การต่อสู้เพื่อปกป้อง
ถึงแม้ผมจะบอกว่า “หนีไป!” แต่มันก็ยากแม้กระทั่งสำหรับผู้ใหญ่ที่จะตอบสนองได้ทันที และตามคาด ไม่มีคุณหนูคนไหนขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
ก็คงไม่แปลกหรอก ในเมื่อสัตว์อสูรปรากฏตัวในสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัย แถมอัศวินที่พึ่งพาได้ก็ไม่อยู่ และเวทมนตร์ของโมนิก้าก็ไม่ได้ผลอีก
ดังนั้น… มีแค่ผมเท่านั้นที่ยังขยับตัวได้ ที่จะต้องทำอะไรบางอย่าง
“เวทมนตร์แสดง… 《การสร้างภาพเสมือนจริง》!!”
เวทมนตร์ที่ใช้คลุมเป้าหมายด้วยม่านสีขาวที่เคยใช้ในงานเปิดตัว ผมใช้มันคลุมหัวสัตว์อสูรที่กำลังพุ่งเข้ามา
พร้อมกันนั้น ผมก็พุ่งไปด้านข้างของสัตว์อสูร แล้วร่ายเวทมนตร์ใหม่
“《ลูกไฟ》!!”
เวทมนตร์โจมตีที่ยิงก้อนไฟใส่ศัตรู
แต่ด้วยพลังเวทมนตร์ของผม ก็ไม่ได้มีพลังมากนัก ผมไม่ได้หวังว่าจะสร้างความเสียหายตั้งแต่แรก แค่ดึงความสนใจของมันได้ก็พอแล้ว
“กรรรโชกโฮกๆ!!”
ตามคาด สัตว์อสูรที่ฉีก “ภาพเสมือนจริง” ของผมออก ก็หันกลับมาจ้องผม
มันพุ่งเข้าใส่ผมตรงๆ ยกแขนหนาเท่าท่อนซุงขึ้น
ดีล่ะ แบบนี้ก็ปกป้องโมนิก้ากับพวกเธอได้แล้ว… แต่ผมกำลังจะตายแล้วนะเนี่ย
“《ลมพัดหอมหวาน》 ขยายพลังสูงสุด!!”
เวทมนตร์แสดงผลที่ห่อหุ้มตัวเองด้วยลม และส่งกลิ่นน้ำหอมจางๆ ไปถึงศัตรู… แต่ผมร่ายมันด้วยพลังทั้งหมด เพื่อสร้างลมพายุรอบตัว
แค่นี้ก็เหมือนลมพัดธรรมดาสำหรับสัตว์อสูร ไม่ได้ขัดขวางอะไรเลย
แต่… ถ้าบวกกับแรงลมที่เกิดจากแรงโจมตีของสัตว์อสูรเอง ก็จะมีแรงมากพอที่จะพัดร่างกายผมให้ปลิวไปได้
“อึก…!?”
ก่อนที่แขนของสัตว์อสูรจะแตะตัวผม แรงลมก็พัดร่างกายผมปลิวไปราวกับใบไม้
ถึงแม้จะไม่โดนโจมตีตรงๆ แต่คู่ต่อสู้คือสัตว์อสูร แค่ถูกพัดปลิวแล้วกลิ้งไปกับพื้นก็เจ็บปวดราวกับร่างกายจะแยกเป็นชิ้นๆ แล้ว
“คุ คุณยูมิเอล!!”
โมนิก้าเห็นผมล้มลง ก็พยายามร่ายเวทมนตร์
แต่ในวินาทีนั้นเอง ดวงตาของสัตว์อสูรก็จับจ้องไปที่โมนิก้า ทำให้เวทมนตร์ที่เธอกำลังร่ายสลายไปในอากาศ
“อย่ายื่นมือออกมานะ!!”
ผมเปล่งเสียงออกมาจากส่วนลึกของท้อง แล้วร่าย “ลูกไฟ” อีกครั้ง เพื่อดึงความสนใจของสัตว์อสูรกลับมา
ไม่รู้ว่าไม่เชื่อการกระทำของผมหรือเปล่า โมนิก้าเบิกตากว้างมองผม
“พวกเธอ… รีบหนีไปซะ นี่มันคู่ต่อสู้ของฉัน!!”
