ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3634
เมื่อได้ยินเรื่องทานข้าว ประธานเพ๋ยรีบพูดว่า “คุณจาน คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติของสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดเรา อาหารวันนี้ ไม่ว่ายังไงต้องให้ผมจัดการนะครับ!”
เฟ่ยเข่อซินรู้ดีว่า ตอนไหนควรเกรงใจ ตอนไหนไม่ควรเกรงใจ
เช่น เรื่องคนอื่นจะเลี้ยงข้าว ถ้าอีกฝ่ายแค่พูดเป็นมารยาท ก็ต้องตอบเป็นมารยาท จากนั้นปฏิเสธอย่างอ้อมๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เสียหน้า ทุกคนต่างมีความสุข
แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากเลี้ยงข้าวอย่างจริงใจ ตัวเองไม่จำเป็นต้องมีมารยาทจนเกินไป ยิ่งไม่ต้องกังวลว่าจะชิงจ่ายค่าอาหารดีหรือเปล่า แค่ตกลงอย่างสบายใจ ก็เป็นการเคารพอีกฝ่ายอย่างมากแล้ว
ดังนั้น เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเพ๋ย ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้แล้ว งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ! เย็นนี้เอาตามที่คุณว่าเลยค่ะ!”
ประธานเพ๋ยตบอก แล้วพูดว่า “วางใจได้เลยครับ เย็นนี้ผมเตรียมร้านอาหารที่ดีที่สุดในจินหลิงให้อย่างแน่นอนครับ!”
พูดพลาง เขามองเซียวฉางควน แล้วพูดว่า “ฉางควน นายรู้จักกับท่านหงห้าของเทียนเซียงฝู่ งั้นนายช่วยฉันจองห้องอาหารที่เทียนเซียงฝู่ให้ฉันสักห้องสิ เย็นนี้เราไปเลี้ยงต้อนรับคุณจานที่เทียนเซียงฝู่!”
แน่นอนว่าเซียวฉางควนไม่ปฏิเสธเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะหงห้านอบน้อมกับเขา ให้หงห้าเตรียมห้องอาหารแค่ห้องเดียว เรื่องนี้แค่พูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
ดังนั้น เขารีบพูดว่า “ได้ครับประธาน ผมขอไปโทรหาหงห้าก่อน บอกให้เขาเตรียมห้องอาหารให้เรา!”
เมื่อเฟ่ยเข่อซินได้ยินคำว่าเทียนเซียงฝู่ เธอตื่นตระหนกทันที รีบพูดว่า “รองประธานเซียว คุณอย่าเพิ่งรีบค่ะ!”
พูดพลาง เธอรีบพูดกับประธานเพ๋ยว่า “ประธานเพ๋ย เราไม่ต้องไปร้านอาหารหรูขนาดนั้นหรอกค่ะ หาร้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของจินหลิง ทานข้าวกันสักมื้อก็พอค่ะ อันที่จริง ฉันมาจินหลิงเป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นกับเมืองนี้ อยากทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิตแท้จริงของที่นี่ค่ะ”
เมื่อประธานเพ๋ยได้ยิน รีบเอ่ยชมทันที “คุณจานพูดถูก! คุณมาที่นี่ครั้งแรก บรรพบุรุษก็ออกจากจินหลิงของเราไป จินหลิงเป็นบ้านเกิดครึ่งหนึ่งของคุณ ในเมื่อกลับมาจินหลิงแล้ว ต้องได้ชิมรสชาติพื้นฐานของบ้านเกิด!”
พูดจบ เขาตัดสินใจว่า “งั้นเย็นนี้เราไปชิมอาหารท้องถิ่น รสชาติพื้นฐานของจินหลิงกันครับ!”
“ได้เลยค่ะ!” เฟ่ยเข่อซินรีบตอบตกลง
ไม่นาน ประธานเพ๋ยขับรถนำทางทุกคนมายังร้านอาหารเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตา ถึงร้านอาหารจะเล็ก แต่บรรยากาศภายในไม่เลวเลย ขายดิบขายดีด้วย
ถ้าประธานเพ๋ยไม่โทรมาล่วงหน้า พวกเขามาถึง คงไม่มีที่นั่ง
ยังดีที่ประธานเพ๋ยพอมีหน้ามีตาที่นี่ ดังนั้นทางร้านจึงยกเลิกห้องอาหารที่ลูกค้าคนหนึ่งจองไว้ เพื่อเหลือไว้ให้ประธานเพ๋ย
ประธานเพ๋ยพาเซียวฉางควน เฟ่ยเข่อซิน มีเฉินอิ่งซานมาด้วย ทั้งสี่คนนั่งในห้องอาหาร หลังสั่งอาหารท้องถิ่นบางส่วน ประธานเพ๋ยถามเฟ่ยเข่อซินว่า “คุณจาน ไม่ทราบว่าครั้งนี้อยู่จินหลิงนานแค่ไหนครับ เรื่องนิทรรศการศิลปะ เร็วที่สุดคงเป็นเดือนหน้า เพราะปลายเดือนนี้ พวกเราต้องไปเกาหลีใต้ เพื่อจัดงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม น่าจะประมาณสัปดาห์กว่าๆ ถึงจะกลับมา อีกทั้งกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนนี้ เป็นองค์กรในเมือง เราเลยไม่สามารถเลี่ยงได้ครับ”
ประธานเพ๋ยกังวลว่าเวลาของเฟ่ยเข่อซินจะเร่งรัด ถ้าเธอไม่สามารถอยู่ในประเทศได้นาน งั้นต้องเร่งนิทรรศศิลปะให้เร็วขึ้น แต่ตอนนี้กำลังกายและใจทั้งหมด อยู่ที่เรื่องงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม คงทำทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ยาก
เฟ่ยเข่อซินก็รู้ว่าประธานเพ๋ยกังวลอะไร อีกอย่างเธอรอให้ประธานเพ๋ย ถามคำถามนี้กับเธอ
ดังนั้น เธอทำตามคำพูดของประธานเพ๋ย ยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเพ๋ยไม่ต้องร้อนใจค่ะ ตอนนี้ทั้งสองท่าน ทุ่มแรงกายแรงใจให้งานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทั้งสองท่านจัดขึ้นเถอะค่ะ ส่วนเรื่องนิทรรศการศิลปะ รอให้ทั้งสองท่านกลับมาจากเกาหลีใต้ แล้วค่อยคุยกัน เพราะฉันกลับประเทศมาครั้งนี้ จะอยู่ที่จินหลิงนานเลยค่ะ”