ในห้วงเวลาอันไกลโพ้น ก่อนที่กาลเวลาจะเริ่มต้นหมุนเวียน
จักรวาลอันกว้างใหญ่ ยังคงเป็นเพียงความว่างเปล่าอันไร้รูปร่าง
— เเต่แล้ววันหนึ่ง
พลังงานอันบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นจากความว่างเปล่า
พลังงานมหาศาลเหล่านั้น ได้ก่อกำเนิดเป็นธาตุดั้งเดิมทั้งสี่ โดยได้เเก่ ธาตุดิน ธาตุนํ้า ธาตุลม เเละธาตุไฟ
4 ธาตุดั้งเดิมที่เเสนจะบริสุทธิ์เเละทรงพลัง ต่างก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและพลังอำนาจที่แตกต่างกันออกไป
เเละในยามที่ธาตุดั้งเดิมทั้งสี่ได้ทำการผสมผสานกัน — ก็ได้เกิดเป็นปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์
ธาตุต่างๆที่รวมตัวกัน ได้ทำการสร้างสรรค์จักวาลเเละดาวเคราะห์น้อยใหญ่ขึ้นมา ทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาล้วนเเล้วเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์และขุมพลังงานอันบริสุทธิ์
อีกทั้ง ยังพาชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ให้เบ่งบาน
อาทิเช่น เผ่าพันธุ์มังกรสวรรค์ เผ่าพันธุ์จักรกลนิรันด์ เผ่าพันธุ์ไฮเอลฟ์ เผ่าพันธุ์เเวมไพร์สายเลือดเเท้ และเผ่าพันธุ์อื่นๆนานาชนิด
สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ต่างได้รับพลังงานจากธาตุที่แตกต่างกันออกไป
โดยบางคนสามารถควบคุมไฟได้อย่างเชี่ยวชาญ บางคนสามารถบังคับน้ำได้อย่างอิสระ และบางคนก็มีพลังในการรักษาที่น่าอัศจรรย์ราวกับได้รับพรจากธรรมชาติ
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับมา ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญากลุ่มเเรก จึงเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังงานอันน่าพิศวงเหล่านี้
จนในที่สุด พวกเขาเหล่านั้นก็ได้ค้นพบกับวิธีการร่ายเวทมนตร์ หรือที่เรียกกันว่าเวทมนตร์ศาสตร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ความรู้ที่ทรงพลังเกินกว่าสิ่งมีชีวิตที่ไร้สติปัญญาจะสามารถทำได้
สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจะคอยสร้างสรรค์บทเวทมนตร์ต่างๆขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักๆก็คือป้องกันเเละทำลาย
เเต่นั้น ก็ไม่ใช่ศาสตร์ความรู้ทั้งหมด ที่สิ่งมีชิวิตที่มีสติปัญญาคิดค้นขึ้นมาได้
หนึ่งในหลายพันเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีพลังเวทสถิตอยู่ภายในตัวน้อยที่สุด เเต่กลับมีความเข้ากันได้กับพลังธาตุที่สูงกว่าหลายเผ่าพันธุ์จนน่าตกใจ
เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นได้ค้นพบกับศาสตร์พลังที่เรียกว่า “ออร่า” ซึ่งเป็นพลังที่ต่างจากเวทมนตร์ที่เป็นการนำเอาพลังเวทที่สถิตอยู่ในตัวมาใช้เพื่อสำเเดงผล
เเต่การใช้ออร่าคือ การดึงจิตวิญญาณของตัวเองเเละจิตวิญญาณของธาตุเพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิง เพื่อการเสริมสร้างความเเข็งเเกร่งให้กลับร่างกาย เพราะเเบบนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์จึงสามารถลดช่องว่างเรื่องพลังเวทกับเผ่าพันธุ์อื่นๆได้
เเต่ถึงเเม้ พวกเขาเหล่านั้นจะคิดว่าตัวเองบรรลุไปถึงจุดสุดยอดของพลังเเล้วนั้น
เเต่ทว่า ความจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้นเลย
ศาสตร์ความรู้ที่สิ่งมีชีวิตต่างคิดกันเอาเป็นเอาตายนั้น กลับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพลังที่เเท้จริง โดยถือว่าเป็นขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตที่มีิอายุขัย เเละเป็นกฎเกณฑ์ที่ถูกตั้งไว้โดยเหล่าเทพเจ้า
เพราะในจักวาลอันกว้างใหญ่ ยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับสูงสุด หรือที่ถูกเรียกว่าเทพเจ้า
เหล่าเทพเจ้าคือตัวตนที่คอยสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆขึ้นมา เพื่อรักษาความสมดุลของทุกสรรพสิ่งเอาไว้
โดยเหล่าเทพเจ้าจะไม่ลงไปเเทรกเเซงเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตโดยเด็ดขาด ตราบใดที่ไม่มีผู้ใดละเมิดกฎเกณฑ์ของโลก เเละมีการกระทำที่จะนำพาไปให้โลกล่มสลาย
เเละนี้ก็เป็นเหตุผล ที่ทำให้โลกต่างๆสงบสุขมาตลอดนับตั้งเเต่การกำเนิดของจักวาล
แต่ทว่าในความสงบสุขเหล่านั้น — กลับแฝงไว้ด้วยเงาแห่งความมืดมิด
เพราะยังมีมีตัวตนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับความสงบสุข ที่คอยกัดกินทุกๆสิ่งในจักวาลอยู่ภายในเงามืด จนทำให้เกิดเป็นสงครามที่ต้องเเกร่งเเย่งชิงทั่วจักวาลอันกว้างใหญ่
โดยการกระทำเหล่านี้ ได้ทำให้ความสมดุลที่เหล่าทวยเทพพยายามจะรักษาไว้ตลอดหลายล้านปี
— ต้องพังทลายลง
เเละนับวันก็ยิ่งทวีคูณความรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ เเละไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
จักวาลเเละดาวเคราะห์ที่เล็กกว่า ก็จะถูกทำลายโดยจักวาลที่ใหญ่กว่า จนในที่สุดก็กลายเป็นเรื่องปกติ หรือที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ของผู้เเข็งเเกร่ง
จากจักวาลที่เต็มไปด้วยพลังธาตุอันบริสุทธิ์ กลับเริ่มหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว
สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ ก็เพราะตัวตนที่ถูกเรียกว่าเทพเจ้าโบราณนามว่า ‘เอาเตอร์ก๊อต’
ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นคนที่สร้างเหล่าธาตุดั้งเดิมทั้งสี่ขึ้นมา เเละยังถือครองขุมพลังเเห่งกฎเกณฑ์ที่เเข็งเเกร่งที่สุด
เทพเจ้าโบราณคอยส่งคนบุกรุกไปยังจักวาลต่างๆ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
เมื่อใดที่บรรลุเป้าหมายเเล้วนั้น ก็จะทำลายจักวาลเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณี นับวันยิ่งมีจำนวนที่ถูกทำลายมากยิ่งขึ้น
เเต่เเล้ว — ในยามที่ทุกอย่างเริ่มจะสิ้นหวัง
ก็ได้มีสิ่งมีชีวิตเเห่งความหวังกำเนิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้
MANGA DISCUSSION