โมนิก้าพูดความจริงออกมาอย่างตรงไปตรงมา แม้จะตกใจกับสำเนียงผู้ชายที่หลุดออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวของผม
ก็จริงนะ เวทมนตร์ของผมเป็นแค่เวทมนตร์สำหรับแสดงผล ที่เน้นความสามารถในการควบคุมเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรที่ใช้ในการต่อสู้ได้เลย
ผมไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะมันได้ หรือแม้แต่จะทำให้มันบาดเจ็บด้วยซ้ำ
แต่ว่า…
“แล้วมันยังไงล่ะ!?”
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องถอยในตอนนี้
“ฉันคือกรานเบล! ถ้าฉันทิ้งเพื่อน… ทิ้งเด็กผู้หญิงที่ไม่มีความกล้าหาญที่จะต่อสู้แล้วหนีกลับไป ฉันจะไปสู้หน้าครอบครัวได้ยังไงกัน!!”
ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของผม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่ผมจำความได้จากชาติที่แล้ว
ผมแค่ต้องการได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว อยากให้ครอบครัวรัก อยากเป็นคนที่ได้รับความรักอยู่เสมอ แค่นั้นเอง
ถ้างั้น ผมก็คงถอยไม่ได้หรอก
ไม่ว่าจะมีพลังหรือไม่ ไม่ว่าจะมีโอกาสชนะหรือไม่
ถ้าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ใครบางคนต้องต่อสู้ และมีแค่ผมเท่านั้นที่ทำได้… ผมก็ต้องต่อสู้
เพื่อความปรารถนาของผมเองโดยเฉพาะ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ถ้าทุกคนหนีไปแล้ว ฉันก็จะหาทางหนีไปด้วยเหมือนกัน”
“กรรรโชกโฮกๆ!!”
สัตว์อสูรหันกลับมาทางผมอีกครั้ง ยกแขนขึ้นฟาดลงมา
ผมพยายามหลบมัน แต่ก็เผลอเหยียบชายกระโปรงตัวเองล้มลง
ผมหนาวไปถึงขั้วหัวใจเมื่อได้ยินเสียงก้องกังวานที่ผ่านไปเหนือหัวนิดเดียว ผมลุกขึ้นยืนแล้วฉีกชุดเดรสที่สวมอยู่เพื่อให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
…เป็นชุดที่ผมชอบมากเลยนะ ต้องขอโทษมานิล่าที่ออกแบบให้ด้วย
“แล้วก็… เราสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ผมรีบถอยห่างจากสัตว์อสูร แล้วยิ้มให้โมนิก้าในช่วงเวลาสั้นๆ ที่จ้องหน้ามัน
ถึงแม้ใบหน้าของผมจะดูแย่มาก เปื้อนดินเพราะกลิ้งไปมาหลายครั้ง และมีเลือดซึมออกมาบ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังยิ้ม “น่ารัก” ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง
“ในนามของกรานเบล ฉันจะปกป้องโมนิก้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ฉันไม่มีทางให้คำสาบานนั้นจบลงที่นี่หรอกนะ… ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก”
ไม่มีคำตอบจากโมนิก้า
อาจเป็นเพราะโมนิก้าพูดอะไรไม่ออก แต่ผมเองก็ถูกสัตว์อสูรพัดปลิวไปอีกครั้ง จนไม่มีเวลาฟังคำตอบนั้นเลย
“คุณยูมิเอล!!”
“อึก…!! รีบหนีไปซะ แล้วไปเรียกอัศวินมาช่วย!! ได้โปรด!!”
ผมลุกขึ้นยืนพลางกลิ้งไปกับพื้น แล้ววิ่งเข้าป่าทั้งๆ ที่ร่างกายเจ็บปวด
ผมรู้สึกถึงแรงกดดันของสัตว์อสูรที่วิ่งตามหลังมา แล้วกัดฟันแน่น พยายามก้าวขาไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด
MANGA DISCUSSION