ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3640
ตอนเย่เฉินมาถึงโฮมสเตย์สุ่ยหยุน เฟ่ยเข่อซินยังไม่มาถึง
เย่เฉินโทรหาเธอ ได้ยินว่าอีกประมาณ 10 นาที จึงไปรอที่หน้าประตูเขตนั้น
เดิมทีเขาจะไปทักทายฉินกางที่บ้าน แต่คิดได้ว่าเวลาไม่ได้มากขนาดนั้น จึงตัดสินใจไม่ไปรบกวน
หลังผ่านไปสิบนาที รถเก๋งคาดิลแลคธรรมดาๆ ขับมาข้างเย่เฉิน
รถเพิ่งจอดสนิท ประตูรถด้านหลังเปิดออก หญิงสาวอายุเพิ่งจะ 20 ต้นๆ เดินลงจากรถ
เมื่อเห็นเฟ่ยเข่อซินแวบแรก เย่เซินรู้สึกตกใจในความงาม เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงหน้าตาสะสวย หุ่นดีเซ็กซี่ ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากเธอ ยังรู้สึกว่าเธอห้าวหาญอีกด้วย
เฟ่ยเข่อซินมองเย่เฉิน ที่ยืนอยู่หน้ารถ มองแวบเดียวก็รู้ว่าคืออาจารย์เย่ ที่ตัวเองเจอที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เธอรู้สึกโล่งใจมาก เดินมาข้างหน้าเย่เฉิน ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคือคุณเย่สินะคะ”
เย่เฉินยิ้มบางๆ พูดเนิบๆ ว่า “คุณจานใช่ไหมครับ ผมเย่เฉินครับ”
เฟ่ยเข่อซินเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปหาเย่เฉิน พูดอย่างเป็นกันเองว่า “สวัสดีค่ะคุณเย่ ฉันจานเฟยเอ๋อร์ค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้า หลังจับมือกับเธอเบาๆ ก็พูดเข้าเรื่องทันที “คุณจาน เราไปดูที่คฤหาสน์คุณกันดีกว่าครับ”
“ได้ค่ะ!” เฟ่ยเข่อซินยิ้มแล้วพูดว่า “เชิญค่ะคุณเย่”
ขณะนั้น มีชายหญิงลงมาจากเบาะหน้ารถคาดิลแลค ผู้ชายเป็นบอดี้การ์ดของเฟ่ยเข่อซิน ส่วนผู้หญิงคือเฉินอิ่งซาน ผู้ช่วยเฟ่ยเข่อซิน
เฉินอิ่งซานพูดว่า “คุณหนู เราเข้าไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
เฟ่ยเข่อซินโบกมือไปมา แล้วพูดว่า “ไม่ต้อง ทั้งสองคนรอฉันในรถ ฉันเข้าไปกับคุณเย่”
บอดี้การ์ดคนนั้นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณหนู คุณท่านสั่งให้ผมคุ้มครองความปลอดภัยคุณด้านนอกตลอดเวลา ผมเข้าไปกับคุณ ไม่กระทบคุณกับคุณเย่หรอกครับ”
เย่เฉินมองบอดี้การ์ดเพียงแวบเดียว ก็รู้ว่าบอดี้การ์ดคนนี้ เป็นผู้ที่มีศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งยังไม่ธรรมดาด้วย มีพละกำลังนักบู๊หกดาว
นี่ทำให้เย่เฉินอดตกใจไม่ได้ แอบเดาในใจว่า “จานเฟยเอ๋อร์ออกมาข้างนอก มีผู้คุ้มกันข้างกายเป็นนักบู๊หกดาว นี่เป็นอำนาจระดับราชันสงคราม สำนักว่านหลงเลยนะ อิงตามราคาของสำนักว่านหลงเมื่อก่อน ไม่ว่าราชันสงครามคนไหนออกโรง ค่าใช้จ่ายต่อวันเป็นหลายสิบล้านดอลลาร์เลยนะ จานเฟยเอ๋อร์สามารถจ้างนักบู๊หกดาว มาเป็นบอดี้การ์ดได้ ดูเหมือนอำนาจของตระกูลเธอ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!”
เฟ่ยเข่อซินไม่รู้ว่า แค่เย่เฉินมองเพียงภายนอก ก็มองพลังกำลังบอดี้การ์ดของตัวเองออก การที่เธอไม่อยากให้บอดี้การ์ดตามมาด้วย หนึ่งคือรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ ไม่น่าจะมีอันตราย สองคือรู้สึกว่าตัวเองใช้อีกตัวตนหนึ่ง ทำความรู้จักกับเย่เฉิน สถานการณ์แบบนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้มีพิรุธ จึงพยายามไม่พาคนอื่นไปด้วย
ดังนั้น เธอใช้น้ำเสียงที่ไร้ความสงสัยพูดว่า “จินหลิงมีการรักษาความปลอดภัยดีมาก อีกทั้งกลางวันแสกๆ ด้วย แถมยังอยู่ในเขตพื้นที่หรูหราแบบนี้ ไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน ทั้งสองคนไม่ต้องพูดอะไรมาก รออยู่ในรถก็พอ”
พูดจบ เธอไม่รอให้ทั้งสองคนตอบ พูดกับเย่เฉินว่า “คุณเย่ เราไปกันเถอะ!”
“ได้ครับ” เย่เฉินพยักหน้า และเข้าไปโฮมสเตย์สุ่ยหยุนกับเฟ่ยเข่อซิน
ส่วนบอดี้การ์ดกับผู้ช่วยของเฟ่ยเข่อซิน ไม่ได้ตามไปด้วย
เมื่อเข้ามาในโฮมสเตย์สุ่ยหยุน เฟ่ยเข่อซินพาเย่เฉินเดินไปริมทะเลสาบ
จุดขายใหญ่ของโฮมสเตย์สุ่ยหยุน ก็คือตั้งอยู่กลางไหล่เขา ริมอ่างเก็บน้ำจินหลิง
ที่นี่หลังพิงเขาและอยู่ติดน้ำ สิ่งแวดล้อม วิวทิวทัศน์ เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก อยู่ที่นี่ได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนดินแดนในอุดมคติ
แต่สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียว คืออยู่ห่างไกลจากเขตเมือง หากเป็นชั่วโมงเร่งด่วนเข้าออกเมืองจริงๆ การคมนาคมไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
เช้าวันนี้เย่เฉินมาที่นี่ เรียกว่าตรงกันข้ามกับชั่วโมงเร่งด่วน ถือว่ายังดี ถ้ามาช่วงเลิกงานตอนเย็น ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว