ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3648
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่เฉินขมวดคิ้ว ยิ่งรู้สึกว่าจานเฟยเอ๋อร์มีที่มาที่ไปไม่ดี
เย่เฉินถึงขนาดคาดเดาว่า จานเฟยเอ๋อร์ให้ผู้ช่วยซื้อคฤหาสน์ของฉินกาง ไม่ใช่เพราะจะให้ผู้อาวุโสอาศัย แต่แค่อยากใกล้ชิดตัวเองเท่านั้น
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง งั้นเรื่องที่เธอสนับสนุนเงินให้สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดจินหลิง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ส่วนเป้าหมายแท้จริงของเธอ มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่จะเป็นการใกล้ชิดพ่อตาอย่างเซียวฉางควน และใช้ความสัมพันธ์กับพ่อตา ใช้ประโยชน์จากข้ออ้างดูฮวงจุ้ย เพื่อใกล้ชิดตัวเอง
นี่ทำให้เย่เฉินรู้สึกหวาดระแวงเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่เขารับเงินหมื่นล้านที่ถังซื่อไห่ส่งมาให้ และเริ่มตั้งแต่รับตี้เหากรุ๊ป จนถึงตอนนี้ เย่เฉินพยายามซ่อนตัวตนของตัวเองตลอด โดยเฉพาะตอนที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวภรรยา ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
เหตุผลที่ทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้คนอื่นไปหาพวกเขา เพราะตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง โดยเฉพาะภรรยาอย่างเซียวชูหรัน
อีกทั้งหนึ่งปีกว่ามานี้ เย่เฉินปกปิดอย่างดีมาตลอด ถึงจะจัดการศัตรูไปไม่น้อย แต่นอกจากเย่ฉางหมิ่น อาผู้ยโสโอหังของตัวเอง ยังไม่มีใครพุ่งเป้าไปที่เซียวชูหรันสักคน
แต่จานเฟยเอ๋อร์กลับทำลายสถานการณ์นี้ เธอไม่เพียงแต่หาเย่เฉินเจอ อีกทั้งยังหาพ่อตากับภรรยาของเย่เฉินเจอด้วย
นี่มาแตะต้องของรักของหวงของเย่เฉิน อย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกัน ยังทำให้เขาตัดสินใจได้ ต้องขุดตัวตนที่แท้จริงของจานเฟยเอ๋อร์ออกมาให้ได้ จากนั้นใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง เอาเธอเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเองแบบเงียบๆ
ถ้าเธอกล้าทำอะไรข่มขู่คนข้างกายตัวเอง งั้นก็ทำให้เธอไม่มีวันกลับไปได้อีก!
……
ขณะเดียวกัน บนทางหลวงขากลับ เฟ่ยเข่อซินพูดกับเฉินอิ่งซาน อย่างไม่สามารถปกปิดความดีใจได้ “ซานซาน วันนี้ตอนบ่าย ไปเจอเซียวชูหรันแทนฉันหน่อย บอกว่าฉันอยากนัดเธอไปดูที่โฮมสเตย์สุ่ยหยุน งบประมาณตกแต่งสามสิบล้าน สัดส่วนค่าออกแบบ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเธอยอมรับงาน ฉันจะยกการตกแต่งให้เธอทั้งหมด”
เฉินอิ่งซานอดถามไม่ได้ว่า “คุณหนู คุณหาเย่เฉินเจอแล้ว ทำไมต้องเสียเวลากับเซียวชูหรันด้วยล่ะคะ”
เฟ่ยเข่อซินพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันทำเรื่องพวกนี้ เพราะกันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าปู่เอายาอายุวัฒนะ ในงานประมูลมาไม่ได้ ฝั่งฉันจะได้พอมีหวังบ้าง”
เฉินอิ่งซานอดพูดไม่ได้ว่า “คุณหนู ฉันว่าจากอำนาจของตระกูลเฟ่ย โอกาสที่คุณท่านจะได้ยาอายุวัฒนะ ในงานประมูล เป็นไปได้สูงมากนะคะ”
เฟ่ยเข่อซินส่ายหน้า แล้วพูดว่า “พูดจากใจเลยนะ ฉันไม่มีหวังกับงานประมูล”
เฉินอิ่งซานถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมคุณหนูพูดแบบนี้ล่ะคะ คุณได้ยินอะไรมาหรือเปล่า”
“เปล่า” เฟ่ยเข่อซินพูดอย่างสุขุม “ฉันอิงตามความรู้ของฉัน คาดเดาเส้นทางของเรื่องนี้ในอนาคต จากการคาดเดาของฉัน ยากมากที่ปู่จะได้ยาอายุวัฒนะในงานประมูล”
เมื่อเฉินอิ่งซ่นได้ยิน ถึงกับอึ้งทันที เธอไม่เข้าใจว่า ทำไมเฟ่ยเข่อซินถึงมองงานประมูลในแง่ร้ายขนาดนั้น จึงถามว่า “หา ทำไมคุณหนูพูดอย่างนี้ล่ะคะ”
เฟ่ยเข่อซินมองไปนอกหน้าต่าง หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันมีรูปแบบการวิเคราะห์ของฉัน แต่รูปแบบนี้พัวพันค่อนข้างกว้าง องค์ประกอบที่เข้ามาพัวพันก็เยอะ พูดไปก็ไม่เข้าใจ เธอไม่ต้องถามแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ……” เฉินอิ่งซานพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ จากนั้นจึงถามอีกว่า “งั้นคุณหนูคิดว่า มีโอกาสได้ยาอายุวัฒนะจากเย่เฉิน มากแค่ไหนคะ”
เฟ่ยเข่อซินยักไหล่ ผายมือ แล้วพูดว่า “จริงๆ ฉันก็ไม่ได้มั่นใจกับเย่เฉิน คนๆ นี้แปลกมาก ไม่สมเหตุสมผลสักที่ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ประสบการณ์ปกติ ไปตัดสินเข้าได้”
พูดพลาง เฟ่ยเข่อซินถอนหายใจ พูดด้วยแววตาแน่วแน่ “แต่ถ้าฉันไม่หาวิธีทำความรู้จักเย่เฉิน เอาความหวังทั้งหมดไปอยู่บนงานประมูล หลังรู้จักเขา ก็มีโอกาสเป็นไปได้เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ถึงโอกาสเป็นไปได้อย่างที่สอง จะมีโอกาสสำเร็จเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ฉันก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด! เพราะขอแค่มีความหวังเพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าผูกคอตายบนต้นไม้!”