ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย - ตอนที่ 258 ทำไมมู่นวลนวลถึงเป็นลม?
โม่ถิงเซียวไม่ให้เธอไปเยี่ยมเจ้าสัวโม่ ดังนั้นเธอจึงไปด้วยตัวเอง
แต่เมื่อคืนโม่ถิงเซียวบอกว่าให้เธออยู่ที่บ้าน และแน่นอนว่าต้องสั่งบอดี้การ์ดว่าไม่ให้เธอออกไป
เธอเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ก็ตัดสินใจที่จะลองไป
เมื่อเดินไปถึงประตู เธอก็ถูกขัดขวาง
“คุณหญิง คุณจะไปไหน?”
มู่นวลนวลเลิกคิ้วและหรี่ตามองอย่างสงสัย:“ฉันจะไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
บอดี้การ์ดยังคงดูเหมือนว่าจะไม่คืบหน้า:คุณชายมีคำสั่งว่าช่วงนี้คุณหญิงไม่ออกไปข้างนอกจะดีที่สุด ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้สั่งให้พวกเราไปจัดการให้”
“แล้วถ้าฉันต้องการจะออกไปล่ะ?”
บอดี้การ์ดพยักหน้า:“ต้องขอโทษด้วย”
ท่าทางและน้ำเสียงของบอดี้การ์ดแข็งกร้าวมาก ดูท่าครั้งนี้โม่ถิงเซียวจะสั่งการไว้เป็นอย่างดี และตั้งใจที่จะไม่ปล่อยเธอออกไป
มู่นวลนวลไม่ได้เข้าไปกวนใจอีก และหันเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์
เธอดูไม่มีกำลังวังชาอยู่บนโซฟาในห้องโถง สมองของเธอก็ล่องลอย
“นวลนวล!ฉันมาแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงของเซินเหลียงก็ดังขึ้น
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินเสียงก็หันไปมอง เธอเห็นเซินเหลียงเดินมาจากข้างนอกและรีบเข้ามาหาเธอ
มู่นวลนวลหรี่ตามองจู่ๆก็นึกถึงเมื่อวานตอนที่คนของตระกูลมู่มาหาเธอ และถูกบอดี้การ์ดขวางไว้
“พวกเขาไม่ขวางเธอไว้?” มู่นวลนวลพูดพลางกับตบที่นั่งข้างๆ เพื่อบอกใบ้ให้เซินเหลียงนั่ง
เซินเหลียงนั่งลงข้างๆเธอ:“ไม่นะ แถมยังรู้จักฉันด้วย และเขาก็ทักทายฉัน จากนั้นก็ให้ฉันเข้ามา”
มู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นแล้ว สมองของเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนที่คนของตระกูลมู่มา บอดี้การ์ดขัดขวางแทบตาย แต่พอเซินเหลียงมา บอดีการ์ดก็ปล่อยให้เธอเข้ามา
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นคำสั่งของโม่ถิงเซียว
เซินเหลียงหันไปเห็นสีหน้าที่กำลังครุ่นคิดของมู่นวลนวล เธอจึงพูดให้กำลังใจ:“ตอนนี้เธออย่าเพิ่งคิดมากเกินไป ทำจิตใจให้สบาย คลอดลูกออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เรื่องข้างนอกบอสใหญ่คงจัดการให้เธอได้”
“เขาไม่ให้ฉันออกไปข้างนอกอีกแล้ว” มู่นวลนวลพูดอย่างอ่อนแรง
เซินเหลียงครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า:“บางทีก็เพื่อตัวเธอเอง ตอนนี้เรื่องของเจ้าสัวโม่เป็นที่พูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมือง การที่เธอไม่ออกไปข้างนอกอาจจะเป็นเรื่องดี”
“แต่ฉันไม่อยากนั่งอยู่นิ่งๆ ฉันไม่รู้ว่าใครต้องการที่จะใส่ร้ายฉัน โม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ฉันก็ไม่รู้ เดิมที่เรื่องนี้ก็เป็นเพราะฉัน และตอนนี้ฉันก็อยู่ห่างจากเรื่องนี้มาก”
หลังจากที่พูดจบ มู่นวลนวลก้พูดเสริมว่า:“ฉันอยากออกไป”
สิ่งที่มู่นวลนวลพูด เซินเหลียงก็รู้สึกมันมีเหตุผล
เซินเหลียงถามเธอ:“อยากออกไปจริงหรอ?”
“เธอมีวิธี?” มู่นวลนวลหันไปมองเธอ
เซินเหลียงกระพริบตา จากนั้นตะโกนเสียงดังไปที่ประตู:“นวลนวล เธอเป็นอะไร?ทำไมเธอถึงเป็นลม?”
หลังจากที่เธอพูดจบก็ยื่นมือไปผลักมู่นวลนวล:“เร็ว‘เป็นลม’สิ”
มู่นวลนวลหลับตา และแกล้งทำเป็นสลบ
เสียงเซินเหลียงดึงดูดบอดี้การ์ดและคนรับใช้
“คุณหญิงเป็นอะไร?”
