ตอนที่ 8 – คอลเลกชันลับกับวิกฤตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถานที่ที่ช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานงั้นเหรอ…
แม้คำพูดนั้นจะทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ อยู่ไม่น้อย แต่สถานที่ที่ซุซุเนะจังพาฉันมานั้น กลับเป็นสถานที่ที่ดูเรียบร้อยสุดๆ ไร้แม้แต่เงาความน่าสงสัยเลยด้วยซ้ำ
“ที่นี่มัน…”
“ห้องสมุดค่ะ จริงๆ แล้ว ฉันเป็นกรรมการห้องสมุดตั้งแต่ต้นปีนี้ แล้วก็… ที่นี่เป็นที่ที่ฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ”
“ก็ใช่… ถ้าจะว่าไป มันก็ช่วยได้นั่นแหละ…”
“ขอโทษค่ะ… ทำให้ผิดหวังรึเปล่า? หรือว่า… อยากไปห้องพยาบาลมากกว่าคะ?”
“ปะ เปล่าเลย… ออกจะโล่งใจด้วยซ้ำ…”
เพราะเป็นซุซุเนะจัง ฉันเลยอดคิดไม่ได้ว่าบางทีเธออาจจะพาฉันไปห้องพยาบาลจริงๆ ซะอีก… แต่พอเป็นห้องสมุดขึ้นมา ก็อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้เลย ความรู้สึกแบบว่า ของดีอยู่ใกล้ตัวนี่แหละ ถ้าเอาโน้ตบุ๊กมาด้วยล่ะก็ คงนั่งเขียนอะไรเงียบๆ ได้เลย แม้จะไม่รู้ว่าจะช่วยเรื่องนิยายแนวอีโรติกมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ค้นคว้าได้แหละน่า
“ขอโทษนะ ฉันคงเข้าใจซุซุเนะจังผิดไปหน่อย”
“เข้าใจผิด… เหรอคะ?”
ซุซุเนะจังมองหน้าฉันอย่างงุนงง
“อื้ม ก็แบบ… ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย เพราะเธอดูเป็นผู้หญิงที่รู้จักกาลเทศะกว่าที่คิดไว้เยอะ”
พอฉันพูดแบบนั้น ซุซุเนะจังก็พองแก้มขึ้นนิดหน่อยอย่างไม่พอใจ
“รุ่นพี่คะ… หนูก็ยอมรับนะคะว่า บางครั้งอาจจะ… เผลอทำตัวไม่เรียบร้อยไปบ้าง… แต่ว่าหนูก็ยังใส่ใจสายตาคนอื่นอยู่เสมอค่ะ”
“อ่ะ อืม… ฉันพูดไม่คิดเอง ขอโทษนะ”
ยังไงซะซุซุเนะจังก็เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นกุลสตรีอันดับหนึ่งของโรงเรียน ถึงจะมีด้านที่แอบวิปริตสุดๆ(55) ซ่อนอยู่ แต่ความสามารถในการไม่ให้ใครรู้ด้านนั้นก็ถือว่าสุดยอดอยู่ดี
“งะ งั้น… เข้าไปกันเถอะค่ะ…”
ซุซุเนะจังพูดพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องสมุด ฉันจึงเดินตามเธอไป
เพิ่งจะมาสังเกตได้ก็เดี๋ยวนี้เอง ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าห้องสมุดโรงเรียนตั้งแต่เข้าเรียนมา เพราะปกติถ้าอยากอ่านอะไร ก็ไปซื้อจากร้านหนังสือเอาทั้งนั้น แล้วก็ได้ยินจากเพื่อนด้วยว่า ห้องสมุดที่นี่ไม่มีหนังสือประเภทไลต์โนเวลที่ฉันชอบอ่าน
