ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3633
คำพูดของเซียวฉางควน ทำให้เฟ่ยเข่อซินมั่นใจว่า ตาเฒ่าคนนี้เป็นคนซื่อบื้อ
แต่เธอก็พูดอวยอย่างจริงจังว่า “รองประธานเซียวพูดถูกต้องเลยค่ะ นี่เป็นผลงานของผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงเทียบไม่ได้กับผลงานชั้นยอดของปรมาจารย์พู่กันจีนอย่างพวกหวางซีจือ แต่สำหรับผืนดินจินหลิงแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ”
ขณะนั้น เซียวฉางควนเดินยื่นหน้าเข้ามาข้างๆ ประธานเพ๋ย แสร้งทำเป็นถามเขาว่า “ประธาน แปดภาพนี้ มีมูลค่าเท่าไรเหรอ”
ประธานเพ๋ยพูดอย่างจริงจังว่า “ภาพอักษรของเจิ้งหยู่ เทียบกับผู้มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ หลายคน ไม่ถือว่าราคาสูง แต่ช่วงสองสามปีมานี้ ผลงานชั้นเลิศ ราคาประมูลก็เป็นล้านขึ้นไป อีกทั้งธุรกิจของสะสม นายก็รู้ ยิ่งของสมบูรณ์ ราคาก็ยิ่งแพง อีกทั้งยิ่งมีจำนวนชุดเดียวมากขึ้น ก็ยิ่งแพง! ดังนั้นถ้าเอาแปดภาพนี้ไปประมูลจริง ต้องมีหลายสิบล้าน!”
เซียวฉางควนแอบตกใจ อดมองเฟ่ยเข่อซินไม่ได้ จากนั้นคิดในใจว่า “ยัยเด็กนี้ต้องบ้านรวยมากแน่ๆ ไม่งั้นทำไมถึงบริจาคของหลายสิบล้านได้ล่ะ”
ตอนนี้ประธานเพ๋ย เปิดทั้งแปดภาพตามลำดับ ยิ่งดูยิ่งปลื้มใจไม่หยุด เขาอดถามเฟ่ยเข่อซินไม่ได้ “คุณจาน แปดภาพนี้ จะบริจาคให้สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดจินหลิงจริงเหรอครับ”
เฟ่ยเข่อซินพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ใช่ค่ะ! ถ้าประธานเพ๋ยไม่มีปัญหาอะไร ฉันเซ็นเอกสารบริจาคได้ทุกเมื่อ ยืนยันการบริจาคเป็นลายลักษณ์อักษร!”
ประธานเพ๋นตื้นตันเป็นพิเศษ พูดเสียงสั่นว่า “โอ้! ขอบคุณคุณจานมากเลยนะครับ! แปดชมเชยจินหลิงกลับสู่จินหลิงแล้ว ต้องเป็นเรื่องสั่นสะเทือนวงการด้านพู่กันจีนและภาพวาดจินหลิงอย่างแน่นอน! ผมเป็นตัวแทนสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดจินหลิง รวมไปถึงนักเขียนพู่กันจีนและภาพวาด ผู้ที่ชอบการเขียนพู่กันและภาพวาด ขอบคุณความใจกว้างในการบริจาคของคุณ!”
