“เฮ้อ…ให้ตายสิ ซวยชะมัด”
ภายใต้เเสงโคมไฟที่เเต่งเเต้มความสว่าง ให้กับถนนยามคํ่าคืน
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินอย่างคอตกพร้อมกับถอนหายใจไปพลาง ร่างของเขาดูเหนื่อยอ่อนจากความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เเววตาก็ดูหม่นหมองราวกับคนที่เพิ่งพลาดสิ่งที่สำคัญไป
เด็กหนุ่มผู้นี้ มีนามว่า — เลโอ ลูเซียโน่ วัยรุ่นที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ชั้นมัธยมปลายในวันพรุ่งนี้
“ถูกยัยลูน่าลากไปนู่นลากไปนี่ สุดท้ายก็เลยมาไม่ทันงานเปิดตัวซะได้ …อุส่าห์เฝ้ารอวันนี้มานานเเท้ๆ!”
ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่านี่คือครั้งที่เท่าไหร่เเล้ว
เหตุผลที่ผมต้องหม่นหมองถึงขนาดนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด นอกจากไปร่วมงานเปิดตัวนิยายของอาจารย์ซิมายาโตะไม่ทัน ทั้งที่รอคอยวันนี้มานานเเล้วเเท้ๆ ช่างน่าเจ็บใจจริงๆ
“มีเเต่ต้องรออย่างเดียวสินะ…หืม”
ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถไฟ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติภายในตรอกซอยเเคบๆ ที่อยู่ลับตาผู้คน
ซึ่งความเงียบงันของยามคํ่าคืน ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ายิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
ภายที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ คือภาพของเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังรุมล้อมใครบางคน พวกเขาตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายมากมาย
ดูจากท่าทางของเจ้าพวกนี้เเล้ว สถานการณ์ต่อไป คงหนีไม่พ้นการกระทำที่รุนเเรงเป็นเเน่
ผมขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบควักโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรเเจ้งตำรวจ
เเต่ทันใดนั้นเอง—เสียงร่างของใครบางคน ถูกกระเเทกลงกับพื้นดังขึ้น
ด้วยเเรงที่กระเเทกนั้น ทำให้ฮู้ดที่ปกปิดใบหน้าของเจ้าตัวได้เปิดออกเป็นครั้งเเรก เผยให้เห็นร่างของเด็กสาวผมสีขาวที่เเสนบริสุทธิ์ ซึ่งใบหน้าของเธอนั้น เรียกได้ว่างดงามอย่างเเท้จริง
(เดี่ยวนะ…ผู้หญิงงั้นเหรอ!?)
ถึงใบหน้าของเธอจะงดงาม จนทำให้ผมต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ เเต่ในตอนนี้ เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยํ่าเเย่ เพราะกำลังถูกล้อมไว้ด้วยเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น
ผมรีบกดหมายเลขในโทรศัพท์ เพื่อที่จะเรียกตำรวจในทันที เเต่…
“เฮ้ย…เอาจริงดิ เเบตมาหมดตอนนี้เนี่ยนะ”
ผมอยากจะสบถคำหยาบออกมาซะจริง หน้าจอไม่สามารถเปิดติดได้เเม้เเต่น้อย พาวเวอร์เเบงค์ก็ไม่ได้เอามา จะวิ่งไปเรียกตำรวจตอนนี้ก็คงไม่ทัน
“ยัยบ้านี่! หัดพูดอะไรออกมาบ้างสิวะ!”
เสียงตะโกนจากพวกนักเลงดังขึ้น ก่อนที่ชายร่างกายกำยำคนหนึ่ง จะเหวี่ยงเท้าเข้าไปเตะใส่ร่างของเด็กสาวอย่างไร้ปรานี เเรงที่เตะออกไปเมื่อกี้ ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวตัวเล็กๆจะสามารถรับไหวได้อย่างเเน่นอน
เเน่นอนว่าผมไม่รอช้า หลังจากที่ได้เห็นสิ่งนี้ เท้าของผมขยับไปข้างหน้าโดยเเทบไม่ต้องคิด
“เฮ้ย! พวกนายกำลังทำบ้าอะไรกัน!?”
หลังจากที่เสียงตะโกนของผมดังขึ้น ทำให้สายตาของเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ ได้หันมาจ้องมองผมด้วยความรู้สึกไม่พอใจในทันที
“หือ…เเกเป็นใครกันวะ! ไอเวรนี่!”
ผมเมินคำพูดของชายคนนั้น พร้อมกับประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
(สี่คน…ไม่สิ ห้าคนสินะ เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นนักเลงประจำถิ่นจริงๆ)
“ฉันโทรเเจ้งตำรวจไปเเล้ว ถ้ายังไม่รีบไสหัวไปตอนนี้ เดี่ยวก็ซวยหรอกนะ”
ผมชูโทรศัพท์ขึ้น เเม้หน้าจอจะปิดอยู่เพราะเเบตหมด เเต่ก็หวังว่าคำโกหกนี้จะช่วยให้พวกมันเเตกตื่น เเล้วเผ่นหนีไป เพื่อจบสถานการณ์ตรงหน้าด้วยวิธีที่สันติมากที่สุด
ทั้งที่คิดไว้เเเบบนั้น เเต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ช่างไม่เหมือนสิ่งที่คิดเลยจริงๆ
“ตำรวจงั้นเรอะ! คิดว่าพวกฉันจะกลัวหรือไง!?”
ไม่เพียงเเต่ไม่กลัว เเต่คำพูดของผมกลับไปกระตุ้น ความเดืิอดดาลของเจ้าพวกนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ดูเเล้วคงหนีไม่พ้น สถานการณ์ที่ต้องใช้กำลังจริงๆสินะ
(เฮ้อ…ให้ตายสิ วันนี้มันซวยจริงๆ)
เพียงไม่นาน เหล่านักเลงทั้งห้าคน ก็ได้เข้ามาล้อมผมในทันที ไม่มีเส้นทางที่จะสามารถหนีออกไปได้เลยเเม้เเต่น้อย
“หึ…ไอเด็กเวร อยากทำตัวเป็นฮีโร่นักใช่ไหม ได้…เดี่ยวพวกฉัน! จะช่วยสอนบทเรียนที่จะทำให้เเกไม่มีวันลืมได้เอง!”
หนึ่งในเจ้าพวกนี้เเสยะยิ้มออกมา ด้วยรอยยิ้มที่เเสนน่ารังเกียจ ขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มขยับมือเเละเท้าราวกับกำลังเตรียมร่างกาย เพื่อที่จะกระหนํ่าซ้อมผมให้จมดิน
“พวกนายจะเอาอย่างงี้จริงๆสินะ ถ้าหากยอมจบเรื่องกันเเค่นี้ ยังพอมีทางที่พวกเราจะไม่ต้องเจ็บตัวอยู่นะ”
“เอาเเบบนี้นี่เเหละ! เพราคนที่จะเจ็บตัวไม่ใช่พวกฉัน เเต่เป็นเเกต่างหาก! จัดการมันเลย!”
“…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
ทันทีที่เสียงสุดท้ายหลุดออกจากปากผม พวกนักเลงตรงหน้า ก็ได้พุ่งเข้ามาโจมตีในทันที
MANGA DISCUSSION