ทันทีที่เข้าไปในห้องสมุด กลิ่นอับของเชื้อรากับฝุ่นที่ลอยอยู่จางๆ ก็ต้อนรับฉัน ห้องสมุดมีขนาดราวกับเอาห้องเรียนสองห้องมารวมกัน ครึ่งหลังของห้องเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ ส่วนด้านหน้ามีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และมีนักเรียนสองสามคนกำลังอ่านหนังสือกันเงียบๆ
ซุซุเนะจังเดินไปยังเคาน์เตอร์ก่อน แล้วกล่าวทักทายกับนักเรียนที่ทำหน้าที่เวรประจำวัน จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของห้องสมุด ที่ซึ่งเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ ในความเงียบเชียบของห้องสมุด เสียงฝีเท้าของเราสองคนกลับดังก้องไปทั่วห้อง และเมื่อเดินมาถึงชั้นหนังสือมุมลึกสุด ซุซุเนะจังก็ค่อยๆ พับกระโปรงลงอย่างเรียบร้อยแล้วนั่งยองลง ฉันเลยนั่งลงข้างๆ เธอบ้าง
“ตรงนี้ค่ะ…”
เธอพูดเสียงเบา พร้อมกับชี้ไปที่ชั้นล่างสุดของชั้นหนังสือขนาดมหึมาที่ทอดตัวขึ้นไปจรดเพดาน
“ตรงนี้… ทำไมเหรอ?”
“…………”
ซุซุเนะจังไม่ตอบคำถามของฉัน แถมยังหน้าแดงเขินอีกต่างหาก ฉันเลยมองไปยังชั้นหนังสือ ก็เห็นว่าชั้นนี้เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดูจากชื่อสันปกแล้ว มีทั้ง “อินโดนีเซียกับวัฒนธรรมอิสลาม”, “บันทึกท่องเที่ยวศาสนาที่กัมพูชา” อะไรทำนองนั้น—พูดตรงๆ เลยว่า เป็นหนังสือที่ไม่น่าจะมีเด็กมัธยมคนไหนอยากอ่านเท่าไหร่
ฉันเอียงคอมองอย่างสงสัย ซุซุเนะจังจะพาฉันมาที่แบบนี้ทำไมกัน? อย่างน้อยก็ดูไม่น่าเกี่ยวกับการหาข้อมูลเขียนนิยายของฉันเท่าไหร่เลย
ระหว่างที่ฉันยังงุนงง ซุซุเนะจังก็ยังคงหน้าแดง แล้วก็มองฉันด้วยสายตาเขินอาย ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
“คะ… คอลเลกชันของฉันค่ะ…”
“คอลเลกชัน? ซุซุเนะจังสนใจวัฒนธรรมต่างประเทศเหรอ?”
แต่เธอก็ส่ายหน้าเบาๆ อย่างอายๆ ทั้งที่หน้ายังแดงอยู่
สีหน้าของเธอในตอนนั้น เหมือนกำลังร้องขออยู่ว่า “อย่าบังคับให้ฉันพูดออกมาเลยนะคะ…” ทั้งๆ ที่นี่เป็นสถานที่เรียบร้อยสุดๆ แล้วแท้ๆ อะไรที่ทำให้เธอเขินได้ขนาดนี้กัน?
ฉันเลยลองหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นนั้นขึ้นมาดู ซึ่งปกก็มีแต่ภาพสถานที่อย่าง นครวัด และชื่อเรื่องดูจริงจังสุดๆ จนไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติ
แต่พอเปิดหน้าหนังสือไปแค่หน้าแรกเท่านั้น หัวใจฉันแทบหยุดเต้น
“ซุซุเนะจัง… เล่มนี้มัน…!?”
