ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3632
ไม่นาน ประธานเพ๋ยกับเซียวฉางควน ต่างขับรถของตัวเอง ตามกันกลับมาที่สมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด
ทว่าขณะนี้ เฟ่ยเข่อซินมารออยู่ที่นี่นานแล้ว
เมื่อประธานเพ๋ยกลับมา เลขาพาเขากับเซียวฉางควนมาที่ห้องประชุม พูดกับเฟ่ยเข่อซิน ซึ่งรออยู่ในนี้ว่า “คุณจาน สองท่านนี้คือประธานเพ๋ยกับรองประธานเซียว ของสมาคมการเขียนพู่กันจีนและภาพวาดค่ะ!”
พูดจบ เธอก็แนะนำทั้งสองคนว่า “ประธานเพ๋ย รองประธานเซียว ท่านนี้คือคุณจาน จานเฟยเอ๋อร์ ชาวจีนโพ้นทะเลสัญชาติฝรั่งเศส ที่ฉันคุยกับคุณทางโทรศัพท์”
เพื่อความปลอดภัย เฟ่ยเข่อซินไม่ได้ใช้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
แต่สำหรับเธอแล้ว เธออยู่มาหลายประเทศ มีตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างครบถ้วน ตัวตนจานเฟยเอ๋อร์ ชาวจีนโพ้นทะเลสัญชาติฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในตัวตนอันหลากหลายของเธอ
เฟ่ยเข่อซินมองเซียวฉางควน โล่งอกขึ้นทันที แค่ได้ใกล้ชิดเซียวฉางควน ต้องมีโอกาสสอบถามเรื่องเย่เฉิน ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของเขาได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอลุกขึ้นอย่างเกรงใจ ยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานทั้งสองท่าน ชื่นชมชื่อเสียงมานาน ในที่สุดก็ได้เจอทั้งสองท่าน”
ประธานเพ๋ยคิดไม่ถึงว่า ชาวจีนโพ้นทะเลท่านนี้ จะเป็นเด็กสาวอายุน้อยหน้าตาดี หลังอึ้งไปครู่หนึ่ง เขารีบยิ้มแล้วพูดว่า “คุณจาน เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ ผมได้ยินว่ามีชาวจีนโพ้นทะเลจะบริจาคผลงานการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณผู้หญิงอายุน้อย เมื่อก่อนคุณจานเป็นคนเมืองจินหลิงเหรอครับ”
เฟ่ยเข่อซินยิ้มบางๆ ส่ายหน้าพูดว่า “บรรพบุรษของตระกูลเราเป็นคนจินหลิงค่ะ ถึงคนสองสามรุ่นนี้ จะอาศัยอยู่ต่างประเทศ แต่ผู้อาวุโสในบ้านมีความรู้สึกลึกซึ้งกับเมืองจินหลิง แต่ผู้อาวุโสอายุมากแล้ว ไม่ค่อยสะดวกมาที่นี่ จึงไหว้วานให้ฉันมาช่วยด้านการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด ที่เมืองจินหลินเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ”
พูดพลาง เธอเรียกเฉินอิ่งซานที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ซานซาน รีบเอาผลงานการเขียนพู่กันจีนและภาพวาด ที่คุณท่านเตรียมไว้มาสิ”
เฉินอิ่งซานรีบเดินเข้ามา ยื่นกล่องไม้ซึ่งทำจากไม้จินสื่อหนานมาให้ เปิดกล่องไม้บนโต๊ะประชุม มีม้วนภาพแปดม้วนวางอยู่ข้างใน
ม้วนภาพแปดม้วนนี้ เป็นสิ่งที่เมื่อคืนตระกูลเฟ่ย ซื้อมาจากนักสะสมที่อยู่อเมริกา และส่งมายังเมืองจินหลิงภายในคืนเดียว
เป้าหมายคือ เพื่อให้เข้ากับเรื่องที่เฟ่ยเข่อซินแต่งขึ้นมา ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับเซียวฉางควน
แต่ประธานเพ๋ยกับเซียวฉางควนไม่รู้ว่าการที่เฟ่ยเข่อซินเล่นใหญ่ขนาดนี้ เป้าหมายแค่ต้องการใกล้ชิดกับเย่เฉินลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านเซียวฉางควน
จากนั้น เฟ่ยเข่อซินทำท่าเชิญให้ประธานเพ๋ยกับเซียวฉางควน พูดอย่างเคารพว่า “ประธานทั้งสองท่าน แปดภาพนี้ เป็นผลงานของเจิ้งหยู่ ที่ผู้อาวุโสในตระกูล ให้ฉันนำกลับมา เชิญชมได้ค่ะ”
ประธานเพ๋ยตื้นตันใจมาก รีบเอาถุงมือสีขาวออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก้าวเข้าไปหยิบภาพหนึ่งอย่างระมัดระวัง คลี่ออกบนโต๊ะเบาๆ ดูพลางเอ่ยชมว่า “นี่เป็นผลงานจริงของเจิ้งหยู่ และดูจากร่องรอยตัวอักษร เป็นผลงานยุคทองของเจิ้งหยู่ที่หลงเหลือไว้ เก็บรักษาได้ดีมาก ล้ำค่าเป็นอย่างมาก!”
เฟ่ยเข่อซินพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “ผลงานทั้งแปดภาพของเจิ้งหยู่ เป็นชุดผลงานที่เจิ้งหยู่ตั้งใจทำมาก แปดภาพ เขียนบทความเอาไว้แปดบทความ ชื่นชมความงามสี่ฤดูของเมืองจินหลิง ภูมิทัศน์ทั้งสี่ทิศ อีกทั้งยังเก็บรักษาทั้งแปดภาพได้อย่างสมบูรณ์ หาได้ยากจริงๆ!”
ประธานเพ๋ยพูดอย่างตื้นตันว่า “แปดภาพนี้ ยังมีอีกชื่อที่เรียกว่า แปดชมเชยจินหลิง! มีคุณค่ากับประวัติศาสตร์เมืองจินหลิง รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และขนบธรรมเนียม ประเพณีของท้องถิ่น! ตอนผมเพิ่งสัมผัสกับการเขียนพู่กันจีน ก็เคยได้ยินแปดภาพนี้แล้ว แต่เมื่อก่อนได้ยินว่ามันไปอยู่ต่างประเทศแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า จะโชคดีได้เจอที่เมืองจินหลิง!”
พูดพลาง เขาพูดกับเซียวฉางควนว่า “ฉางควน นายมาดูสิ! นี่เรียกได้ว่าเป็นนักเขียนพู่กันจีน ที่มีชื่อเสียงในจินหลิงของเราเลยนะ แปดภาพนี้ สามารถเป็นตัวแทนด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของจินหลิง! นายดูการลงพู่กันสิ แข็งแกร่งและทรงพลัง ส่วนที่ละเอียดอ่อน ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก สวยจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ!”
เซียวฉางควนดูการเขียนพู่กันจีนเป็นที่ไหนกันล่ะ รู้แค่ว่าของพวกนี้มองแล้วเป็นระเบียบมาก แต่จะเข้าใจแก่นแท้ภายในนั้น คงยังอีกนาน
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงเอ่ยปากชมไปตามคนเก่ง “เป็นตัวอักษรที่สวยจริงๆ! แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผลงานของคนมีชื่อเสียง สุดยอดจริงๆ!”