม่อมองโทรศัพท์
ผู้ช่วยผู้จัดการยกกาแฟเข้ามาส่ง เห็นเขาที่อยู่ในสภาพนี้ แล้วพูดเสียงเบา : “ผู้อำนวยการ กาแฟของคุณครับ”
เป็นอย่างที่คาดไว้ โม่ถิงเซียวไม่สนใจเขา
ผู้ช่วยผู้จัดการถอนหายใจเบาๆแล้วหันหลังเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงของโม่ถิงเซียว : “ช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปซิดนีย์ให้ฉันหน่อย”
“ซิดนีย์?” เขานึกสงสัย ตารางงานช่วงนี้ของโม่ถิงเซียวเขาจำได้เป็นอย่างดี และไม่มีแพลนจะต้องไปที่ซิดนีย์
ใขขณะที่เขาสงสัยอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโม่ถิงเซียวพูดขึ้นมาอีกว่า : “ช่างเถอะ”
เขาจึงปิดประตูแล้วเดินออกไป ขณะที่ปิดประตูเขาได้ยินเสียงโม่ถิงเซียวหัวเราะ
เขาหูฝาดแน่นอน เขาอยู่ที่นี้มานานและไม่เคยเห็นโม่ถิงเซียวยิ้มมาก่อนเลย
โม่ถิงเซียวเปิดดูรูปมู่นวลนวลที่อยู่ในโทรศัพท์
เขาดูรูปด้วยสีหน้าที่อบอุ่นและใช้นิ้วลูบหน้าของมู่นวลนวลในรูปเบาๆ ขณะนั้นมีสีหน้าของเขาก็แน่วแน่ขึ้น
จะได้เจอกับคุณแล้วในเร็วๆนี้