เฟ่ยเข่อซินยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเพ๋ยพูดเกินไปแล้วค่ะ แปดภาพนี้เป็นน้ำใจของผู้อาวุโสในตระกูล ฉันแค่เป็นตัวแทนบริจาคให้เท่านั้น”
ประธานเพ๋ยถามอย่างตื้นตันว่า “คุณจาน ไม่ทราบว่าควรเรียกผู้อาวุโสของตระกูลคุณว่าอย่างไร ผมจะไปประกาศในวงการด้านพู่กันจีนและภาพวาดจินหลิง ให้ทุกคนจำไว้ว่าเขามีส่วนช่วยวงการด้านวัฒนธรรมของจินหลิง”
เฟ่ยเข่อซินพูดอย่างจริงจังว่า “ประธานเพ๋ย ปู่ฉันทำอะไรค่อนข้างไม่ให้เป็นจุดสนใจ เขาไม่อยากเผยตัวตนของตัวเองเกินไป แต่ผู้อาวุโสในตระกูล เป็นห่วงการเผยแพร่และพัฒนาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของจินหลิงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นครั้งนี้เขายังแจ้งฉันว่า ให้ฉันจัดนิทรรศการศิลปะของจินหลิง เรื่องนี้ต้องไหว้วานประธานทั้งสองสานต่อด้วยนะคะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ตระกูลเราจะช่วยเหลือเอง เมื่อเริ่มนิทรรศการ เขาจะมาร่วมงานที่จินหลิง เมื่อถึงเวลานั้น อาจมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับทั้งสองท่าน”
ประธานเพ๋ยพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “งั้นรอให้เปิดนิทรรศการ ค่อยชมความสง่างามของผู้อาวุโส!”
พูดจบ เขาถามลองเชิงว่า “คุณจาน ไม่ทราบว่าตระกูลคุณ มีงบประมาณกับนิทรรศการศิลปะเท่าไรเหรอครับ”
เฟ่ยเข่อซินพูดออกมาว่า “เริ่มแรกกำหนดไว้ที่ 50 ล้านหยวนแล้วกันค่ะ ถ้าไม่พอ สามารถเพิ่มทีหลังได้ค่ะ!”
เมื่อประธานเพ๋ยได้ยินตัวเลข 50 ล้าน เขาแทบจะวูบ
งบประมาณส่วนใหญ่ของสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด อาศัยการจัดสรรเงินจากคนระดับสูง แต่การจัดสรรเงินแต่ละปี ก็แค่ไม่กี่สิบล้าน เมื่องบประมาณแต่ละปีไม่เพียงพอ ประธานเพ๋ยต้องพาทุกคนหารายได้ไปทั่ว เพื่อรับรองได้ว่าสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด จะหมุนเวียนได้อย่างดี
ดังนั้นจึงผ่านช่วงเวลาอันลำบากยากแค้นจนเคยชิน เมื่อได้ยินว่านิทรรศการศิลปะเพียงงานเดียว มีงบประมาณถึง 50 ล้าน จึงรู้สึกปรับตัวไม่ทัน
เซียวฉางควนกลับซาบซึ้งมาก อดพูดกับประธานเพ๋ยไม่ได้ว่า “ประธาน มี 50 ล้านนี้ เราจะได้ทำสิ่งใหญ่แล้ว! เมื่อถึงตอนนั้นจัดงานให้โอ่อ่าสักหน่อย ให้สมาคมศิลปะอื่นๆ ของจินหลิง รวมไปถึงพวกมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุได้เห็น!”
เฟ่ยเข่อซินเห็นว่าโอกาสกำลังเหมาะสม จึงรีบพูดว่า “ประธานทั้งสองท่าน ฉันเชิญทั้งสองท่านทานข้าวสักมื้อ เราทานข้าวไป คุยเรื่องนิทรรศการศิลปะไปด้วย ดีไหมคะ”
ประธานเพ๋ยตอบตกลงอย่างดีใจ วันนี้เซียวฉางควนเห็นเฮ่อหยวนเจียง โดดเด่นในงานเสวนาแลกเปลี่ยนเป็นอย่างมาก ในใจมีความโกรธที่อดกลั้นเอาไว้ เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสทำเรื่องใหญ่ แน่นอนว่าต้องซาบซึ้งใจมาก ดังนั้นจึงตอบตกลงการเชิญของเฟ่ยเข่อซินอย่างไม่ลังเล
แต่ทว่า ตาเฒ่าสองคนที่อายุรวมกันร้อยกว่าปี ดูไม่ออกว่าหญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ ตรงหน้า ทำในสิ่งที่แตกต่างจากที่เห็นโดยสิ้นเชิง!