เซินเหลียงส่ายหน้าด้วยความตื่นตระหนก:“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเป็นลมสลบไป อย่าพูดมากเลย รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลก่อน เธอท้องอยู่ด้วย……”
ถึงอย่างไรเซินเหลียงก็มีความสามารถด้านการแสดง เธอแสดงได้เหมือนจริงมาก บอดี้การ์ดไม่ได้สงสัยอะไรมาก และรีบพามู่นวลนวลไปส่งโรงพยาบาล
เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป และเป็นโรงพยาบาลที่เจ้าสัวโม่อยู่
แน่นอนว่าเซินเหลียงก็ตามไปด้วย
เธอนั่งที่เบาะหลังกับมู่นวลนวล เพื่อที่จะดูแลมู่นวลนวลได้อย่างสะดวก
เมื่อถึงประตูโรงพยาบาล ทันทีที่ประตูรถเปิดออก โม่ถิงเซียวก็ยื่นมืออุ้มมู่นวลนวลออกไป
เมื่อเซินเหลียงเห็นโม่ถิงเซียว เธอก็งุงงงไปหมด
ก่อนหน้านี้เธอเพียงต้องการช่วยมู่นวลนวลหลอกบอดี้การ์ดเพื่อที่จะออกมาเธอไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะรออยู่ที่นี่
เธอขอโทษมู่นวลนวลในใจที่เธอช่วยได้แค่ที่นี่
เซินเหลียงถือกระเป๋าและวิ่งตามไป:“บอสใหญ่”
โม่ถิงเซียวไม่ได้หันกลับมามอง แต่ยังคงทำหน้าบึ้งตึง:“ทำไมมู่นวลนวลถึงเป็นลม?”
เซินเหลียงเคารพและยำเกรงโม่ถิงเซียว เมื่อถูกเขาถามอย่างนี้เธอก็หวาดผวา แต่ทำได้เพียงดันทุรังและพูดว่า:“จู่ๆก็เป็นลม พวกเราสองคนกำลังคุยกันอยู่ เธอก็……เป็นอย่างนี้เลย……”
ช่วงท้ายประโยค เสียงของเธอเงียบลงโดยไม่รู้ตัว
โม่ถิงเซียวขายาวและก้าวอย่างรวดเร็ว เซินเหลียงพูดไปพลางวิ่งไปพลางถึงจะตามเขาทัน
เธอชำเหลืองมองมู่นวลนวลที่ถูกเขาอุ้มไว้
มู่นวลนวลหรี่ตามองเธอและขยิบตา เพื่อบอกใบ้ให้เธอรีบไป
ระหว่างทางมู่นวลนวลหลับตามาตลอด เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเธอแอบลืมตาขึ้นมอง และรู้ว่านี้เป็นโรงพยาบาลที่เจ้าสัวโม่อยู่ และเธอก็แอบกรีดร้องในจ
เมื่อโม่ถิงเซียวเข้ามาอุ้มเธอ เธอก็สังเกตเห็นว่าคนที่มาอุ้มเธอคือโม่ถิงเซียว
แต่ถ้าตรวจร่างกายแน่นอนว่าต้องถูกจับได้
เธอถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร แต่เซินเหลียงที่ให้การช่วยเหลือเธออาจได้รับผลกระทบ……
เซินเหลียงซาบซึ้งในความตั้งใจของมู่นวลนวล จึงเคาะที่หัวของตัวเอง และพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า:“ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันมีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้ทำ บอสใหญ่ฉันไปก่อนนะ……”
โม่ถิงเซียวไม่แม้แต่จะมองเธอ เขาอุ้มมู่นวลนวลแล้วรีบไปที่ห้องฉุกเฉิน
เซินเหลียงเดินหนีออกมา
เมื่อเข้าใกล้จะถึงห้องฉุกเฉิน มู่นวลนวลก็เรียกชื่อของเขา:“โม่ถิงเซียว”
โม่ถิงเซียวหยุดเดินและก้มลงไปมองมู่นวลนวลทันที และพูดว่า:“ไม่ได้เป็นลมหรอ?”
มู่นวลพูดอย่างเรียบง่ายว่า:“ตอนนี้ฟื้นแล้ว”
“เหอะ”
โม่ถิงเซียวยิ้มเยาะและวางมู่นวลนวลลง
มู่นวลนวลรู้ดีว่ากลลวงของเธอกับเซินเหลียงถูกโม่ถิงเซียวจับได้แล้ว
โชคดีที่โม่ถิงเซียวไม่โกรธจนโยนเธอทิ้ง แต่วางเธอลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
มู่นวลนวลยืนตัวตรงแล้วพูดตรงๆว่า:“ฉันอยากมาเยี่ยมคุณปู่”
โม่ถึงเซียวโค้งงอริมฝีปาก แต่ในดวงตาของเขาไม่มีรอยยิ้ม:“มู่นวลนวล เธอคิดว่าตัวเองฉลาดมากนักรึไง?”
ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะไม่พอใจกับคำตอบของเธอ และระดับเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้น:“งั้นก็กลับไป!”
“กลับไปทำไม?กลับไปคาดเดาว่าคนฉลาดอย่างคุณกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรอ?” ท่าทีของมู่นวลนวลหนักแน่นมาก
ทั้งสองคนเงียบในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่เกิดเรื่องกับเจ้าสัวโม่ โม่ถิงเซียวก็เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด
หลายวันที่ผ่านมาโม่ถิงเซียวไม่ได้กินอิ่มหรือนอนหลับสบายเลย
เขาดูซีดเซียว แต่ดวงตาของเขายังคงเฉียบคมและไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า
โม่ถิงเซียวก็เป็นผู้ชายอย่างนี้ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรสามารถทำร้ายเขาได้ เขามีอำนาจที่ใกล้เคียงกับว่าไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้
และทุกครั้งที่มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอรู้จักเขามากพอ เขาจะทำอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
โม่ถิงเซียวแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่าเขาคิดอะไร ก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งสองเผชิญหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็ม และดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวจะประนีประนอม:“ตามฉันมา”