พอฉันอุทานออกไปแบบนั้น ซุซุเนะจังก็รีบหันซ้ายขวาอย่างตกใจ แล้วเอานิ้วจรดริมฝีปากฉัน
“รุ่นพี่คะ เสียงดังเกินไปแล้วค่ะ…”
“ขะ ขอโทษ… แต่…”
หนังสือที่ฉันถืออยู่นั้น แม้จะดูเหมือนหนังสือสารคดีเกี่ยวกับวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ ก็เถอะ แต่พอเปิดหน้าแรกกลับพบข้อความว่า
『บทเรียนต้องห้าม: กรณีของสึซึกะ – สำนักพิมพ์ฟรานซ์โชอิน』
…เธอเป็นพวกวิปริตเต็มขั้นจริงๆ ด้วย…
ฉันได้แต่เอามือกุมหัว ดูเหมือนว่า… ซุซุเนะจังจะไม่ได้สนใจแค่ผลงานของฉันเพียงคนเดียวซะแล้ว…
ในขณะที่ฉันอึ้งจนน้ำตาแทบไหล ซุซุเนะจังก็มองฉันอย่างอ้อนวอน ใบหน้าแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว…
“ก็…ก็เพราะว่าเป็นรุ่นพี่ ฉันถึงได้บอกไงคะ… อย่ามองฉันด้วยสายตารังเกียจแบบนั้นเลยนะคะ…”
“ปะ…เปล่า ฉันไม่ได้รังเกียจเธอสักหน่อย แล้วอีกอย่าง หนังสือแบบนี้มาอยู่ในห้องสมุดที่ควรจะเรียบร้อยแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย…”
“อะ…อันนั้นคือ…”
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของซูซุเนะจังก็แสดงแววลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะหลบตาฉัน
“ร…รุ่นพี่เห็นกล่องที่เขียนว่า ‘กล่องรับบริจาคหนังสือ’ ตรงทางเข้าห้องสมุดเมื่อกี้ไหมคะ?”
“หือ? อะ อ๋อ…พูดถึงแล้วก็เหมือนจะเห็นอยู่นะ…”
“นั่นเป็นกล่องสำหรับให้นักเรียนเอาหนังสือที่ไม่ต้องการแล้วมาบริจาคค่ะ พวกกรรมการห้องสมุดจะนำหนังสือจากในกล่องนั้นให้คุณครูตรวจดูก่อน แล้วถ้าผ่านก็จะเอาไปวางในชั้นหนังสือของห้องสมุดในฐานะหนังสือบริจาคค่ะ”
“ไม่สิ แต่จะว่าไป หนังสือแบบนี้จะผ่านการตรวจได้ยังไงล่ะ?”
“การตรวจที่ว่านั่นก็แค่ในนามเท่านั้นแหละค่ะ จริง ๆ แล้วคุณครูแค่ดูปกหนังสือผ่าน ๆ แล้วก็ประทับตราว่า ‘หนังสือบริจาค’ เท่านั้นเองค่ะ”
“งั้นแสดงว่า…ซูซุเนะจังแค่เอาหนังสือที่เปลี่ยนปกให้ดูเหมือนหนังสือธรรมดามาปนกับหนังสืออื่น ๆ ใช่มั้ย?”
“ม…มันก็แบบนั้นแหละค่ะ…”
…นี่มันนักวางแผนโรคจิตชัด ๆ อยู่ตรงหน้าฉันเลย การใช้วิธีนี้ เธอก็สามารถนำหนังสือนิยายแนวที่ตัวเองชอบมาวางไว้ในห้องสมุดได้อย่างหน้าตาเฉย และที่เธอเลือกเอาไปวางไว้ตรงชั้นวรรณกรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คงเพราะมันอยู่ในจุดที่ไม่ค่อยมีใครสนใจที่สุดในห้องสมุดนี่แหละ…
“แต่ว่า…เอาหนังสือแบบนี้มาไว้ในห้องสมุดจะได้อะไรขึ้นมา?”
“ก…ก็อ่านไงคะ…แบบให้ไม่มีใครรู้…”
“แค่ก…”
ฉันหันไปมองกรรมการห้องสมุดหญิงที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ห่างออกไป เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กอย่างเบื่อหน่าย
เข้าใจแล้ว…ซูซุเนะจังคงอ่านหนังสือพวกนี้ในวันที่ตัวเองอยู่เวรที่นั่นอย่างเงียบ ๆ สินะ…
นี่แหละตัวตนที่แท้จริงของซูซุเนะจัง ไอดอลของโรงเรียนที่ใคร ๆ ก็คิดว่าเป็นกุลสตรี…
“แต่ถ้าอย่างนั้น ก็แค่เอามาอ่านที่บ้านก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องเสี่ยงขนาดนี้เลย”
ฉันถามขึ้น แต่ซูซุเนะจังก็รีบส่ายหน้ารัว ๆ
“ที่ห้องมันซ่อนไม่ได้ค่ะ… พี่ชายฉันดูเหมือนจะแอบเข้าห้องฉันบ่อย ๆ… แ…แถม… การได้อ่านที่นี่ โดยมีสายตาคนอื่นรอบ ๆ นี่…มันทำให้ใจเต้นแรงยังไงไม่รู้ค่ะ…”
…ว่าแล้วเชียว ซูซุเนะจังก็สารภาพออกมาอย่างเรียบเฉย ทั้งเรื่องรสนิยมแปลก ๆ ของพี่ชาย และ…รสนิยมแปลก ๆ ของตัวเองด้วย…
ฉันได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้…
“เดี๋ยวนะ…”
พูดถึงแล้ว ซูซุเนะจังเมื่อกี้เรียกมันว่า ‘คอลเลกชัน’ สินะ
ฉันรีบคว้าหนังสือเล่มเล็ก ๆ บนชั้นตรงนั้นออกมาเปิดดูปกทีละเล่ม
『การเสียสละของผู้จัดการชมรมเบสบอล』
『เด็กสาวโรงเรียนหญิงสุดแหวกแนวแห่งโตเกียว』
『พี่ชายของเพื่อนเป็นครูสอนพิเศษของฉัน…』(หืม)**
OH……NO……
มรดกทางวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจะสูญพันธุ์เพราะซูซุเนะจัง…
“รุ่นพี่…”
“อะไรอีกล่ะ…”
“ฉ…ฉันรู้สึกขอบคุณรุ่นพี่มาก มากจนแค่คำพูดก็ไม่สามารถอธิบายได้เลยค่ะ เพราะงั้น ถึงแม้จะเล็กน้อย ฉันก็อยากช่วยเหลือกิจกรรมการเขียนของรุ่นพี่ให้ได้ค่ะ…”
เธอพูดพร้อมกับจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาบริสุทธิ์ใสแจ๋วกว่าแก้วผลึกเสียอีก
ซูซุเนะจังเอ๋ย… ทำไมเธอถึงได้มีจิตใจบริสุทธิ์ขนาดนี้ แต่กลับเป็นพวกโรคจิตสุดขั้วกันล่ะ…
เธอก้มมองไปที่ชั้นหนังสือก่อนจะหยิบเล่มหนึ่งจากคอลเลกชันออกมากอดไว้ที่อก
“รุ่นพี่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว…ลองอ่านสักนิดก่อนกลับดีไหมคะ?”
ซูซุเนะจังเอียงคอนิด ๆ แล้วส่งยิ้มบาง ๆ มาให้
…น่ารักเป็นบ้า…
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่แท้ ๆ แต่เพราะรอยยิ้มน่ารักแบบนั้น กลับทำให้ฉันเผลอคิดไปว่านั่นคือการกระทำที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์…
สุดท้าย… ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธคำชวนของเธอได้เลย…
***
ปล. ไอ้พี่ชายมึงจะเข้าห้องน้องไปทำไมฟะ
ปล.2 น้องชอบแนวรุมสินะ ผู้จัดการสาวในชมรมเบสบอลชาย อรั้ยยย
MANGA DISCUSSION